คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นจงใจกระทำตามใจตนเอง
ที่มาของคำว่า คริสตจักร
ที่มาของคำว่า คริสตจักร
ThaiKJV สภษ. 18:1 คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นจงใจกระทำตามใจตนเอง และค้านคติแห่งสติปัญญาทั้งหลาย
ฉบับ THSV สภษ. 18:1 คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นก็แสวงหาแต่สิ่งที่ตนปรารถนา และขัดแย้งกับสติปัญญาทุกอย่าง
: คนที่แยกตัวเอง โดยทำตามใจปรารถนาของตัวเอง และค้านคติแห่งสติปัญญาทั้งหลายเอกลักษณ์ทางปรัชญาที่แยกตัวออกมาต่างหาก เรียกว่า "คริสตจักร หรือ church"และได้ทอดทิ้ง รัฐอิสราเอล และโทราห์ เขาต่อต้านทั้งหมดของภูมิปัญญา (สติปัญญา) ที่แท้จริง พวกเขาแสวงหาความปรารถนาของตัวเอง ไม่ใช่ของพระยาห์เวห์
ในภาษาฮีบรู สติปัญญา หรือ ภูมิปัญญา Chokhmah ("ปัญญา"; חכמה) wisdom หมายถึง ความสามารถในการมองได้ลึกในบางแง่มุมของความจริง ได้รับการเปิดเผยความจริง
Chokhmah คำนี้แบ่งได้ สองคำ koach ("potential") and ma ("what is")ดังนั้น Chokhmah หมายถึง "the potential of what is" or, "the potential to be"
ในส่วนใหญ่ของพระคัมภีร์ภาษาอังกฤษเราจะเห็นคำว่า "church"
ในที่นี้จะเน้นที่คำว่า "church" ส่วนคำแปลว่า คริสตตักร หีอ โบสถ์นั้น เราค่อยพิจารณาและขอพระวิญญาณทรงเปิดตาใจของเราด้วยความจริงของพระองค์
ต่อกันเลยนะครับ คำๆนี้ในภาษากรีกคือ Ekklesia นี่เป็นข้อผอดพลาดของการแปลพระคัมภีร์กรีก เพราะคำว่า Ekklesia หมายถึง "called out ones" มีคนให้คำจักัดความว่า "คนออกเรียก"
ในภาษาฮีบรูใช้คำว่า "ชุมชน" "สภา" ใช้คำว่า "Qahal หรือ Kahal" เป็นคำเฉพาะคือ ชุมชนพระยาห์เวห์ หรือ ชุมชนพระเมสสิยาห์
ที่มาของคำว่า "church" มาจาก kuriakon หรือ kyriakon ในภาษากรีก แต่มันเป็นที่รู้จักกันในสกอตแลนด์ ในเยอรมันใช้ "Kirche" และในประเทศเนเธอร์แลนด์ "kerk." หมายถึง อาคาร หรือสิ่งก่อสร้าง วัดแห่ง Kirce หรือ เซอร์ซี (Circe)เทพีแห่งเวทมนต์ บางครั้งเห็นเป็น แม่มด (ภาษาไทยใช้คำว่า นางไม้ที่สิงสถิตตามป่าตามเขา) หรือหมอผี พ่อมด ผู้วิเศษ (witch, enchantress or sorceress)
คำว่า Circe มาจากคำฮีบรู "kikkar" Circe เป็นลูกสาวของ Mithra(มิทรา ) ในฐานะพระเจ้าพระอาทิตย์ที่คนกราบไหว้ "Christos Helios" หรือเรียกให้ถึงบางอ้อก็คือ The Sun God of Constantine (พระเจ้าของคอนสแตนติน)
จากคนที่ชื่อ คริสต์ หมายถึง เขาเป็น anointed one ดังนั้นที่คุณสามารถดูโดยรากศัพท์ของคำว่า "โบสถ์" หรือ "church" มันเห็นได้ชัดแม้ไม่ได้ลงรายละเอียดว่านี่คือ จุดเริ่มต้นที่เกี่ยวกับ อิสลาม คอนสแตนตินที่มีอิทธิพลต่อโลก คอนสแตนติบูชา "Christos Helios"
การสอนที่พูดถึง "church" คือเจ้าสาวแห่งพันธสัญญาของพระเจ้าจริงเป็นความบิดเบือน เจ้าสาวของพระเจ้าคือ "อิสราเอล" มีเพียง อิสราเอลเท่านั้นที่เมื่อสู่ความสมบูรณ์ คือเจ้าสาวบริสุทธิ์ที่พระวจนะบันทึกไว้ เขาจะเป็นหนึ่งเดียวกันใน มัทธิว บันทึกไว้
มธ. 19:5 และตรัสว่า‘เพราะเหตุนี้ ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน’ มีเพียงเจ้าสาวที่ระบุในพระคัมภีร์เท่านั้น ในยอห์น
ยน. 11:52 และไม่ใช่แทนชาติยิวเท่านั้น แต่เพื่อรวบรวมลูกพระเจ้าที่กระจัดกระจายให้รวมเข้าเป็นหนึ่งเดียว ถ้าเราเชื่อในที่มาของคำว่า "church" แล้ว พระเจ้าทรงมีเจ้าสาว 2 คนหรือ ?
ในมัทธิว มธ. 15:24 พระองค์ตรัสตอบว่า “เราไม่ได้รับใช้มาหาใคร เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล”
ในภาษาเดิม ใช้คำว่า พระเองค์มาตามหาแกะที่หลงเจิ่นไปจากบ้านของ อิสราเอล เท่านั้น (ในที่นี้หมายถึง เอฟราอิม ที่เล็งถึงคนต่างชาติ และอิสราเอลที่หลงหายรวมเข้าไปด้วย) พระองค์ตรัสว่า คืออิสราเอลเท่านั้น
ในพระคัมภีร์ "church" ดังที่กล่าวไปแล้วว่าถูกใช้ในภาษากรีกว่า "ekklessia" ถูกทับศัพท์โดย กลุ่มคาทอลิกในสมัยนั้นว่า "church"แทน มีความหมายที่ให้ว่า "the ones called out," or, "called out assembly" ดังที่กล่าวไปแล้วเช่นกัน
มันจึงเป็นการปลีกตัว แยกตัวออกมาจากยิว (อิสราเอล) ที่แท้จริง ไม่ต่างกับ องค์กร ที่แยกตัวออกมาต่างหาก
ในภาษาไทย "church" ใช้คำว่า “คริสตจักร” หรือ “โบสถ์”
ผมเชื่อแน่ว่าหลายคน เข้าใจดีว่า พวกเราคือคริสตจักร ไม่ใช่ตัวอาคาร
แต่ถ้าเราใช้ คำที่ยังมีความหมายว่า ตัวอาคารอยู่ ก็เท่ากับว่าตัวเราเอง หรือ ชุมชนของพระเจ้าคือตัวอาคาร
ในทางคริสต์ศาสนา โบสถ์ (อังกฤษ: church) หมายถึง อาคารหรือสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์มารวมกันเพื่อประกอบพิธีหรือทำศาสน กิจร่วมกัน คำว่าโบสถ์ในภาษาอังกฤษ หรือ "church" อาจมีความหมายกว้างขึ้นหมายถึง คริสตจักร ซึ่งคริสตจักรในความหมายตามพระคัมภีร์ หมายถึง ประชากรหรือชุมชนของพระเจ้า พระคัมภีร์เดิมฉบับแปลกรีก (เซปทัวจินต์) ใช้คำกรีกคำนี้เพื่อแปลคำว่า "ชุมชน"
มธ. 16:18 เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
:หลายครั้งพระวจนะตอนนี้เป็นที่เข้าใจของ คาทอลิคว่า ศิลา คือเปโตร แต่เราซึ่งเป็นผู้เชื่อใน พระเมสสิยาห์ พระบุตรของพระยาห์เวห์ เราเชื่อว่า ศิลา คือพระเยซู
“เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างชุมชนของเราและประตูนรกจะมีชัยต่อเธอไม่ได้เลย”
อีกฉบับ บันทึกว่า “และพูดกับท่านว่า ท่านเป็นเคฟา และบนศิลานี้เราจะเรียกคืนการชุมนุมของเราเป็นบ้านแห่งการอธิษฐาน และประตูนรกจะไม่สามารถต่อต้านมันได้”
บ้าน = Bayit บ้านของพระยาห์เวห์ คำว่า บ้าน หรือตึก เป็นคำที่ชาวอิสราเอลตั้งชื่อหรือกำหนด ระบุสถานที่ที่เป็นบ้านของ พระยาห์เวห์ พระคัมภีร์ที่ถูกเขียนและบันทึกขึ้นก่อนพระเยซูจะมานั้น คือ ภาษาฮีบรู เราจะเจอคำว่า Kahal ซึ่งมักจะแปลเป็นคำว่า Congregation หรือ ชุนนุมชน
Kahal จึงหมายถึง ชุมชนของพระเจ้า หรือครัวเรือนของพระองค์ และเป็นตัวแทนสิทธิ์อำนาจของพระยาห์เวห์ ในคริสตจักรยุคแรกจะถูกเรียกว่า เป็นชุมชนของพระเมสสิยาห์ เมื่อ โดยมีการปกครองที่ต้องเป็นไปตามแบบแผนที่พระองค์วางไว้ มีพระยาห์เวห์เป็นบิดาของทุกคน มีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือ ชุมชนของพระองค์
พระองค์ใช้คำศัพท์เดิมที่ มีอยู่พันธสัญญาเดิมอยู่ แล้ว (พระองค์ใช้คำว่า Kahal ที่แปลว่า ชุมนุมชน) คือ อิสราเอลฝ่ายวิญญาณ หรือชนชาติของพระเจ้าในฝ่ายวิญญาณ(โดยพระคุณของพระองค์ผ่านทางความเชื่อ)
ดัง นั้นแท้จริงแล้ว ใน (มธ.16:18) พระองค์ไม่ได้พูดคำว่า Ecclesia แต่พูดคำว่า Kahal ต่างหาก เพราะคำว่า Ecclesia แท้จริงไม่ได้แปลว่าคริสตจักรหรือชุมชนเพราะเมสสิยาห์เท่านั้น แต่แปลได้ว่า ชุมชนทั่วไป อะไรก็ได้
มธ. 16:18 And I say also to you, That you are Kepha, and upon this Rock I will restore My congregation as a Bayit of tefillah; and the gates of Gei-Hinnom shall not prevail against it.
Bayit แปลว่า บ้าน
Gei-Hinnom ฮินโนม เป็นหุบเขาลึกนอกกรุงเยรูซาเล็ม อาหัสเคยใช้เป็นที่ตั้งแท่นบูชาไฟและเผาโอรสของ พระองค์เองเป็นเครื่องบูชา (2 พศด 28:3) จึงเป็นศูนย์กลางของการนับถือพระเท็จเทียมที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในอิสราเอล
เมื่อสิ่งนี้ยกเลิกไป ชาวยิวใช้หุบเขาฮินโนมเป็นที่เผาขยะของกรุงเยรูซาเล็ม ฮินโนมจึงกลายเป็นสถานที่สกปรก เหม็น เต็มไปด้วยหนอน มีไฟและควันคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ที่สุด “ฮินโนม” กลายเป็น “นรก” สถานที่สาหรับทรมานและทาลายวิญญาณของคนชั่ว
ซึ่งมันก็เกี่ยวข้องกันที่พระองค์ ตรัสว่าจะรื้อฟื้น และเรียกคืนการชุมนุม แกะหลงทั้งหลาย เอฟราอิมกำลังกลับคืนสู่บ้าน แต่จากพระวจนะข้างต้น
สภษ. 18:1 คนที่ปลีกตัวไปจากผู้อื่นก็แสวงหาแต่สิ่งที่ตนปรารถนา และขัดแย้งกับสติปัญญาทุกอย่าง
ก็มีคนที่แยกและปลีกตัวเองออกไป ตามใจปรารถนาของตนเอง เราสังเกตุได้จากหลายนิกายหลายความเชื่อ เรามักได้ยินคำพูดที่ว่า “เชื่อแบบไหนก็ได้ พระเจ้าองค์เดียวกัน” แต่เรามั่นใจไหมว่า พระเจ้าองค์นั้น คือพระเจ้าผู้ทรงพนะนามว่า ยาห์เวห์ เอโลฮิม
แม้ทุกวันนี้จะยากที่เราจะเปลี่ยนการเรียกเช่นนั้น และก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปขัดแย้งกันเลยในเรื่องการเรียกชื่อกับใคร ซึ่งผมก็ไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น และผมเชื่อว่าพระเจ้าเองก็รู้เจตนาในภายในใจของเราดี สำหรับผมแล้ว ผมมีความสุขที่ได้อยู่ร่วมในชุมชนของพระยาห์เวห์กับพี่น้องทุกคนครับ
บทความที่เกี่ยวข้อง : ชุมชนพระเมสสิยาห์ Kahal
http://missionkorat.blogspot.com/2012/12/kahal.html
ชาโลม
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น