พันธกรทั้ง 5
อฟ. 4:12 เพื่อเตรียมธรรมิกชนสำหรับการปรนนิบัติและการเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
แท้จริงพันธกรทั้ง 5 คือการเจิม 1 เดียวที่มีอยู่ในพระเยซูหรือ ยาชูวาห์ พระบุตรของพระเจ้า พระองค์ได้มอบของประทาน 1 เดียวนี้ให้กับ ประชากรของพระองค์ คือแบ่งการเจิมออก ไม่มีใครมีของประทาน พันธกรทั้ง 5 ครบในคนเดียว แต่เมื่อเราต่างเป็นกายเดียวนั้น แต่ละคนจะมีของประทานที่แตกต่างกัน
พันธกรทั้ง 5 จึงไม่ใช่ตำแหน่ง แต่เป็นของประทานการเจิมของพระ
ในพันธกรทั้ง 5 นั้น ในเอเฟซัส 4:11-13 พระองค์ทรงออกแบบมาเพื่อที่จะเตรียมธรรมมิกชน
อัครทูต ไม่ใช่เป็นรากฐานของโครงสร้าง แต่เป็นผู้ที่จะมองเห็นพิมพ์เขียวของพระ Yahweh และจัดการแต่ละโครงสร้างให้เข้าที่เข้าทาง ตามโครงสร้างนั้น Yeshua คือรากฐานของโครงสร้าง การเจิมแห่งการวางรากฐานความเชื่อ (หลายคนเข้าใจผิดว่าอัครทูตเป็นผู้บุกเบิกคริสตจักร หรือเป็นหัวหน้าคณะ นิกาย)
มธ. 16:18 เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้
คำว่าสร้าง แท้จริงคือคำว่า restore พระองค์ไม่ได้มาตั้งศาสนาใหม่ หรือคริสตจักรใหม่
แต่พระองค์มา รื้อฟื้น คืนชีวิต ซ่อมแซม ทำให้แข็งแรงและ กลับสู่สภาพเดิม TORAH ไม่ใช่ภาระ ถ้าเรายังคิดว่าโทราห์และ ธรรมบัญญัติคือภาระ เราก็กำลังมองมุมโครงสร้างเดิมของ วิญญาณแบบ ฟาริสี ที่เคร่งครัดแบบวิญญาณศาสนา
แน่นอนธรรมบัญญัติมีมากมาย นอกจากบัญญัติ 10 ประการและยังมีอื่นๆอีกมากมาย จนมีการระบุว่ามีถึง 613 ข้อที่แตกย่อยมาจากบัญญัติ 10 ประการ แล้วเราจะประพฤติได้หมดเลยหรือ จะจำได้ยังไงได้ทั้งหมด มันเป็นภาระจริงๆหรือ ?
คนอิสราเอลก่อน Yeshua เสด็จมาก็ล้มลงหลายครั้ง จนไม่สามารถประพฤติและทำตามสิ่งที่พระ Yahweh ประทานให้เขาทำได้สำเร็จ เขาไม่สามารถพยายามด้วยตัวเองได้เลย
ยน. 1:1 ในปฐมกาลพระวาทะทรงดำรงอยู่ และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า
พระวาทะ คือ Yeshua และ เป็นคำเดียวกับคำว่า Torah พระองค์คือ Torah ที่มีชีวิต (living Torah)
อสย. 28:16 เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ องค์เจ้านายตรัสดังนี้ว่า “นี่แน่ะ เราวางศิลาก้อนหนึ่งในศิโยน คือศิลาที่ทดสอบแล้ว เป็นศิลามุมเอกล้ำค่า เป็นรากฐานมั่นคง ‘เขาผู้นั้นที่วางใจจะไม่เร่งร้อน’
ในภาษาฮิบรู, Rosh Pinah หมายถึง "มุม" หรือในพระคัมภีร์ไทยแปลว่า “ศิลามุมเอก”และนั่นหมายความว่า Yeshua พระเจ้าเป็นรากฐานที่สำคัญของความเชื่อของเรา
1คร. 3:11 เพราะว่าใครจะมาวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์
1คร. 3:16 ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน?
ยาชูวาห์ ฮามาชียาห์ พระองค์คือรากฐาน ซึ่งเตรียมบ้านของพระยาห์เวห์ อัครทูตจะเป็นผู้วางรากฐาน ซึ่งมียาชูวาห์เป็นรากฐานนั้น และจะมองเห็นว่าลำดับอะไรที่จะวางก่อนหลัง บนรากฐานนั้น ซึ่งมั่นคงและแข็งแรง ไม่มีรากบานใดจะมั่งคงและแข็งแรงเท่ากับ ยาชูวาห์อีกแล้ว พระองค์ทรงเป็นรากฐาน เป็นศิลามุมเอกที่มั่นคง
เมื่อพระองค์เป็นรากฐานที่มั่นคง เราจึงจำเป็นต้องยึดติดกับพระองค์
มธ. 5:17 “อย่าคิดว่าเรามาล้มเลิกธรรมบัญญัติและคำของบรรดาผู้เผยพระวจนะ เราไม่ได้มาล้มเลิก แต่มาทำให้สมบูรณ์ทุกประการ
มธ. 5:18 เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า จนกว่าฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรที่เล็กที่สุด หรือขีด ขีดหนึ่ง ก็จะไม่มีวันสูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าทุกสิ่งจะเกิดขึ้น
มธ. 5:19 เพราะฉะนั้น ใครทำให้ข้อเล็กน้อยเพียงข้อหนึ่งในพระบัญญัตินี้ มีความสำคัญน้อยลง และสอนคนอื่นให้ทำอย่างนั้นด้วย คนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นผู้เล็กน้อยที่สุดในแผ่นดินสวรรค์ แต่ใครที่ประพฤติและสอนตามธรรมบัญญัติ คนนั้นจะได้ชื่อว่าเป็นใหญ่ในแผ่นดินสวรรค์
มธ. 5:20 เพราะเราบอกพวกท่านว่า ถ้าความชอบธรรมของท่านไม่มากกว่าความชอบธรรมของพวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี พวกท่านจะไม่มีวันได้เข้าสู่แผ่นดินสวรรค์
มันจำเป็นอย่างมากที่เราเข้าใจว่าเราได้เดินตามพระเยซู และพระองค์มาทำให้บัญญัติที่ยุ่งยากได้จบไปและหมดไปแล้ว เราเป็นผ๔มีเสรีภาพ หลุดจากการเป็นทาสของธรรมบัญญัติ เราตีความว่าเราโล่งและวิญญาณศาสนาจะหนุนเราให้รู้สึกดีที่ไม่ต้องไปเคร่งเครียดรักษาธรรมบัญญัติอีกต่อไป
แท้จริงพระองค์ไม่ได้มายกเลิกแต่มาทำให้สำเร็จ ตามนั้นทุกประการ ในพันธสัญญาเดิมพยากรณ์ไว้เช่นไร พระองค์มาทำให้สำเร็จทุกประการ
สำนวนตอนนี้ สำเร็จ = การมาทำ ตามนั้นทุกอย่าง พระองค์เกิดจากหญิงพรหมจารีย์ พระองค์เกิดในเทศกาลอยู่เพิง พระองค์ถูกตรึง สิ้นพระชนม์ และเป็นขึ้นมาตามนั้นทุกประการ ไม่ผิดพลาด และระหว่างนั้นพระองค์ทำตามโทราห์และธรรมบัญญัติได้ครบถ้วนและสมบูรณ์
รม. 10:4 เพราะว่าพระคริสต์ทรงเป็นจุดจบของธรรมบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนที่มีความเชื่อได้รับความชอบธรรม
พระธรรมตอนนี้หลายท่านคงทราบความหมายที่แท้จริงแล้วว่า พระองค์คือเป้าประสงค์หรือเป้าหมายของธรรมมบัญญัติ (จุดจบ = เป้าประสงค์)
ดังนั้นเราจำเป็นหรือที่ต้องกลับไปที่โทราห์ หรือธรรมบัญญัติ เราอยู่ดีๆมีเสรีภาพ พระเยซูปลดปล่อยแล้ว นี่คือความจริงหรือที่เราจะต้องกลับไปที่ธรรมบัญญัติอันดูแล้วว่าน่าจะเป็น ภาระมากกว่าให้ชีวิต เราคงทำไม่สำเร็จแน่นอน
จริงครับเราไม่สามารถทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน พระองค์ไม่ได้มาทำการบ้านแทนเรา แต่มาสอนเราให้ทำการบ้าน ถ้าการบ้านมันยากและเราทำไม่ได้ และถ้าเราอยากให้พระองค์ทำให้ เราก็จะไม่มีความรู้หรือเข้าใจในสิ่งนั้นเลย
แต่พระองค์มาเพื่อสอนเราตีความ และเชื่อฟังโทราห์ และธรรมบัญญัติทั้งหลาย ไม่ใช่ในมุมของฟาริสี ตัวแทนของวิญญาณศาสนา แต่ในมุมของพระทัยพระบิดา เพื่อเราจะประพฤติตามพระทัยของพระบิดาได้อย่างถูกต้อง โทราห์มีเพื่อให้เราแยกได้ระหว่าง ดำและขาว แยกความบาป แยกตัวออกมาเพื่อพระยาห์เวห์โดยเฉพาะและเพื่อพระองค์ (Kadosh)
และเพื่อที่เราจะมีสติปัญญา และจะทรงประทานความเข้าใจให้กับเราโดยธรรมชาติใหม่ ผ่านกางเขนของพระองค์ การเชื่อฟังธรรมบัญญัตินำมาซึ่งศักศรีอันยิ่งใหญ่
พระองค์ทรงเดินตามธรรมบัญญัติในความเป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ครบถ้วน เพื่อเราจะเป็นดั่งพระองค์ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องสมบูรณ์แบบเหมือนพระองค์ แต่ทรงมาเป็นรากฐานที่สมบูรณ์ที่เราจะไม่ล้มลงด้วยขาดความมั่นคงอีก เพื่อเราจะทำได้
เราไม่ได้อยู่เพื่อจะประพฤติตามบัญญัติเพื่อจะรอด และเราก็ไม่ได้รับความรอดเพื่อจะใช้ชีวิตแบบเสรีภาพเพราะพระองค์มาทำการบ้านแทน และเราไม่ต้องทำ แต่..เรารอดแล้วเพื่อจะดำเนินตามโทราห์แห่งชีวิต คือองค์ยาชูวาห์
ธรรมชาติของมนุษย์นั้นจะมีแนวโน้มชอบฝ่าฝืน ธรรมบัญญัติก็ถูกฝ่าฝืนเช่นเดียวกัน ยาชูวาห์ พระองค์มานำเอาธรรมชาติบาปนั้นออกไปจากเรา
เยเรมีย์ 31:31 และ ฮีบรู 8:10 ได้จารึกในหัวใจของเรา ไม่ใช่เสรี
ภาพและพระคุณที่จะทำอะไรก็ได้ แต่จงดำเนินตามธรรมบัญญัติ และพระองค์จะช่วยเรา
ไม่ใช่ผิดไม่ได้ พลาดไม่ได้ แต่พระองค์จะนำเราและเดินไปบนทางนั้น
ฮบ. 8:10 นี่คือพันธสัญญาที่เราจะทำกับชนชาติอิสราเอล ภายหลังจากสมัยนั้น องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัส เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในจิตใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในดวงใจของพวกเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของเรา
ขอสรุปยาวๆตรงนี้ครับ
1.อัครทูต เป็นการเจิมแห่งการวางรากฐานความเชื่อ (หลายคนเข้าใจผิดว่าอัครทูตนั้นเป็นผู้บุกเบิกคริสตจักรแห่งใหม่) หลายคนเข้าใจผิดว่าอัครทูต คือรากฐาน แท้จริง อัครทูต ไม่ใช่รากฐาน
ในพระคัมภีร์ กิจการเราจะเห็นได้ว่า การบุกเบิกคริสตจักรใหม่นั้นเป็นงาน การเจิมของผู้ประกาศ และบรรดานักประกาศ และแม้กระทั้งผู้เชื่อธรรมดาก็บุกเบิกได้
(กิจการ บทที่ 8 และ 9)
กิจการบท 8 ฟีลิปเป็นคนบุกเบิก และเขาส่งคนให้ไปตาม อัครทูตเปโตรและยอห์นให้มาวางรากฐาน (เปโตร และยอห์น คืออัครทูต) และจัดระบบให้ถูกต้อง
2.ผู้เผย มีการเจิมแห่งการนำคนให้มีความสนิทสนมกับพระยาห์เวห์ผ่านททาง การนมัสการ การอธิษฐานวิงวอน หรือแม้แต่ถ้อยคำที่เขาได้รับการสำแดง
3.ครู หรืออาจารย์ มีการเจิมแห่งการสอนผู้เชื่อ ให้ดำเนินชีวิตตามพระวจนะตามโทราห์ของพระยาห์เวห์
4.ผู้ประกาศ มีการเจิมแห่งการการเสริมสร้างผู้เชื่อให้ห่วงใยคนหลงหาย และนำเขามาเชื่อพระเจ้า ผ่านหมายสำคัญและการอัศจรรย์ เราเห็นนักประกาศมากมาย ที่มีของประทานแบบนี้
5.ศิษยาภิบาล มีการเจิมแห่ง การเยียวยา รักษา บำบัดภายใน และหัวใจพระบิดาเขาจะสัมผัสและเข้าใจถึงหัวใจและพระทัยของพระบิดาได้ เพราะเขาต้องอภิบาลลูกแกะ
หลายคนเทศนาสอนว่า ปัจจุบันนี้ ของประทานอัครทูต และผู้เผยพระวจนะไม่มีแล้ว เพราะของประทานสองอย่างนี้ พระเจ้าทรงประทานให้กับคริสตจักรเพื่อเขียนพระคริสตธรรมคัมภีร์ซึ่งเป็นราก ฐานของคริสตจักร เมื่อพระคัมภีร์เขียนเสร็จแล้วของประทานสองตำแหน่งก็หมดหน้าที่แล้ว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดและบิดเบือนอย่างมาก
เพราะนั้นเท่ากับเป็นการตัดทอนของประทานที่มีในพระกาย ที่พระเยซูทรงประทานให้ออกไป
เราลองมาดูภาพสรุปกันว่า พระเยซูคือศิลามุมเอก คือรากฐานที่สำคัญของเรา ไม่มี ผู้ใดจะเป็นรากฐานที่ดี และมั่นคงได้เท่ากับพระองค์
อัครทูตและผู้เผยพระวจนะ เปรียบได้กับโครงสร้างที่แข็งแรง เป็นโครงสร้างของบ้าน ส่วนของประทาน 3 อย่างที่เหลือนั้น จะเป็นส่วนประกอบให้บ้านทั้งหลังสมบูรณ์ได้อย่างสวยงาม มั่นคงและแข็งแรง
พระกายของพระเมสิยาห์ หรือพระวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่แท้จริงต้องถูกสร้างขึ้นบนโครงสร้างที่พระองค์ได้ออกแบบไว้เท่านั้น
ภาษาฮีบรูคำว่า อัครทูต คือ ซลีคิม (shlichim) มีความหมายมากกว่า คำว่า อพอสโตลอส ในภาษากรีก ส่วนผู้เผยคือ นาวีอิม (neviim) ทั้งคู่เป็นพหูพจน์
ส่วนคำว่า ศิลามุมเอก คือ โรส พินา (คำว่าโรส แปลว่าที่หนึ่ง อันดับแรก อันที่สำคัญที่สุด)
เข้าใจได้ง่ายๆ ว่า พระกายของพระเมสสิยาห์ตั้งอยู่บน รากฐานศิลามุมเอกคือพระเมสิยาห์ (พระเยซู) ส่วนอัครทูตและผู้เผยเป็นเหมือนโครงสร้าง (การเจิมที่เป็นหลัก หรือโครงสร้างนั่นเอง) ที่เชื่อมส่วนต่างๆของบ้านเข้ากับรากฐานที่แท้จริงคือพระเมสสิยาห์
พระยาห์เวห์ได้ออกแบบให้คนที่วางรากฐานคือ อัครทูต และบนการเจิมของอัครทูตนี่เอง ผู้เผยจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ส่วนของประทานพันธกร อาจารย์ ผู้ประกาศ และศิษยาภิบาลนั้น จะต้องทำงานบนการเจิมของ อัครทูตและผู้เผยพระวจนะ เราพอจะเห็นภาพใช่ไหมครับ
ถ้าอัครทูตที่เป็นการเจิมหลัก มองไม่เห็นพิมพ์เขียวของพระยาห์เวห์ อะไรจะเกิดขึ้นกับโครงสร้าง
เมื่อพระกายถูกสร้างบนโครงสร้างที่ถูกต้องแล้ว พระสิริของพระยาห์เวห์ก็จะเทลงมาเหนือพระวิหารของพระองค์ อัครทูตจึงเป็นเหมือนโมเสส ตอนที่โมเสสได้เห็นแบบจำลองพลับพลาของพระยาห์เวห์ที่สวรรค์บนภูเขาซีนาย การเห็นพิมพ์เขียวจึงเรียกได้ว่าว่า การเจิมของอัครทูต
และ แม้แต่คนที่เชื่อในพันธกรด้วยกัน ยังมองต่างกัน ในมุมมองคำสอนของ ฝรั่งนั้น หรือบางแห่ง พันธกรทั้ง 5 ถูกมองยังกับฮีโร่ พระเอก แต่ในมุมของยิวแล้ว พันธกรทั้ง 5 เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงมุมมองที่พวกเขาคือผู้เสียสละ สร้างธรรมมิกชนเพื่อจะรับใช้ และออกไป ให้เติบโต ภาษาไทย ภาษิตว่า ปิดทองกลัง ...ระ และไม่ใช่ฮีโร่ ไม่ใช่พระเอก แต่สร้างพระเอก
และไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้ จะมีเพียงบางคนเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : จะได้พันธกรทั้ง 5 ได้อย่างไร ?
http://missionkorat.blogspot.com/2010/07/5.html
ชาโลม
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น