วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553

บุคลิกภาพ

บุคลิกภาพ

บุคลิกภาพ
เมื่อพูดถึงคำว่า บุคลิกภาพนี่ ภาพที่เข้าใจมักเป็นคนที่วางตัวดี
วางตัวเหมาะสม การแต่งตัวดี แต่บุคลิกภาพที่ผมจะพูดถึงวันนี้
ไม่ใช้ภาพที่กล่าวข้างต้น ไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่า
นั้นแต่เป็นสิ่งที่อยู่ภายในด้วย
มีคนให้คำจำกัดความบุคลิกภาพว่า การยึดมั่นในคุณธรรม
และจริยธรรม

จำเป็นหรือที่คริสเตียนที่เชื่อในพระเจ้าต้องมีบุคลิกภาพที่ดี พระ
เจ้ามองดูสิ่งเหล่านี้ด้วยหรือ? อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าไม่ใช่
ความพยายามที่สร้างขึ้นเพื่อการยอมรับ ไม่ใช่การแต่งตัวดีใส่
สูทโก้หรูนั่นไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ

การพัฒนาบุคลิกภาพคือการวางใจในพระองค์ ไม่ใช่วางใจเพียง
แค่ชั่วครู่ชั่วยาม แต่ต้องวางใจในทุกสถานการณ์วางใจเมื่ออยู่ใน
สถานการณ์ที่ดี และเป็นที่น่าพอใจ และวางใจแม้ต้องเผชิญสถาน
การณ์ที่ย่ำแย่และยากลำบาก

มันยากแน่นอนที่เราจะวางใจในสถานการณ์ที่เลวร้าย แต่เมื่อเรากล้า
ที่จะวางใจเราก็ได้ก้าวเข้าสู่การพัฒนาบุคลิกภาพของเราด้วย
เมื่อครั้งหนึ่งผมจะขับรถไปทำธุระที่ผมให้ความสำคัญมากงานหนึ่ง
ด้วยความมีสันติสุข แต่จู่ๆรถที่จะขับไปสตาร์ทไม่ติดซะแบบนั้น
มี2ตัวเลือกที่คุณต้องเลือกใช้ในเวลานั้นคือปลดปล่อยคำพูดใน
แง่ลบออกมา บ่นด้วยถ้อยคำที่เป็นแง่ลบ และมีปฏิกิริยาทีหัวเสีย
สุดๆ เหมือนอิสราเอลที่บ่นและขาดความเชื่อในถิ่นทุรกันดาร
หรือเลือกที่จะนิ่งสงบและวางใจในพระเจ้าที่พระองค์จะประทาน
หนทางให้ สงบเพื่อฟังเสียงพระองค์

ให้เรามีบุคลิกภาพที่ดีเลือกที่จะพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับมันยิ่งเรา
มีบุคลิกภาพที่ดีมากขึ้นแค่ไหน พระเจ้าก็จะปลดปล่อยสิ่งดีๆ ตลอดจน
ความสามารถในเราให้มีมากยิ่งขึ้น

เราเองต้องมีความหนักแน่นมั่นคงในองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ก็คือการ
เชื่อวางใจอย่างสุดๆในองค์พระผู้เป็นเจ้านั่นเอง อย่างไม่มีข้อสงสัย
ใดๆเลย เพราะเมื่อพระเจ้าเองจะปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างในเรา
พระองค์จะมองเราด้วยว่าเราพระองค์จะมองดูที่ศักยภาพและ
บุคลิกภาพของเราว่าจะมีรองรับสิ่งที่พระองค์จะประทานให้หรือไม่

ทุกคนสามารถมีบุคลิกภาพที่ดีได้ เราทำได้ก็คือความเชื่อของเรานั่น
เองและความไว้วางใจในพระองค์ ที่จะทำให้เราพัฒนาบุคลิกภาพ
เพื่อคู่กับการรับใช้ตามของประทานของเรา ทุกคนมีของประทานแน่
นอนแต่ใครที่คิดว่าทำไมของประทานที่เรามีถึงไปไม่ถึงไหนสักที ?
ก็เพราะว่า บุคลิกภาพที่ดีมีเพื่อพระเจ้าเองจะไว้วางใจในตัวเรา และ
กล้าที่จะใช้เรา มอบงานใหญ่ๆให้เราเพื่อเราจะหนักแน่นมั่นคง ยืน
หยัดได้ ด้วยความเชื่อและวางใจ ไม่สะทกสะท้าน ไม่หันไปเหมาตาม
สิ่งรอบข้าง เมื่อนั้นแหละที่เราจะพบกับสันติสุข ความมั่นคงหนักแน่น
ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเช่นใด

ผมขออนุญาตยกภาพให้เห็นว่าบุคลิกภาพนั้นมีผลกระทบเช่นใด
บางคนเป็นนักเทศที่มีคำสอนที่ดีมากๆ บางคนอ่านพระวจนะ อ่าน
หนังสือหลายต่อหลายเล่มจนมีถ้อยคำมากมาย พระวจนะเต็มหัว
ไปหมดแต่ทำไมชีวิตของเค้าคนนั้นในวันปกติ ถึงไม่เป็นหรือดำเนิน
ตามคำสอนที่เค้าสอน คำหนุนใจและคำอธิฐานที่ยอดเยี่ยมที่เค้ามี
ไม่สอดคล้องกับการตอบสนองที่เค้าทำ
แล้วแบบนี้คุณหวังอะไรหรือ หวังให้คนรอบข้างหรือคนที่ฟังคุณเชื่อ
ฟังสิ่งที่คุณสอนหรือ แน่นอน..! สิ่งที่คุณสอนมันถูกต้องตามพระคัมภีร์
แต่บุคลิกภาพของคุณต่างหากที่เป็นอุปสรรค !

บุคลิกภาพจอมปลอมที่เสแสร้ง
จงระวังที่จะทำดีเพื่อเอาใจคนอื่น หรือเป็นเพราะหน้าที่ที่บังคับเรา
และทำโดยไม่ได้เต็มใจ ไม่ได้ออกมาจากใจ หลายคนมีบุคลิกภาพที่ดี
แค่เพียงภายนอก เพียงเพื่อเอาใจคนอื่น แต่เมื่อใดก็ตามที่ของปลอม
เจอบททดสอบ เขาก็จะกระเจิง และขาดความมั่นคงทันที

1ระหว่างนั้นคนเป็นอันมากนับเป็นพันๆชุมนุมเบียดเสียดกันอยู่  
พระองค์ทรงตั้งต้นตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ก่อนว่า  
“ท่านทั้งหลายจงระวังเชื้อของพวกฟาริสี   ซึ่งเป็นคนหน้าซื่อใจคด
2แต่ไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ที่จะไม่ต้องเปิดเผย   หรือการลับที่จะไม่เผยให้
ประจักษ์ 3เหตุฉะนั้นสิ่งสารพัดซึ่งพวกท่านได้กล่าวในที่มืด จะได้ยินใน
ที่แจ้ง   และซึ่งได้กระซิบในหูที่ห้องส่วนตัว   จะต้องประกาศบนดาด
ฟ้าหลังคาบ้าน
ลูกา 12:1-3
เจ้านายคนหนึ่งเป็นทั้งผู้รับใช้ และมีธุรกิจส่วนตัว ในบริษัทของ
เค้ามีพนักงานคนหนึ่งชื่อ เอ เอเป็นพนักงานใหม่ที่ตั้งใจทำงาน
แต่ครั้งหนึ่งที่เค้าทำงานผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และเกิดผลกระ
ทบต่องานด้วย เราคงคิดว่า เอ คงโดนด่ายับเยิน เรียกมาด่าใน
ห้องและต่อว่า เอต่อหน้าพนักงานหลายคนจน เอ รู้สึกอับอาย
ขายหน้าและถูกไล่ออก หรือตัดเงินเดือน
เป่าเลย เจ้านายกลับเรียก เอมา และบอกว่า ไม่เป็นไรคนเรา
ผิดพลาดกันได้ ผมจะให้โอกาสคุณอีก คุณต้องระวังให้มากกว่า
นี้นะ
เมื่อเราผิดพลาดเราเองก็อยากได้ยินคำจากพระเจ้าว่า “ไม่เป็นไรนะ
กลับใจใหม่และอย่ากลับไปทำอีก เราจะอยู่กับเจ้า เราจะเคียงเจ้า
และประคองเจ้าเดินไป”
ใช่พระเจ้าเองก็คงมีถ้อยคำหนุนใจเช่นนี้ ในชีวิตเรามีข้อผิดพลาดเสมอ
และเราก็ได้รับการอภัยหลายครั้ง เมื่อเรามีบุคลิกภาพอย่างพระเยซู
เราควรจะมีท่าทีกับพนักงานคนนั้นแบบ เจ้านายคนนี้
(ผมไม่ได้หมายความว่า ทำผิดก็ใจดีหมดจน ได้ใจกัน)
พระเจ้าเองก็มีวิธีการของพระองค์ จงเรียนรู้วิธีการและบุคลิก
ภาพจากพระองค์

จากนั้นมา นายเอ ก็ซาบซึ้งในความใจดีและเมตตาของเจ้านาย
ที่ยกโทษในความผิดพลาด แถมยังให้กำลังใจ อีกด้วย
รู้ไหมอะไรเกิดขึ้น จำได้ไหมเจ้านายคนนี้เป็นผู้รับใช้ที่เทศนาสั่งสอน
ในคริสตจักรขนาดใหญ่แห่งหนึ่งด้วย นั่นแหละ นายเอ เป็นสมาชิก
คนหนึ่งในคริสตจักร เค้าฟังคำสอนและบุคลิกภาพของพระเยซูที่ถ่าย
ทอดออกมาจากการเทศนา แต่ถ้า เหตุการณ์นี้เค้าไม่ได้รับความเมต
ตาหรือเป็นที่รองรับอารมณ์ล่ะ
เจ้านายคนนี้คิดในใจว่า ถ้าเค้าด่านายเอ ด้วยอารมณ์โกรธตอนนั้น
เขาคงรู้สึกขัดแย้งในใจแน่ๆ และใครจะยังอยากมาเป็นคริสเตียนล่ะ
ถ้าเป็นคริสเตียนแล้วยังเป็นแบบนี้
ท่านจงประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดีทุกสิ่งและ
ในการ สอนจงสุจริตและมีใจสูง
ทิตัส 2:7


สดุดี 62:8
บอกเราว่า “8ประชาชนเอ๋ย  จงวางใจในพระองค์
ตลอดเวลา  
 จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์  
 พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา”
พระเยซูเองไม่เคยทำบาปเลย ไม่พูดโกหเลย เมื่อโดนต่อว่าหรือด่า
ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย พระองค์ไม่เคยหยาบคายตอบ ไม่เคยทำ
ชั่วตอบแทนการชั่ว เมื่อต้องถูกทรมานด้วยข้อกล่าวหาลอยๆ ไม่มี
หลักฐาน พระองค์ไม่ทรงคิดแก้แค้น หรือมีความแค้นมาดร้าย
แต่พระองค์ยกเรื่องทั้งหมดและมอบกลับพระเจ้าผู้ทรงพิพากษา
อย่างยุติธรรม
อย่าลืมบุคลิกภาพที่เหมาะสม หรือไม่เมาะสมของเรามีความสำคัญ
กับโลกนี้ด้วย
ใช่พระองค์เป็นพระเจ้าก็เลยทำทุกอย่างให้บริสุทธิ์ได้ เราเป็นมนุษย์
จะเป็นแบบพระเจ้าได้อย่างไร
พระประสงค์ของพระองค์คือ เพื่อพระเยซูจะเป็นแบบอย่างให้เรา
ว่าแม้เป็นมนุษย์พระองค์ก็ทรงทำได้ เพื่อเราจำเนินตามและพระองค์
จะอยู่เคียงข้างเรา
บุคลิกภาพที่ดีมีผลต่อสังคมและโลกนี้แน่นอน เพราะถ้าไม่สำคัญ
พระเยซูคงไม่มาทำเพื่อเป็นแบบอย่างให้เราสืบต่อไป นั่นคือ
บุคลิกภาพที่เราควรเอาแบบอย่าง

เพราะพระเจ้าทรงใช้ท่านสำหรับเหตุการณ์ เช่นนี้เพราะว่า
พระคริสต์ก็ได้ทรงทนทุกข์ทรมานเพื่อท่านทั้งหลายให้เป็น
แบบอย่างแก่ท่านเพื่อท่านจะได้ ดำเนินตามรอยพระบาท
ของพระองค์

พระองค์ไม่ได้ทรงกระทำบาปเลย   และไม่ได้ตรัสคำเท็จเลย
เมื่อเขากล่าวคำหยาบคายต่อพระองค์   พระองค์ไม่ได้ทรง
กล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบคายเลย   เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์  
พระองค์ไม่ได้ทรงมาดร้าย   แต่ทรงมอบเรื่องของพระองค์ไว้แก่
พระเจ้าผู้ทรงพิพากษาอย่างยุติธรรม
1 เปโตร 2:21-23

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

ผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุ

ในระหว่างปี พ.ศ. 2493 ถึง พ.ศ. 2568 องค์การสหประชาชาติได้คาดประมาณว่าจำนวน
ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 2.5 พันล้านคนถึง 8.5 พันล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
ส่วนประชากรผู้สูงอายุคือ ผู้ที่มีอายุ 65 ปี และ มากกว่า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 129
ล้านคนเป็น 798 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นหกเท่า ผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.1 เป็นร้อยละ
9.7 ของประชากรโลก นั่นคือทั่วโลกแต่ในประเทศไทยเองสิ่งที่ผมพบเจอสังคมไทยที่ปฏิบัติ
ต่อผู้สูงอายุนั้นแม้จะเลี้ยงดู อย่างดีแต่ก็ใช้ถ้อยคำที่รุนแรง สถิติเมื่อหลายปีก่อนผู้สูงอายุถูก
ทอดทิ้งเป็นจำนวน 2 แสน 4 หมื่นคน และในแต่ละวันก็มีผู้สูงอายุ 5-10 คนที่ถูกทอดทิ้ง
แล้วเราคริสเตียนผู้เชื่อล่ะพระเจ้าสอนเรายังไง เกี่ยวกับเรื่องผู้สูงอายุ บางครั้งสังคมนี้ไม่ได้
วางแผนดูแลคนชราในอนาคต ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการ
แบบนี้หลายคนมีเหตุผลที่จะเอามาอ้างที่จะไม่ใส่ใจในบิดามารดาผู้สูงอายุ

ฟาริสีเองก็เป็นเช่นนั้นใน มาระโก 7:9-13
 9พระองค์ตรัสแก่เขาว่า   “เหมาะจริงนะ   ที่เจ้าทั้งหลายได้ละทิ้งธรรมบัญญัติของพระเจ้า  
เพื่อจะได้ถือตามคำสอนที่ตนรับมาจากบรรพบุรุษ 10เพราะโมเสสได้สั่งไว้ว่า    'จงให้เกียรติบิดา
มารดาของเจ้า'     และ    'ผู้ใดประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย' 11แต่พวกเจ้ากลับ
สอนว่า   'ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า   “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน  
สิ่งนั้นเป็นโกระบาน” '   (แปลว่าเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว) 12เจ้าทั้งหลายจึงไม่อนุญาตให้
ผู้นั้นทำสิ่งใดต่อไป   เป็นที่ช่วยบำรุงบิดามารดาของตน 13เจ้าทั้งหลายจึง
ทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นหมันไป   ด้วยคำสอนที่พวกเจ้ารับมาจากบรรพบุรุษ  
และสอนต่อๆกันไป   และสิ่งอื่นๆเช่นนี้อีกหลายสิ่ง   เจ้าทั้งหลายก็ทำอยู่”

หลายคนมีเหตุผลที่จะละเลยและหลีกเลี่ยงภาระต่อผู้สูงอายุ หลายคนสาละวนกับ
งานรับใช้ กิจกรรมของคริสตจักร อย่าให้คุณถูกหลอกลวงเลย พระเจ้าเรียกให้คุณรับใช้
และพระองค์ก็ไม่ได้ให้คุณทอดทิ้งบิดามารดา ญาติพี่น้องที่สูงอายุ เมื่อพระองค์เรียก
ให้เรารับใช้ พระองค์ก็จะประทานวิธีและหนทางให้กับเราด้วย จงดูแลจัดหาสิ่งจำเป็น
สำหรับท่านเท่าที่เราจะทำได้ เมื่อใดที่เราเองเข้าสู่วัยชรา คุณก็จะได้สร้างแบบอย่างที่
ถูกต้องไว้แล้ว เพื่อลูกเราหลานเราจะได้ดำเนินตาม พระเจ้าเองก็จะเลี้ยงดูเราด้วยเช่นกัน

1ในการตักเตือนนั้น   อย่าตำหนิชายผู้มีอาวุโส   แต่จงขอร้องเขาเสมือนเป็นบิดา  
จงถือว่าคนหนุ่มๆทั้งหลายเป็นเสมือนพี่หรือน้อง 2และผู้หญิงผู้มีอาวุโสเป็นเสมือน
มารดา   และส่วนหญิงสาวๆก็ให้เป็นเสมือนพี่สาวน้องสาว   มีใจบริสุทธิ์ต่อเขา  

8ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน   และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือน
ของตน   ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธพระศาสนาเสียแล้ว   และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก  
1 ทิโมธี 5:1,2,8  (บทที่ 5 ทั้งบท)

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

การเตรียมดินดี

การเตรียมดินดี


วันหนึ่งผมเคยนั่งสังเกตุว่า ทำไมชีวิตเส้นทางการรับใช้ของหลายคนถึงไม่เกิดผล และบางคนก็ล้มเลิกไปเสีย ผมเองก็เป็นคริสเตียนมานาน และพบเจอผู้เชื่อใหม่หลายคนที่พบพระเจ้าบางคนมีหัวใจและไฟแรงมากในการรับใช้

พระเจ้ามองดูอนาคตน่าจะไปได้ไกลและเป็นกำลังที่สำคัญของคริสตจักร ใช่! หลายคนเป็นเช่นนั้น แต่อีกหลายคนก็ไม่ และเลิกราไปในที่สุด

"เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงฟังคำอุปมาด้วยผู้หว่านพืชนั้น เมื่อผู้ใดได้ยินคำบอกเล่าเรื่องแผ่นดินพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ มารร้ายก็มาฉวยเอาพืชซึ่งหว่านในใจเขานั้นไปเสีย นั่นแหละได้แก่เมล็ดพืชที่หว่านตกริมหนทาง และเมล็ดพืช

ที่หว่านตกในที่ดินซึ่งมีพื้นหินนั้นได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะแล้วก็รับทันทีด้วยความปรีดี แต่ไม่ฝังลึกในตัวจึงทนอยู่ชั่วคราว และเมื่อเกิดการยากลำบาก หรือการข่มเหงต่างๆ เพราะพระวจนะนั้น เขาก็เลิกเสียในทันทีทันใด

และพืชซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แล้วความกังวลตามธรรมดาของโลก และความลุ่มหลงในทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระ

วจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง"
มัทธิว 13:18-23

1.เมล็ดพืชริมทาง (มัทธิว 13:18-19)
พระองค์ตรัสว่าใครก็ตามที่ได้ยินเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแต่ไม่เข้าใจ และได้ถูกมารแย่งชิงเอาไป
ใน อิสยาห์ 6:9-10
"ไปเถอะและกล่าวแก่ชนชาตินี้ว่า
ฟังแล้วฟังเล่า แต่อย่าเข้าใจ
ดูแล้วดูเล่า แต่อย่ามองเห็น
จงกระทำให้จิตใจของชนชาตินี้มึนงง
และให้หูทั้งหลายของเขาหนัก
และปิดตาทั้งหลายของเขาเสีย
เกรงว่าเขาจะเห็นด้วยตาของเขา
และเข้าใจด้วยจิตใจของเขา
และหันกลับมาได้รับการรักษาโรคให้หาย"

ในอิสยาห์นี้เองพระเจ้าบอกอิสยาห์ว่า ประชาชนจะฟังแต่จะไม่ถ้อยคำของอิสยาห์เพราะเขาปิดใจและดื้อด้านเกินกว่าจะกลับใจใหม่ เขากบฏต่อพระเจ้าเรื่อยๆ จนพระองค์หมดความอดทน การพิพากษาของพระองค์ที่มีมาถึง

คือการปล่อยให้พวกเขากบฏ และมีจิตใจที่แข็งกระด้างและดื้อด้านต่อไป
ให้เราเป็นดินดีอย่ามีจิตใจที่ดื้อด้านและแข็งกระด้าง

2.เมล็ดพืชบนหิน (มัทธิว 13:20-21)
ครั้งหนึ่งที่ผมเดินไปหลังบ้านและไปถอน ต้นพืชบางต้นที่ขึ้นไม่เป็นที่เป็นทาง บางต้นที่ขึ้นตามก้อนหินนั้น ต้องถอนทิ้ง และเวลาถอนนั้นมันถอนง่ายมากเพราะรากมันไม่สามารถเจาะทะลุหินลงไปหยั่งรากและยึดเกาะได้ ความ

มั่นคงของมันอยู่ที่รากนั่นเอง
แบบนี้เองเมื่อเกิดความยากลำบากขึ้นในชีวิต ต้องผ่านไปพบเจอกับอุปสรรค ถูกข่มเหง ก็มักถอดใจไม่มีความมั่นคงและเลิกราไป
เมื่อใดที่เจอพระพรก็ยินดีและเปรมปรีดิ์ในพระพร แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ถูกทดลองเขาเหล่านั้นก็หลงเสียไป

3.เมล็ดพืชกลางพงหนาม (มัทธิว 13:22)
พระคัมภีร์บอกไม่ให้เราพะวักพะวน และบ่อยครั้งแค่ไหนที่เราไม่ยอมรับว่าเราก็เป็นเช่นนั้น เรากังวลเรื่องต่างๆนานา โดยที่เราขาดความเชื่อมั่นในพระเจาผู้เป็นผู้เลี้ยงดู
เรากังวลถึงเงินทองจนบางครั้งก็เป็นรูปเคารพในชีวิตของเรา ผมไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องหาเงินหรือทำงานใดๆเลย แต่อย่าให้เราเห็นสิ่งเหล่านั้น เห็นเงินเป็นพระเจ้าในชีวิต อย่าให้ความโลภครอบงำชีวิตของเรา
เราอยากมีบ้านเพราะเพียงเพื่ออยู่อาศัย หรือเราอยากมีบ้านหลังใหญ่ๆโตๆแบบที่เศรษฐีเขามีกันแล้วเราอยากมีบ้าง อยากมีเพราะจะได้มีหน้ามีตาในสังคม
อย่าให้เราถูกสิ่งเหล่านี้รัดเสียจนชีวิตไม่เกิดผล อย่าหลงระเริงกับความสนุกสนานของโลกนี้ที่คอยดักจับเราอยู่

4.เมล็ดพืชในดินดี
เราจะไม่มีวันโต และจะรอแต่วันเหี่ยวเฉาและตายไป ถ้าเมล็ดนั้นไม่ได้อยู่ในดินดี
เมล็ดพืชในดินดีนั้นคือผู้ที่ได้ยินพระวจนะและเข้าใจก็เกิดผลร้อยเท่า หกสิบเท่า สามสิบเท่าของที่หว่านลงไป
ต้นที่เกิดในดินดีนั้นคือต้นที่รอวันเติบโตและแข็งแรงคือการที่เรามีจิตใจที่เลื่อมใสศรัทธาในพระวจนะและจดจำไว้และประพฤติตามพระวจนะนั้น
มันจะเกิดผลหรือไม่ไม่ได้อยู่ที่การกำหนดของพระเจ้าที่จะให้ดินดีหรือไม่ดี แต่เราเตรียมดินที่ดีไว้รอการหว่านหรือยัง?

ถึงเวลาหรือยัง?ที่จะกำจัดอุปสรรคออกไป
1.จงรับเอาพระวจนะนั้น อย่าดื้อด้าน และอย่ามีใจที่แข็งกระด้าง
การดื้อด้นและมีใจที่แข็งกระด้างคือใจที่ปิดต่อการรับแม้ว่าจะหว่านอะไรลงไปก็เป็นเช่นเมล็ดที่ตกริมทาง จงกลับใจใหม่และเปิดใจรับเอาพระวจนะของพระเจ้ามาปลูกฝังในชีวิต
ให้เราเป็นดินดีอย่ามีจิตใจที่ดื้อด้านและแข็งกระด้าง

2.จงยืนหยัดมั่นคงเมื่อเผชิญกับปัญหาและความยากลำบาก
พระเยซูไม่ได้บอกเราว่า ตามพระองค์แล้วเราจะไม่ต้องพบเจอกับความยากลำบาก และชีวิตของเราจะราบรื่น
เรามักถูกปลูกฝังจากสิ่งเดิมๆว่า
"ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว" ทำบุญมากๆ จะได้รับผลบุญมากๆ
เรารับใช้เพื่ออะไร เราเดินตามพระเจ้าเพื่ออะไร เพื่อพระพรและของขวัญจากพระเจ้าหรือ ?
พระองค์ไม่ได้สัญญาว่าเราจะไม่เจอความยากลำบาก แต่จะสอนเราและประทานหนทางให้เราว่าจะมีวิธีผ่านอุปสรรคต่างๆไปได้อย่างไร?
เรามักหันหลังกลับเมื่อเจออุปสรรคและความยากลำบาก การถูกข่มเหง แต่จงเชื่อว่าพระเจ้าจะมีวิธีช่วยเรา
เมื่อใดที่เราอ่อนแอ เราจะเข้มแข็ง ความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธิ์เดชของพระเจ้าก็จะมีเต็มขนาดที่นั่น
ให้เราเป็นดินดีแทนหิน

3.จงละความพะวักพะวน ความโลภและความสนุกสนานของโลกนี้
การที่เมล็ดนั้นไม่โตเพราะเราเองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ต้นที่เกิดในพงหนามมักถูกแย่งอาหาร เพราะ ดินนั้นไม่สามารถเลือกได้ว่าจะ เจาะจงให้อาหารเฉพาะเมล็ดพันพืชที่หว่านลงไปได้เท่านั้น
ไม่ว่าต้น อะไรจะขึ้นมาก็สามารถเติบโตได้หมด
เช่นกัน มีอะไรบ้างที่ขึ้นอยู่ในดินนั้น
- พะวักพะวนคือการห่วงหน้าห่วงหลัง และการว่าวุ่น กับการอยากได้ใคร่มีในสิ่งของต่างๆของโลกนี้
และเห็นสิ่งเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าพระวจนะของพระเจ้า บำรุงมันจนกลายเป็นหนามใหญ่ เมื่อพระวจนะมาตกลงก็ไม่สามารถเติบโตได้
กำจัดมันออกไปเสีย
ให้เราเป็นดินดีที่ไม่มีพงหนาม
เรามีดินดีที่จะรอรับเมล็ดที่หว่านลงมาหรือยัง
พระคัมภีร์เพิ่มเติม
มาระโก 4:13-20
ลูกา ลูกา 8:11-15

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

พระเจ้าทรงครอบครอง


ไม่มีพรมแดน


ลุกขึ้นจากความล้มเหลว

ลุกขึ้นจากความล้มเหลว

ลุกขึ้นจากความล้มเหลว
ตอนนี้ถ้าคุณคนไหนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่และคุณกำลังท้อใจ
จงลุกขึ้นจากความล้มเหลว พระเจ้าไม่ได้ให้เราจมอยู่กับความล้มเหลว
และความล้มเหลวก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า การที่พระองค์อนุญาติให้มัน
เกิดขึ้น พระองค์ย่อมมีแผนการบางอย่าง และอย่าใช้มาตรฐานของโลก
นี้คิดตามแผนการของพระองค์ ไม่มีมนุษย์คนไหนที่สมบูรณ์ 100%
ไม่มีเลยนอกจากพระเยซูผู้เดียวเท่านั้น

คุณอาจจะเป็นคนที่ดูดีพร้อม เป็นผู้นำที่ฉลาด เชี่ยวชาญ เก่งแบบ
ดูเหมือนจะไม่มีที่ติ คุณอาจจะสร้างผลงานที่ดีและมีประโยชน์เอา
ไว้มากมาย แต่ถาคุณทำผิดพลาดและล้มเหลวเพียวครั้งเดียวจะ

เกิดอะไรขึ้นล่ะ?

ผมเองขอยกตัวอย่างว่าครั้งหนึ่งสมัยเรียนมัธยมต้น ผมเองได้ขโมย
เงินของแม่จากกระเป๋าเพื่อไปเที่ยวกับเพื่อน มันต้องยกมาเป็นตัวอย่าง
เพราะว่า ผมเองไม่เคยขโมยของใครนั่นเอง นั่นเป็นครั้งแรกและ

ครั้งเดียวที่ผมทั้งขโมย และโกหก ตอนนั้นผมเองขาดความเชื่อมั่น
และมั่นใจไปเลย รู้สึกเหมือนสิ่งดีๆ

ที่สะสมมาและเป็นความภูมิใจ ถูกทำลายในครั้งเดียว
การล้มเหลวและผิดพลาดครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าคุณ
จะล้มเหลวตลอดชีวิตของคุณ
พระเจ้าเป็นผู้ให้โอกาสเมื่อเรากลับใจ (กลับใจอย่างแท้จริง)
- อับราฮัมเองที่เรารู้จักดีผู้เป็นบิดาแห่งความเชื่อก็โกหกมาแล้ว
ปฐมกาล 12:13 (12 ทั้งบท)
"ขอให้บอกว่าเจ้าเป็นน้องสาวของฉันเพื่อฉันจะได้รับการต้อนรับ
อย่างดีเพราะเจ้าและเขา จะไว้ชีวิตฉันเพราะเจ้า"

- โมเสสเองก็เคยไม่เชื่อฟังพระเจ้า ทั้งที่เค้าโดดเด่นในเรื่องการเชื่อฟัง
กันดารวิถี 20:8,11 (20 ทั้งบท)
"จงเอาไม้เท้าและเรียกประชุมชุมนุมชนทั้งเจ้าและอาโรนพี่ชายของ
เจ้าและบอกหินต่อหน้า ประชาชน

ให้หินหลั่งน้ำดังนั้นเจ้าจะเอาน้ำออกจากหินให้เขาดังนั้น
แหละเจ้าจะให้น้ำแก่ ชุมนุมชนและสัตว์ดื่ม
และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้าและน้ำก็ไหลพล่าน
ออกมามากมาย ชุมนุมชนและ สัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ"

- ดาวิดที่เคยฆ่าคนเพียงเพื่อผู้หญิง
2 ซามูเอล 11
"ในลายพระหัตถ์นั้นว่าจงตั้งอุรีอาห์ให้เป็นกองหน้าเข้าสู้รบ
ตรงที่ดุเดือดที่สุดแล้วล่า ทัพกลับเสียเพื่อ

ให้เขาถูกโจมตีให้ตาย"

ขอให้คุณอ่านพระคัมภีร์ตอนนี้ที่จะช่วยหนุนใจคุณ
ฮีบรู 11:33-34
"เพราะความเชื่อท่านเหล่านั้นจึงได้มีชัย เหนือดินแดนต่างๆ
ได้ตั้งระบบความยุติธรรม ได้รับ ผลของพระสัญญาได้ปิดปากสิงห์
ได้ดับไฟที่ไหม้อย่างรุนแรงได้พ้นจากคมดาบ ความอ่อนแอของท่าน
ก็กลับเป็นความเข้มแข็งมีกำลังความสามารถในการทำสงครามได้ตี
กองทัพประเทศอื่นๆแตกพ่ายไป"

ตอนนี้แม้ว่าคุณเองจะผ่านอะไรมา จะผิดร้ายแรงขนาดไหน คุณยัง
มีพระเจ้าอยู่หรือไม่ล่ะ? ถ้าคุณยังมีและอายไม่กล้าที่จะกลับมาหา
พระเจ้าผมบอกคุณว่ากลับมาเลย อย่ามัวชักช้าอีกต่อไป และหยุดคิด

ได้แล้ว พอได้แล้วกับความคิดที่บอกว่าคุณไม่คู่ควรที่จะลุกขึ้นมาอีก
พอได้แล้วกับความคิดที่ว่า ฉันอ่อนแอเกินไป ตอนนี้พระองค์บอกคุณว่า
ความอ่อนแอของท่านจะกลับเป็นความเข้มแข็ง อาเมน !

และมีกำลังกลับมาอีกครั้งอยากให้คิดเสมอว่า แม้จะมีคนคอยซ้ำเติม
คุณถึงความผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้ง ทั้งที่คุณทำดีมาโดย

ตลอด อย่าให้คำพูดที่มาจากซาตานนั้นทำให้คุณล้มลงและไม่ลุกขึ้นอีก
พอได้แล้ว อย่าหวังพึ่งกำลัง

จากคำพูดของมนุษย์ แต่กำลังนั้นมาจากพระเจ้าเท่านั้น
สรรเสริญพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ถุงหนังใหม่




โคราชสรรเสริญ


สรร เสริญ



ยอม




สายลม เหนือใต้ออกตก



วะวาบ (สด)


ปล วะวาบแปลว่า มันโล่ง มันสบาย
งึด แปลว่า สงสัย งง แปลกประหลาดใจ
(ประมาณนี้)

สิงห์แห่งยูดาห์ (สด)


วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ทหารของพระเยซู ท.ทหาร อดทน

ทหารของพระเยซู ท.ทหาร อดทน


ทหารของพระเยซู ท.ทหาร อดทน
ครั้งหนึ่งผมเคยไปรับคัดเลือกทหารตอนนั้น ไม่ติดเป็นอะไรที่ดีใจอย่างมากมาย
เพราะตอนนั้นยังวัย รุ่นและรู้ดีว่า ถ้าติดทหารแล้ว ภาพที่จินตนาการได้คือ
ความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อย ต้องฝึก ร่างกายให้แข็งแกร่ง ผมเองเคย
มีเพื่อนที่เป็นทหารและเมื่อเค้าใกล้ปลด ประจำการคืการที่ได้พ้นสภาพ การเป็น
ทหารนั้น จิตใจเค้าก็ชุ่มชื่น รอคอยวันเวลาที่จะมาถึง แต่ก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
ด้วยเช่นกัน  เมื่อเวลาคุยกัน เค้ามักบอกเสมอว่าคิดถึงบ้าน อยากจะกลับบ้าน
ไปหาพ่อและแม่เนื่องจากเป็นลูกคน มีฐานะเมื่อกลับไปเค้าก็จะกลับไปเพื่อรับ
มรดกและกิจการที่พ่อมอบให้ แต่หน้าที่ตอนนี้คือการเป็น ทหารเพื่อฝึกฝนร่าง
กายและจิตใจ  เราเองก็เป็นเช่นนั้น เราเป็นทหารในโลกนี้ที่ต้องฝึกฝนจิตวิญญาณ
ของเรา เราเป็นทหารที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เราไม่อยากรบไม่อยากทำสงคราม
เราต้องเข้าสู่สงครามที่เป็นช็อตบังคับ ฝ่ายวิญญาณ คุณหนีมัน ไม่พ้นใน
แต่ละวันเราเองต้องเจอสงครามในรูปแบบต่างๆ รูปแบบใหม่ๆที่ซาตานคิดค้น
มาทำร้ายเรา สงครามอารมณ์ ความคิดต่างๆ ที่เราต้องต่อสู้เพื่ออิสระภาพ
ขอให้เราพึงระลึกเสมอว่า เมื่อใดก็ตามที่ เราแพ้เราก็ตายและสูญเสียอิสระภาพ
และถูกจับเป็นเชลย แต่ถ้าเราชนะเราก็มีเสรีภาพ วันหนึ่งเมื่อ เราถูกปลดประจำการ
คือการได้จากโลกนี้ไป เราแน่ใจได้เลยว่าจะได้กลับบ้าน และจะได้รับการต้อนรับ
เข้าสู่บ้านนิรันดร์ของเรา ถ้าคุณเป็นทหารที่ดีมีเกียรติประวัติที่ดีก็จะได้รับการ
ต้อนรับอย่างสมศักดิ์ศรี เราต้องเป็นทหารที่มีความหวัง ซื่อสัตย์
และยืนหยัดมั่นคง แม่ทัพของเราคือองค์พระเยซูคริสต์ผู้ บัญชาการสูงสุดในชีวิตเรา
เมื่อเรามีแม่ทัพที่เก่งกาจเช่นนี้ เราจะกลัวอะไรอีกจงเป็นทหารของพระคริสต์ที่อดทน แข้มแข็ง
เสียสละ ซื่อสัตย์ ในโลกนี้และเราจะได้มงกุฏ ชีวิต
แล้วอยู่กับพระเยซูเจ้า ครอบครองสวรรค์เป็นนิจนิรันดร์

ทหารของพระเยซูเจ้า จงเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
จงยืนต่อสู้หมู่มารร้าย ร่างกายวายปราณก็ยอม
ทำลายความชั่วให้ศูนย์ไป ด้วยฤทธิ์ของพระเยซู
ออกรบชนะทุกครั้งไป เพราะมีพระคริสต์ช่วยสู้

ทหารของพระเยซูเจ้า จงเชื่อฟังพระวิญญาณ
จงให้พระองค์ทรงนำทาง เหมือนแตรซึ่งเป็นสัญญาณ
เมื่อเราต้องออกทำสงคราม กับความเลวร้ายวุ่นวาย
เราก็มีชัยไม่ต้องกลัว ความชั่วต้องถูกทำลาย

ทหารของพระเยซูเจ้า ขอแรงจากพระบิดา
เรี่ยวแรงมนุษย์ช่วยไม่ได้ อย่าหวังพึ่งในตนเอง
อาศัยอำนาจพระดำรัส ตรัสแล้วใครเชื่อมีชัย
จงทูลขอด้วยความแน่ใจ เพื่อให้สมน้ำพระทัย

ทหารของพระเยซูเจ้า สงครามสงบเร็วไว
วันนี้เสียงรบยังกึกก้อง รุ่งขึ้นเสียงร้องมีชัย
ถ้าใครชนะแก่มารร้าย จะได้มงกุฏ ชีวิต
แล้วอยู่กับพระเยซูเจ้า ครอบครองสวรรค์เป็นนิจ

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

หนี้นอกระบบ

หนี้นอกระบบ


นี่เป็นบทความแรกเขียนเร็วที่สุดภายใน 15 นาทีโดยไม่ได้กลั่นกรองความสวยงามของภาษาเลย เพราะกลัวจะลืมครับ ต้องขออภัยล่วงหน้า ไม่ได้เจตนาดูถูกคนอ่านเลย

เช้าวันหนึ่งเมื่อตื่นนอนขึ้นมา หลังจากใช้เวลาส่วนตัวแล้วก็มักจะมานั่งดูข่าวช่วงสายๆ วันหนึ่งมีข่าวข่าวหนึ่งที่ทำให้ผมได้แง่คิดอะไรบางอย่าง ข่าวที่ว่าคือ
"หนี้นอกระบบ " คนส่วนใหญ่มักไม่คิดหน้าคิดหลังก่อนที่จะกู้หนี้นอกระบบ เพราะมันกู้ง่ายดาย

เหลือเกิน ไม่ต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบที่ยุ่งยาก ได้แบบรวดเร็วทันใจ ง่ายดาย และสามารถ

ใช้ได้แบบทันทีทันใด

ในแต่ละวันเรามักจะถูกล่อลวงจากซาตานเอง นี่ผมไม่ได้โทษซาตาน แต่นี่เป็นงานของซาตาน
เองอยู่แล้ว เพราะในแต่ละวันมันต้องการเหยื่อที่มันจะล่อหลอกและทำให้ล้มลง

ผมรู้จักเพื่อนคนหนึ่งที่มีความต้องการอยากได้ มือถือ เครื่องเสียง และโทรทัศน์ เมื่อไปกู้หนี้ใน

ระบบ เค้าไม่สามารถกู้ผ่านได้ เพราะเงินเดือนไม่ได้ตามเงื่อนไข จึงตัดสินใจไปกู้หนี้ในระบบ

และได้เงินมาอย่างง่ายดาย และก็สมหวังและมีความสุขกับสิ่งของที่ใช้ แต่นั้นเป็นความสุขจอม

ปลอม และชั่วคราวเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น ก็โดนติดตามทวงหนี้มหาโหด ดอกเบี้ยอันแสน

แพงสุดกู่ สุดท้ายต้องหนีออกจากบ้านเพราะโดนตามทวงหนี้ พ่อแม่ทุกข์ร้อนเพราะโดนขู่และ

คุกคาม มันไม่คุ้มค่าเลยกับสิ่งที่ต้องเสียไป

ผมคิดว่าเราบางคนก็เช่นเดียวกัน ซาตานเองเอาหลายสิ่งมาล่อลวงเรา ตามกิเลศตัณหาของแต่

ละคน เรารู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้าแต่เราก็ยังทำ

เมื่อมารมาผจญและมีสิ่งต่างๆมาล่อลวงพระเยซู พระองค์ทรงปฏิเสธสิ่งเหล่านั้น

มัทธิว 4:1-11
"1 ครั้งนั้น   พระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร   เพื่อมารจะได้มาผจญ
2และพระองค์ทรงอดพระกระยาหารสี่สิบวันสี่สิบคืน   ภายหลังพระองค์ก็ทรงอยากพระกระยาหาร

3ส่วนผู้ผจญมาหาพระองค์ทูลว่า   “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า   จงสั่งก้อนหินเหล่านี้ให้

กลายเป็นพระกระยาหาร”
4ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า   “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า     'มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียว

หามิได้   แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำ   ซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า' ”   
5แล้วมารก็นำพระองค์ไปยังนครบริสุทธิ์   และให้พระองค์ประทับที่ยอดหลังคาพระวิหาร
6แล้วทูลพระองค์ว่า   “ถ้าท่านเป็นพระบุตรของพระเจ้า   จงโจนลงไปเถิด   เพราะพระคัมภีร์มี

เขียนไว้ว่า     พระเจ้าจะรับสั่งให้เหล่าทูตสวรรค์ ของพระองค์รักษาท่าน   และเหล่าทูตสวรรค์จะ

เอามือประคองชูท่านไว้   มิให้เท้าของท่านกระทบหิน”   
 7พระเยซูจึงตรัสตอบว่า   “พระคัมภีร์มีเขียนไว้อีกว่า   อย่าทดลองพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของ

ท่าน”
8อีกครั้งหนึ่งมารได้นำพระองค์ขึ้นไปบนภูเขาอันสูงยิ่งนัก   และได้แสดงบรรดาราชอาณาจักรใน

โลก   ทั้งความรุ่งเรืองของราชอาณาจักรเหล่านั้นให้พระองค์ทอดพระเนตร
9แล้วได้ทูลพระองค์ว่า   “ถ้าท่านจะกราบลงนมัสการเรา   เราจะให้สิ่งทั้งปวงเหล่านี้แก่ท่าน”

10พระเยซูจึงตรัสตอบว่า   “อ้ายซาตาน   จงไปเสียให้พ้น   เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า     จง

กราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน   และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว”   
11แล้วมารจึงละพระองค์ไป   และมีเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์"

ตอนนี้เราเองไม่มีหนี้ใดๆ เพราะพระองค์มาจ่ายหนี้ทั้งหมดให้เราแล้ว บนไม้กางเขนนั้น

พระองค์ตรัสว่า จ่ายหนี้ให้หมดแล้ว
คำว่า"สำเร็จแล้ว" ที่พระเยซูตรัสขณะที่อยู่บนกางเขนนั้น  ยน.19:30
"เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว   พระองค์ตรัสว่า   “สำเร็จแล้ว”   และทรงก้มพระเศียรลง

สิ้นพระชนม์"
มาจากภาษากรีกคำว่า "เทเทเลสไท" ความหมายตรงตัวแปลว่า "จ่ายชำระหนี้หมดแล้ว"
หมายความว่า พระองค์ทรงจ่ายชำระหนี้บาปของมนุษย์ทั้งสิ้นหมดแล้ว

มนุษย์เป็นหนี้ซาตานตั้งแต่สมัยอาดัมและเอวาที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ตอนนี้เราได้รับการปลด

หนี้แล้ว และท่านจะกลับไปเป็นหนี้ซาตานอีกหรือไม่ ?

มัทธิว 28:18-20
18พระเยซูจึงเสด็จเข้ามาใกล้แล้วตรัสกับเขาว่า   “ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี   ในแผ่นดิน

โลกก็ดีทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ   ให้เป็นสาวกของเรา   ให้รับบัพติศมา

ในพระนามแห่งพระบิดา   พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
20สอนเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้   นี่แหละเราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอ

ไป   จนกว่าจะสิ้นยุค”


เมื่อเราเองพ้นจากหนี้มหาโหดเหล่านี้แล้ว พระเยซูจึงให้เราออกไปปลดหนี้แก่คนทั่วโลกที่ยัง

เป็นหนี้นอกระบบอยู่นั้นให้พ้นจากการเป็นหนี้

เราไม่ต้องไปเป็นทาสใครอีกต่อไป เราพ้นจากการเป็นทาสลูกหนี้ของความบาปนั่นคือซาตาน

และตอนนี้นี้เราเป็นของพระเจ้าพระองค์ไถ่คืนเรามาด้วยชีวิตของพระองค์และทรงฟื้นคืนขึ้นมา

และอยู่เคียงข้างเรา เราได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ และชีวิตนิรันดร์กับพระเจ้า
โรม 6:21-23
21ขณะนั้นท่านได้ประโยชน์อะไรในการเหล่านั้น   ซึ่งบัดนี้ท่านทั้งหลายก็ละอาย   ด้วยว่าผลสุด

ท้ายของการเหล่านั้น   ก็คือความตาย
22แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสของบาป   และกลับมาเป็นทาสของพระเจ้าแล้ว   

ผลสนองที่ท่านได้รับก็คือการชำระให้บริสุทธิ์   และผลสุดท้ายคือชีวิตนิรันดร์
23เพราะว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย   แต่ของประทานจากพระเจ้าคือชีวิตนิรันดร์ใน

พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา


ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

สำเร็จแล้ว Demo

นักอธิษฐานวิงวอน Demo

ฉันได้รู้จัก โดย แบงค์ ก้องเกียรติ

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สัญญานเตือน

สัญญานเตือน




 วันหนึ่งที่ผมได้ขับรถไป โดยส่วนใหญ่ผมมักเป็นผู้ขับอย่างเดียว ไอ้เรื่องจะมา เช็ครถหรือดูแลรถนั้นเป็นข้อเสียที่ไม่ค่อยจะดีเอาเสียเลย ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์นี่ ยังพอได้ทั้งที่พ่อเป็นช่างซ่อมรถ แต่ลูกไม้ดันหล่นไกลต้นไปสักหน่อย เอาล่ะ ครับนอกเรื่องไปแล้ว วันหนึ่งเมื่อผมได้ขับรถไปนั้น อยู่ๆ ขีดความร้อนก็เพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ซึงผมไม่ทันได้สังเกตุ เมื่อขับไป ควันรถก็เริ่มเข้ามาที่ห้องโดยสาร และรถ ก็ดับไป โอ้โห..หม้อน้ำมันรั่วนี่เอง !! สถานการณ์ตอนนั้นตกใจ และก็คิดหา ทางออกไปต่างๆนานา ทั้งที่ถ้าผมสังเกตุดูที่เข็มความร้อนและจอดรถเพื่อตรวจ สอบคงไม่เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้น หรือไม่ปัญหาก็จะไม่หนักขนาดนี้

ย้อนไปเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนผมเริ่มสังเกตุเห็นน้ำมีรอยหยด แต่ก็นิ่งนอนใจและมี ข้อแก้ตัวต่างๆนานา และเมื่อรอยหยดเริ่มใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังนิ่งนอนใจอยู่ สุดท้าย ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกว่าเดิม มากกว่าถ้าเราแก้ปัญญหาแต่แรกที่ยังไม่มากมาย
เราควรตรวจเช็ครถทุกวัน เรื่องนี้พ่อผมเป็นแบบอย่างที่ดี (เพียงแต่ผมไม่ทำตาม เท่านั้น) พ่อจะตื่นมา 06.00 น. และเช็คเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง หม้อน้ำ  น้ำกลั่นแบตเตอร์รี่ ลมยาง และเช็ครถทุกวัน และมีหลายครั้งที่พ่อเห็นจุดที่มี ปัญหาและแก้ไขก่อนจะขับออกไปใช้งาน

พระเจ้า ตรัส ว่า "ถึง กระนั้น ก็ ดี เจ้าทั้งหลาย
จง กลับ มา หา เรา เสีย เดี๋ยวนี้ ด้วย ความ เต็มใจ ด้วยการ อด อาหาร ด้วย การ
ร้องไห้ และ ด้วย การ โอดครวญ
จง ฉีก ใจ ของ เจ้า มิใช่ ฉีก เสื้อ ผ้า ของเจ้า"
จง หัน กลับ มาหา พระเยโฮวาห์ พระเจ้า ของ ท่าน ทั้งหลาย เพราะว่า พระองค์
ทรง กอปร ด้วย พระคุณ และ ทรง พระกรุณา ทรง กริ้ว ช้าและ บริบูรณ์ ด้วย ความ
รัก มั่นคง และ ทรง กลับ พระทัย ไม่ ลงโทษ
ใคร จะ รู้ ได้ พระองค์ อาจ จะ ทรง กลับ
และเปลี่ยน พระทัย และ ทรง อำนวย พระพร ไว้ คือ ให้ มี ธัญญบูชา และเครื่อง
ดื่ม บูชา สำหรับ ถวาย แด่ พระเยโฮวาห์ พระเจ้า ของ ท่านแล้ว
 จง เป่า เขาสัตว์ ที่ ใน ศิโยน จง เตรียมทำ พิธี
อด อาหาร จง เรียก ประชุม ตาม พิธี
จง รวบรวม บรรดา ประชาชน จง ชำระ
ชุมนุมชนให้ บริสุทธิ์ จง ประชุม บรรดา ผู้ใหญ่ จง รวบรวม เด็กๆ แม้ว่า เด็กที่ ยัง  กิน
นม จง ให้ เจ้าบ่าว ออก จาก เรือน หอ และ เจ้าสาว ออกจาก ห้อง ของ ตน
ให้ ปุโรหิต คือ ผู้ ปรนนิบัติ พระเจ้าคร่ำครวญ อยู่
ระหว่าง เฉลียง และ แท่น บูชา ให้ ทูล ว่า "ข้าแต่พระเจ้า ขอ ทรง เวทนา
ประชากร ของ พระองค์ ขอ อย่า ทรง กระทำ ให้มรดก ของ พระองค์ ที่ เขา  ประณาม
กัน และ เป็น ที่ เยาะเย้ย ในท่ามกลาง ประชาชาติ ควร หรือ ที่ เขา จะ กล่าว
ท่าม กลาง ชนชาติทั้งหลาย ว่า'พระเจ้า ของ เขา อยู่ ที่ไหน"

โยเอล 2:12-17


เมื่ออ่านในโยเอลนี่เอลเราพบว่า พระเจ้าทรงใช้โยเอลเข้าไปเพื่อที่จะหนุนใจ ประชากรให้ใส่ใจต่อสัญญาณที่มีเตือนขึ้นในจิตวิญญาณของพวกเขา ความ มั่งคั่งร่ำรวยทำให้พวกเขานิ่งนอนใจและถอยห่างพระเจ้า ความเชื่อได้ถดถอยลง  เชื่อพระเจ้าแต่เพียงภาพข้างนอกแค่เปลือก เหตุนี้พระเจ้าได้ส่งฝูงตั๊กแตนเพื่อ ทำลายพืชผล เพื่อเขาเหล่านั้นจะรู้สึกตัว เปลี่ยนใหม่และกลับใจมาหาพระเจ้า

การที่พระเจ้าให้เรากลับมาหาพระเจ้าขณะที่ยังมีโอกาส ก็เปรียบเสมือนเข็มเตือน ความร้อนเครื่องยนต์ที่เตือนเรา และให้โอกาสเราทีจะจอดรถและไม่ให้เครื่องไหม้  เรามีโอกาสปะหม้อน้ำปะรอยรั่ว แต่ถ้าเราไม่เชื่อหน้าปัดเตือนความร้อน เครื่อง ยนต์ก็จะพังทั้งหมดอย่างหมดใจ (เรามีโอกาส) ขณะที่เรายังมีโอกาสจงเชื่อฟัง พระองค์โดยไม่มีข้อแม้ และข้ออ้าง

ตอนนี้มีสัญญาณอะไรเกิดขึ้นในชีวิตของคุณ มีสิ่งใดที่ปรากฏเตือนคุณอยู่หรือ
ไม่ ? สิ่งใดต้องปรับเปลี่ยนและแก้ไข ให้เราสารภาพบาปและกลับใจ จงอย่าปล่อย ให้มีสิ่งใดรั้งคุณไว้จากการกลับมาหาพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

พระเจ้าผู้พร้อมเสมอ

พระเจ้าผู้พร้อมเสมอ
คุณเองเคยคิดหรือไม่ว่า "ฉันเป็นคนใจดี มีเมตตา ชอบช่วยเหลือคน" ผมเองก็เคยคิดเช่นนั้น บ่อยครั้งที่มีใครที่ขอเราให้ช่วยในสิ่งที่เค้าไม่ถนัดที่จะทำ ผมมักจะรีบช่วยด้วยหัวใจจริงๆ และทำเกินหน้าที่ซะด้วยซ้ำไป จนการช่วยเหลือบางครั้งนี้เอง กลายเป็นที่น่าหมั่นไส้ และถูกหาว่า สร้างภาพ และทำเอาหน้าเอาตา จนคุณท้อใจและไม่อยากช่วย หรือทำกิจกรรมอะไรกับคนประเภทนี้อีกเลย 
บทความนี้เพื่อหนุนใจคุณที่เจอสถานการณ์เช่นนี้ คุณควรทำด้วยใจและด้วยความรัก และคุณจะไม่รู้สึกเจ็บหรือมีบาดแผลเลยถ้าคุณเจอคนประเภทนี้ เพราะคนประเภทนี้ต่อให้คุณทำดีกับเค้า หรือช่วยเค้าสัก 99 ครั้ง แต่ 1 ครั้งที่คุณทำไม่ถูกใจ หรือไม่ได้ดั่งใจเค้านั้น คุณจะกลายเป็นขี้ปากไปในทันที
และอีกกรณีคือ บางครั้งที่เรากำลังไม่ว่างหรือยุ่ง "รอก่อนนะครับ" "ยังไม่ใช่ตอนนี้นะครับ" "ขอโทษครับไม่มีเวลาเลย" ผมไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำทุกอย่าง และปฏิเสธอะไรไม่ได้เลย มันอยู่ทีที่ท่าทีของเราต่างหาก พระเจ้าพระบิดานั้นมีเวลาให้เราตลอดเวลา 
ผมเคยนั่งดูข่าวการเมือง นักการเมืองนั้นดูยุ่งมากๆเลย (จากข่าว) ต้องทำนั่นทำนี่ บริหารสิ่งนั้นสิ่งนี้มากมาย จนงานล้นมือ และมักพูดติดปากว่า "ผมไม่ค่อยมีเวลา"
"พระเนตร ของ พระเจ้า เห็น คน ชอบธรรม และพระกรรณ 
ของ พระองค์ สดับ คำ อ้อนวอน ของ เขา
แต่ พระพักตร์ ของ พระเจ้า ตั้ง ต่อสู้ คนทั้งหลาย ที่ 
ทำ การชั่ว เพื่อ จะ ตัด อนุสรณ์ ของ เขา เสีย จากแผ่นดิน โลก
 เมื่อ คน ชอบธรรม ร้องทูล ขอ พระเจ้า ทรงสดับ และ ทรง 
ช่วย เขา ให้ พ้น จาก ความ ยาก ลำบาก ทั้งสิ้น ของ เขา"
สดุดี 34:15-17 
"คน จนคนนี้ร้องทูล และพระเจ้าทรงฟัง และทรงช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากของเขา"
สดุดี 34:6
พระเจ้าเองต่างกับนักการเมือง หรือเราที่บางครั้งก็ไม่มีเวลาเอาเสียเลย และบางครั้งก็ไม่อยากให้ใครมารบกวนด้วย หัวใจของพระองค์ต้องการได้รับฟัง และพูดคุยกับลูกๆของพระองค์ "พระองค์ทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ และทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด" พระเจ้าเองไม่เคยมีบาดแผลกับเรา แม้เราจะดื้อ จะร้ายกาจเพียงไร บ่นและต่อว่าพระเจ้า แต่เมื่อเรากลับมาเพื่อขอความช่วยเหลือ พระองค์ยืนรอเราที่นั่นเสมอ 

พระเยซูเองก็เป็นขี้ปากพวกฟาริสี พระองค์ต้องโดนพูดจาเยอะเย้ย ถากถาง ถูกเข้าใจผิด ถูกปองร้ายหมายชีวิต แต่เราเห็นอะไรในชีวิตของพระองค์ ถ้าเป็นเราคงกำลังนั่งท้อใจ หรือนั่งแก้ปัญหา คิดหาทางออกต่างๆ และตอนนี้ใครอย่ามายุ่งกับฉันเลย แค่ตัวฉันยังจะไม่รอด

ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นบุตรมนุษย์ และเป็นแบบอย่างให้เรา

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship





วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อย่ามองที่บุคคล

 อย่ามองที่บุคคล



ช่วงนี้พระเจ้าสอนอะไรหลายๆอย่าง เพื่ออนาคตข้างหน้าที่เราต้องเผชิญ เคยหรือไม่ครับที่บ้างครั้งเราได้ยินคำสอน คำหนุนใจ หรือแม้แต่คำเทศนา ในที่ต่างๆ หรือบุคคลต่างๆ แต่เรากลับปิดใจไม่รับสิ่งเหล่านั้น เพราะว่าตัวเรามองไปที่ตัวบุคคล เราคิดว่า ทำไมสอนดีแต่เค้าทำตัวไม่เหมาะสมเลย และไม่ได้ประพฤติตามพระวจนะที่เราได้พูดออกไป น่าเศร้าจริงๆ และเราก็ไม่ใส่ใจที่จะประพฤติตามนั้น

การที่พระเจ้าจะใช้หรือพูดผ่านใครสักคนนั้นไม่ได้หมายความว่าเค้าคนนั้นต้องเป็นคนดีพร้อม และไม่มีข้อเสียหรือตำหนิใดๆ การเทศนาเก่ง สอนเก่ง มีพระวจนะเยอะแยะมากมายในหัวสมอง  หรือสามารถท่องพระวจนะได้เป็นเล่มๆ แต่ไม่ได้ประพฤติตามก็เปล่าประโยชน์

ผมไม่ได้หมายความว่าพระวจนะที่เค้าสอน หรือเทศนาไม่ดี อย่าให้เรามองที่ตัวบุคคลเลย

เราอาจจะพบคนแบบนี้ได้ในพระคัมภีร์ พวกฟาริสีมักมีปัญหากับเรื่องแบบนี้ พระเยซูเองกล่าวถึงคนพวกนี้ว่า เป็นพวกล้มละลายในฝ่ายวิญญาณ หน้าที่ที่แท้จริงพวกเขาน่าจะสอนธรรมบัญญัติเพื่อให้คนของพระเจ้าดำเนินในทางของพระเจ้า และมีความสัมพันธ์กับพระบิดา เพราะพระองค์ต้องการความสัมพันธ์กับเรา

"ดูก่อน คน อิสราเอล พระเยโฮวาห์ พระเจ้าของ ท่าน ทรง ประสงค์ ให้ ท่าน กระทำ อย่างไร คือ ให้ ยำเกรง พระเยโฮวาห์พระเจ้า ของ ท่าน ให้ ดำเนิน ตาม ทาง ทั้งปวง ของ พระองค์ ให้ รักพระองค์ ให้ ปรนนิบัติ พระเยโฮวาห์ พระเจ้า ของ ท่าน ด้วย สุดจิตสุดใจ ของ ท่าน ทั้งหลาย
 และ ให้ รักษา พระบัญญัติ และ กฎเกณฑ์ ของพระเจ้า ซึ่ง ข้าพเจ้า บัญชา ท่าน ใน วันนี้ เพื่อ ประโยชน์ ของ ท่านทั้งหลาย "
เฉลยธรรมบัญญัติ 10:12-13

แต่การตีความแบบเข้าข้างตัวเองของพวกฟาริสี กลายเป็นว่าธรรมบัญญัติของพวกเขา สำคัญกว่าธรรมบัญญัติของพระเจ้า พวกเขาสอนพระบัญญัติของพระเจ้า แต่ไม่ประพฤติตามและไม่ได้ทำตามวิ่งที่ตัวเองได้สอนไป เขาไม่ได้ทำทุกสิ่งเพื่อถวายเกียรติพระเจ้า แต่เพื่อสนองตัวเองทั้งสิ้น
พระเยซูบอกว่าพวกเขาคือพวกสร้างภาพ หน้าซื่อใจคด

เราอาจจะพบเห็นคนประเภทนี้บางครั้งสอนเรื่องคำพูด และกาารนินทาให้รักษาลิ้น แต่พอเทศน์จบก็มานั่งนินทาพี่น้องร่วมกายเดียวกัน เหตุเพราะธรรมบัญญัติของตัวเองที่พี่น้องคนนั้นทำไม่ถูกใจตัวเอง ไม่มีใครรอดพ้นจากปากอันหยาบช้านี้ได้แม้แต่คนเดียว ไม่ว่าจะมีข้อผิดพลาดอะไรก็จะโทษคนอื่นๆก่อนเสมอๆ
ผมขอภัยที่ยกตัวอย่างเพียงเท่านี้ (นี่ก็เพียงพอแล้ว)

อย่าลืมว่าการตัดสินเป็นของพระเจ้า...สิ่งที่จะวัดผลชีวิตการติดตามพระเจ้า ไม่ใช่คำพูดที่ดีเลิศ ความสามารถที่มีมากกมาย การศึกษาหรือการทำตัวเป็น(ผู้ดี) และเก่งในเรื่องการจับผิดและพูดแต่ความผิดพลาดของคนอื่นๆ ที่สำคัญแม้จะมีพระวจนะอยู่เต็มหัวสมอง แต่ถ้าไม่ได้ประพฤติตามพระวจนะนั้นจะมีประโยชน์อันใด

เมื่อพระเจ้าใช้เรา สำแดงฤทธิ์เดชผ่านทางเราเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องทำตัวให้เหมาะสมกับสิ่งที่ได้รับ สิ่งที่คุณทำ ของประทานที่คุุณมี มันมีฤทธิ์เดชแน่นอนเพราะพระเจ้าประทานให้ผ่านเรา แต่เมื่อเรายืนที่หน้าบัลลังก์นั้น เราจะบอกอย่างไร

มัทธิว 7:22 
"เมื่อ ถึง วันนั้น จะ มี คน เป็น อัน มาก ร้อง แก่ เรา ว่า 'พระองค์ เจ้าข้า พระองค์ เจ้าข้า ข้าพระองค์ กล่าว พระวจนะ ใน พระนาม ของ พระองค์ และ ได้ ขับผี ออก ใน พระนาม ของ พระองค์ และ ได้ กระทำ การ มหัศจรรย์ เป็น อัน มาก ใน พระนาม ของ พระองค์ มิ ใช่ หรือ" 

ดังนั้นเราจึงควรเป็นตัวอย่างแก่ผู้อื่น ทั้งคำพูดและการกระทำ อย่ามัวแต่นินทาหรือมองกันในมุมลบเลย เราควรห่วงไม้ทั้งท่อนในตาของเรามากกว่าจะสนใจผงในตาคนอื่น
"เหตุ ฉะนั้น ทุก สิ่ง ซึ่ง เขา สั่งสอน พวก ท่าน จง ถือ ประพฤติ ตาม เว้น แต่ การ ประพฤติ ของ เขา อย่า ได้ ทำ ตาม เลย เพราะ เขา เป็น แต่ ผู้ สั่งสอน แต่ เขา เอง หา ทำ ตาม ไม่"
มัทธิว 23:3 

ปล. ขออภัยถ้าบางคำพูดนี้ดูหนักเกินไป แต่ความตั้งใจเพียงหนุนใจบางคนที่ต้องเจอกับสถานการณ์กับคนแบบนี้เช่นกัยว่า อย่าหมดใจ ท้อถอย หรือยอมแพ้ ไม่ได้หมายความว่าเราตองต่อต้าน แต่เราจะยืนหยัดได้เช่นไรในวภาพแวดล้อมเช่นนี้ พระเยซูเป็นแบบอย่างที่ดีที่สุด

เราจึงไม่ควรมองที่บุคคล

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

มองหาความเปรมปรีดิ์(สิ)

มองหาความเปรมปรีดิ์(สิ)

ปี 2553 นี้เป็นอะไรที่ร้อนที่สุดเลยก็ว่าได้ บ้านที่ผมอยู่อยู่ในเมือง ล้อมรอบด้วยปูนซีเมนต์รอบบ้าน และเป็นบ้านชั้นเดียว ไม่่วาจะทำอะไร อ่านหนังสือ อธิฐาน อ่านพระคัมภีร์ ดูมันช่างเป็นอุปสรรคเสียจริงๆ วันๆหนึ่งผมเผลอพูดว่า "ร้อน ร้อน ร้อน" ไปหลายครั้ง ผมอยากตากแอร์เย็นๆ หรือไม่ก็เข้าสู่หน้าหนาวบ้าง ฝนตกบ้าง ผมเคยคิดว่าเกลียดจริงๆเลยความร้อน เพราะมันร้อนกว่าทุกปี

แต่มันเสียเวลาเปล่า เพราะเราไม่สามารถไปกำหนดสภาพดินฟ้าอากาศได้ เราคิดแต่ว่า ถ้าอาศไม่ร้อนฉันจะทำสิ่งนั้นได้ สิ่งนี้ได้ ฉันจะอ่านพระคัมภีร์ได้ ฉันจะอธิฐานได้สบายๆ หรือเราคาดหวังกับคนรอบข้างให้เป็นแบบนั้น แบบนี้ แล้วเราจะพอใจ เราจะรู้สึกดี

ทำไมเราไม่คิดล่ะว่าทุกวันคือสิ่งดีที่มาจากพระเจ้า วันๆเราคิดถึงแต่สิ่งดีที่อยู่ในอนาคต และลืมว่าทุกวันและทุกเวลาที่เราอยู่คือสิ่งดีที่พระองค์ประทานให้เพื่อถวายเกียรติแด่ระองค์ ไม่ว่าจะร้อนแค่ไหน และอยู่ในสถานการณ์อะไร

พระเจ้ามีแผนการของพระองค์เราอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่ จงเรียนรู้ในสถานการแต่ละวันและยืนหยัดด้วยความหนักแน่น เราอาจะต้องเผชิญปัญหามากมายที่ดูเหมือนจะขัดกับแผนการของพระเจ้า แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นอุปสรรคขวางกั้นความเชื่อที่เรามีต่อพระองค์ แต่ให้เราเรียนรู้ว่า หากไม่มีพระเจ้า ปัญหาต่างๆก็จะผ่านไปเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อมันกลับมาเราก็จะย่ำแย่ลงอีก

เราควรทำตัวให้มีความสุขและทำความดีในขณะที่ยังมีลมหายใจยังมีชีวิต พระเจ้าต้องการให้เราสนุกกับชีวิตของเรา ให้เรามีมุมมองแบบพระเจ้า มองผ่านสายตาของพระองค์สิ มองในสิ่งที่พระองค์มอง รักในสิ่งที่พระองค์รัก ดำรงค์ไว้ซึ่งสันติสุขทั้งที่สถานการณ์รอบข้างมันแย่และเลวร้าย

ความสุขที่แม้จริงมาจากการชื่นชมยินดีในสิ่งต่างๆที่ได้รับจากพระเจ้า ไม่ใช่สิ่งที่เราสั่งสมขึ้นมาเอง
ในทุกวันมีสิ่งให้เราได้เปรมปรีดิ์ เพียงแต่เราต้องมองหามันว่าอยู่ที่ไหน?

"สำหรับเขาไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าเปรมปรีดิ์ และร่าเริงตลอดชีวิต"
ปัญญาจารย์ 3:12 (อ่านบทที่ 3 ทั้งหมด)

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ขอบคุณพระเจ้าทุกสถานการณ์หรือ?

ขอบคุณพระเจ้าทุกสถานการณ์หรือ?



วันนี้ไปอธิฐานที่คริสตจักรวันอังคาร ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นและมีความสุขดีเยี่ยม เพราะกำลังจะเข้าสู่งานรับใช้ใหญ่ การเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่อีกหนึ่งงานคือ "หายโรคโดยความเชื่อ" หลายคนพบเจอและประสบปัญหา แต่ผมไม่ และก็ฟื้นกำลังภายในจากงาน "กองทัพอธิฐาน" มาหมาดๆ

แต่แล้วก่อนจะกลับเนื่องจากมุ่นวุ่นวายอยู่กับ การโอนไฟล์วิดีโอ เก็บกี่ต้าร์ และเก็บเบส เดินปิดเครื่องเสียงทั้งโบสถ์และคุยกับคนอีกหลายคน ก่อนจะขึ้นรถคลำไปที่กระเป๋ากางเกง เอาล่ะ มือถือหาย !!! ไหนเนี่ยะ อันที่จริงไม่ได้โทษใครเลย รู้อยู่ว่าเราพลาดแล้วที่ลือว่าถือไปตรงไหนบ้าง เดินหารอบโบสถ์ก็ไม่เจอ จะโทรเข้าก็ดันเปิดสั่นซะนี่ เยี่ยมจริงๆ แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเตลิดเปิดเปิงไปหมด บทความที่เราเขียนขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็หวนกลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่งว่า

เราห่วงอะไรมากกว่า จริงอยู่มือถือสำคัญมาก แต่สำคัญกว่าจิตวิญญาณภายในเราที่ต้องสูญเสียไปกับอารมณ์ที่ขาดความเชื่อหรือไม่?? เพลงหนึ่งกล่าวว่า เสียอะไรก็ให้เสียไป แต่อย่าเสียพระเจ้า
ถ้าพระคัมภีร์เราหาย เราจะโมโหขนาดนี้หรือไม่

ขอบคุณพระเจ้าที่นำออกมาจากถิ่นทุรกันดารที่มีแต่การขาดความเชื่อ ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่พ่ายแพ้คำหลอกลวงว่า เบอร์นี้ใช้มา 10 กว่าปี เสียดายจริงๆ จะติดต่องานยังไง ใครโทรมาจะทำยังไง โทรไม่ติดจะเสียหายแค่ไหน เสียดายนั่น เสียดายนี่ คิดแต่เรื่องของผลเสียๆหายๆ สิ่งที่ยังคงอยู่คือความหนักแน่นมากกว่าที่ไม่ยอมให้มีการแทรกแทรงในสนามรบในความคิดอย่างเด็ดขาด

1เธสะโลนิกา 5:18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระ เยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย

แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับบางคน แต่สิ่งนี้ก็สอนให้เราคิดในสิ่งดีๆ บวกๆ ฝึกคิดดีๆบวกในทุกสถานณ์การ แผนการของพระเจ้าล้ำลึกเกินความเข้าใจของเรา เราเลือกที่จะขอบคุณพระเจ้าในสิ่งที่พบเจอเพื่อที่เราจะพึ่งพาพระองค์และสัมผัสกับฤทธิ์เดช หรือเลือกที่จะกระวนกระวายใจ บ่น เราคงรู้แล้วล่ะว่าผลลัพธ์คืออะไร ? 
  
ยังไงพรุ่งนี้ค่อยไปหาต่อ ไม่แน่อาจอยู่ในที่ที่เราคาดไม่ถึง


ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

จุดเริ่มต้น

จุดเริ่มต้น
ผมเองเป็นคริสเตียนตั้งแต่ตอนไหน ก็คือย้อนกลับไปตอนที่ยังอยู่ประมาณ ประถม4 ตอนนั้นครอบครัวผมก็ปกติดี แต่พ่อผมนั้น มีอาการป่วย พอป่วยแล้วก็จะมีอารมณ์โมโหร้ายเพราะเจ็บปวดอยู่ พ่อบอกแม่ว่าฝากดูแลลูกด้วย ตอนนั้น หมดเงินการรักษาไปนับแสน กี่แสนไม่รู้ก็ไม่มีอะไรที่จะดีขึ้นเลย รักษาทั้งแพทย์แผนปัจจุบัน แผนโบราณ ไสยศาสตร์ ไปถึงเขมรโน่นเลยก็เคยไป หมดหวังทุกอย่าง ผมเองเลยไม่ค่อยสนิทกับพ่อมากนักเนื่องจากพ่อป่วยและหงุดหงิดง่ายมาก ยากที่ผมจะเข้าไปหาและคลุกคลีด้วย

วันหนึ่งน้าสาวผมมาจากอเมริกา และเป็นคริสเตียนต้องการหาโบสถ์ที่จะเข้าไปเพื่อนมัสการพระเจ้า นมัสการอะไรไม่รู้ งง?ผมตัดสินใจอยู่บ้านและไม่ไป แต่แม่ไปและเข้าไปโบสถ์แห่งหนึ่ง คือคริสตจักรธารพระพร เมื่อแม่กลับมาแม่เล่าด้วยอาการตื่นเต้นว่า มีคนมาสวมกอดด้วย มีแต่คนทักทายและให้ความสนใจเข้ามาไถ่ถามดั่งเราเป็นพี่น้องกับเขา แม่สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าเข้าให้แล้ว เอาล่ะสิ ตรงจุดซะด้วย

ส่วนผมเองนั้นเป็นลูกคนเดียว เล่นมาแต่กับแม่ เพราะพ่อไม่กล้าเข้าไปหาหรอกเดี๋ยวโดนตะเพิดออกมา
แม่ชวนไปโบสถ์และได้แยกไปเข้าห้องเรียนชั้นเด็ก มีเพื่อที่แปลกไปกว่าที่เคยเจอ มีครูเด็กที่ใจดี และเข้าใจเรา รักเราจริงๆไม่ใช่แค่หน้าที่ที่ต้องทำ ผมรู้สึกอบอุ่นมากๆ

เล็กน้อยในผู้ยิ่งใหญ่

เล็กน้อยในผู้ยิ่งใหญ่


ครั้งหนึ่งผมเคยได้รับคำเผยพระวจนะว่า จะได้เป็นผู้รับใช้พระเจ้า นำคนมากมายมาในแผ่นดินของพระเจ้า และคำเผยอีกมากมาย ผมอมยิ้มเล็กๆ และคิดว่าจะเป็นไปได้ยัไง เรามันผู้เล็กน้อย ผมเห็นผู้รับใช้หลายคนที่เก่งๆ จบ ด๊อกเตอร์ จากต่างประเทศ ภาษาอังกฤษคล่อง เรียนในสถาบันดีๆจากต่างประเทศ แต่เราล่ะ จบอะไร ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ได้ นี่พูดแบบไม่อายเลย จะทำอะไรได้ ทำไมพระองค์เลือกเราล่ะ ผมมีคำถามแบบนี้เสมอๆในอดีต
คุณเคยมีคำถามแบบนี้หรือไม่?

เมื่อพระเยซูเสด็กเข้ามาในกรุงเยลูซาเล็มอย่างผู้ชนะ พระเยซูเลือกลา

"ถ้ามีผู้ใดถามว่า  ท่านทำอย่างนี้ทำไม จงบอกเขาว่า พระองค์ต้องประสงค์ลูกลานี้"
มาระโก 11:3


ครั้งนั้นที่พระคัมภีร์บทนี้เข้ามา มันน่าแปลกใจมากๆ เมื่อโลกนี้ต้องการบุคลาการที่ดี เมื่อเราไปสมัครงาน สิ่งที่เป็นคุณสมบัติแรกๆเลยคือ จบจากสถาบันดี  เกรดเฉลี่ยที่สูงๆ ยิ่งมีผลงานดีๆมาด้วยยิ่งการันตี บางที่ดูหน้าตาดีๆด้วย แต่ทำไมพระเยซูเลือกลาล่ะ ไม่เลือกม้า ทำไมกษัตริย์ขนาดพระเยซู เลือกรถเก่าๆที่ดูไม่สมศักดิ์ศรี มากกว่าที่จะขับรถเบนซ์ยุโรป

เพราะพระเยซูเองที่พระเยซูใช้วิธีที่ต่ำต้อยอย่างนี้เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ของพระองค์ พระองค์มาหาเราแบบนั้นด้วย บางที่เราอาจจะไม่เคยสนใจพระองค์มาก่อน และไม่ได้คิดหรือฝันอะไรใหญ่ๆเลยในชีวิต ขอแค่รับใช้เล็กๆก็พอ แต่พระองค์ตรัสว่า "เราต้องการเจ้า"

พระเจ้าผู้สร้างฟ้าสวรรค์ จักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลตรัสว่า ต้องการเราหรือ? พระองค์ปรารถนาและต้องการให้เราร่วมในแผนการของพระองค์ ในความเป็นจริง พระองค์ทำเองได้ในเพียงแค่พริบตาไม่ต้องอาศัยใครเลยก็ได้ แม้คนเก่งที่สุดในโลก แต่พระองค์เลือกที่จะให้แผนการของพระองค์สำเร็จด้วยมือมนุษย์ที่เรียกว่าต่ำต้อย ทำไมพระองค์ต้องทำเรื่องยุ่งยากโดยการส่งพระเยซูพระบุตรของพระองค์ มาในโลกมนุษย์ และมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งล่ะ

จงเชื่อเถิดว่าแผนการของพระเจ้านั้นลึกล้ำเกินความเข้าใจของมนุษย์ สาวกหลายคนที่พระองค์ทรงเรียก บางคนเป็นชาวประมงด้วยซ้ำ ไม่ได้มีความรู้ที่สูงมากมายเลย และก็ไม่ได้หมายความว่า คนที่มีความรู้สูงในโลกนี้จะได้รับการละเลยจากพระองค์ อย่าให้สิ่งเหล่านี้มามีอิทพลต่อการทรงเรียกของพระเจ้าที่มีมาถึงคุณเลย ถ้าคุณเป็นผู้เล็กน้อย จงเชื่อเถิดว่าพระเจ้าต้องการคุณเพื่อสำแดงความยิ่งใหญ่อันมหัศจรรย์ผ่านชีวิตของคุณ

ระวัง! พระเจ้าอาจจะกำลังมองมา และมองหาผู้ที่ต่ำต้อยอยู่ไหน ? จงรีบยกมือขึ้นและบอกว่า "ข้าพระองค์อยู่ที่นี่แล้ว"
คุณอาจจะคิดว่าคุณไม่มีอะไรเลยในสายตาคุณเอง แต่พระเจ้าต้องการคนต่ำต้อยเช่นนั้น ดั่งเช่นลูกลา

คิดดูสิ พระเยซูเสด็จมา และมีเสียงโห่ร้อง โฮซันนา โฮซันนา ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ
คุณจะรู้สึกยังไงถ้าคุณเป็นลาตัวนั้นในเวลานั้น

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิถีทางของพระเจ้า

วิถีทางของพระเจ้า





ความปรารถนาย่อมมีในตัวบุคคลทุกๆคน ชีวิตส่วนตัวผมเองอาจจะปรารถนาที่จะได้แต่งงาน มีงานที่มั่นคง งานรับใช้ก็อยากจะรับใช้ในพันธกิจ หรือสิ่งที่คาดหวังไว้ เราเลือกที่จะรับใช้ในงานบางอย่างโดยเหตุผลเพราะชอบหรือไม่ชอบบทเฝ้าเดี่ยวบทหนึ่งได้สอนผมในเรื่องนี้ว่า พระเจ้าต่างหากที่เลือกเรา เราต้องมอบความปรารถนาทุกอย่างไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ให้พระองค์เลือกวิถีทางให้เรา

โลทเองได้เป็นผู้เลือกสิ่งที่เค้าต้องการและมีความปรารถนา เมื่อโลทเองได้มองไปที่แม่น้ำจอร์แดนทางทิศเหนือเมืองโศอาร์ และมองเห็นว่า เป็นพื้นที่ที่บริบูรณ์มีน้ำที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อเห็นดังนี้โลทจึงเลือกที่ลุ่มแม่น้ำจอร์แดนทั้งหมดเป็นส่วนของตน

เพราะพื้นบริเวณนั้นเองเป็นที่ดินที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีน้ำมากมาย โลทมองว่าเป็นทำเลที่ดีเยี่ยม แต่แผ่นดินนั้นเป็นแผ่นดินที่มีวามโสมมเพราะในบริเวณเมืองโสโดมนั้นเอง ชาวเมืองนั้นเป็นคนชั่วช้าและทำผิดต่อพระเจ้าเป็นอันมาก
"ชาวเมืองโสโดมเป็นคนชั่วช้าทำบาปผิดต่อพระเจ้าเป็นอันมาก"
ปฐมกาล 13:13
โลทอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง อยากเลือกทำอะไรด้วยตัวเอง และเราเห็นภาพของการถูกหลอกด้วยสิ่งที่เราเห็น นี่เป็นตัวอย่างที่ซ่อนอยู่ที่เราต้องระมัดระวัง โลทล้มลงเหมือนคนที่ตาบอด และต้องพบเจอกับความเจ็บปวดที่ต้องถูกพิพากษา เมืองพระเจ้าทำลายเมืองโสโดมและโกโมราห์
ส่วนอับราฮัมผู้เชื่อ ให้พระเจ้าทรงเป็นผู้เลือก อับราฮัมเห็นความสว่างที่แท้จริง ส่วนโลทนั่นเลือกเพื่อตัวเอง และสุดท้ายไม่มีอะไรเหลือ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง ครอบครัว ภรรยา ทรัพย์สมบัติ

เมื่อเรายอมให้พระเจ้าเป็นผู้เลือกและเรายอมที่จะเดินตามทางที่พระเจ้าเลือก ไปในทิศทางของพระองค์ ย่อมเป็นที่ที่ดีที่สุดเสมอ มนุษย์มักถูกหลอกให้มองที่กิเลศตัณหา และเรามักไม่ได้มองไกลแบบที่พระเจ้าทอดพระเนตร
อิสราเอลในถิ่นทุรกันดารเป็นบทเรียนเราได้ทั้งชีวิต พระเจ้ามีหนทางที่ดีเสมอ แต่พวกเขาไม่เข้าใจ และต้องการเดี๋ยวนั้น เดี๋ยวนี้ จับต้องได้ทันทีทันได้ แต่อย่าลืมว่าพระเจ้าไม่เคยสาย พระเจ้ามีสิ่งดีที่สุดมากกว่า ความต้องการของเราซะอีก สิ่งที่พระเจ้ามอบให้เรานั้นมาจากสติปัญญาของพระเจ้าที่ลึกล้ำ และความรักอันมหาศาลของพระองค์

พระคัมภีร์ใครครวญ
"ที่ดิน ทั้งหมด อยู่ ตรง หน้า เจ้า มิใช่หรือ จง แยก ไป จาก เรา เถิด ถ้า เจ้า ไป ทาง ซ้าย เรา ก็ จะ ไป ทางขวา หรือ เจ้า จะ ไป ทาง ขวา เรา ก็ จะ ไป ทาง ซ้าย
โลท เงย หน้า แลดู ที่ ลุ่ม แม่น้ำ จอร์แดนทาง ทิศ เมือง โศอาร์ เห็น ว่า มี น้ำ บริบูรณ์ อยู่ ทุก แห่ง เหมือนพระอุทยาน ของ พระเจ้า เหมือน แผ่นดิน อียิปต์ นี่ เป็น สภาพ ก่อนพระเจ้า ทรง ทำลาย เมือง โสโดม และ เมือง โกโมราห์
โลท จึง เลือก ที่ ลุ่ม แม่น้ำ จอร์แดนทั้งหมด เป็น ส่วน ของ ตน โลท ออก เดินทาง ไป ทิศ ตะวันออก เขา ทั้งสองจึง แยก กัน ไป
อับราม อาศัย อยู่ ใน แผ่นดิน คานาอัน ส่วนโลท อาศัย อยู่ ท่ามกลาง หัวเมือง ใน ที่ ลุ่ม แม่น้ำ และ ย้าย เต็นท์ไป ตั้ง ถึง เมือง โสโดม
ชาวเมือง โสโดม เป็น คน ชั่วช้า ทำ บาป ผิดต่อ พระเจ้า เป็น อันมาก"
ปฐมกาล 13:9-13


ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

ระบายผิดคน

ระบายผิดคน




เคยมีครั้งหนึ่งซึ่งแน่นอนตอนนี้ผมจะไม่กลับไปเป็นเช่นนั้นแล้ว แต่ผมอยากแบ่งปันเรื่องนี้ เอาตัวของผมเองก่อน ก่อนนี้ เวลาที่ผมมีปัญหา หรือไม่ถูกใจใครในคริสตจักร ผมมักจะหาคนระบาย แน่นอนเราอาจจะมีพี่เลี้ยงสักคน แต่บางครั้งเราไม่ได้ระบายแค่คนๆเดียว และแทนที่เราจะคุยกับเขาตรงๆ มันอาจจะกลายเป็นการนินทาไปเสียนี่เอาละ วันนี้ผมจะไม่อธิบายยืดยาวเรื่องการนินทา เพราะผมได้แบ่งปันเรื่องนี้ไปแล้ว
เรามักต้องการระบายปัญหาของเรา และคาดหวังให้คนคนนั้นเห็นใจเรา และเข้าข้างเรา ไม่คัดค้านเรา ไม่ใช่เพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว แต่บางครั้งเราบอกทั้งหมดเกี่ยวกับตัวเรา วันนี้เราเจออะไรบ้าง เราผิดใจกับใครบ้าง ภรรยาเรา สามีเราเป็นแบบนั้นแบบนี้ บางคนที่เคยมาคุยกับผม ได้บอกทั้งหมดที่เค้าได้ทำมาเลยทีเดียว
บ่อยแค่ไหนที่เราเล่นปัญหาและความผิดหวังของเราให้ผู้อื่นฟัง (เล่าปัญหาของคนอื่นด้วยเช่นดียวกัน)
เราคาดหวังอะไร ? เขาคนนั้นจะช่วยคุณแก้ปัญหาได้แน่หรือ เขาคนนั้นแก้ไขทุกสิ่งทุกอย่างได้หรือ
และอีกกรณี แม่ผมเป็นคนชอบคิดมากและชอบซีเรียสมากเรื่องของคนอื่น แม่มักนอนไม่หลับ หรือไม่สบายใจถ้ารู้ปัญหาของใครสักคนหนึ่ง ใช่นี่คือปัญหาของแม่ผม แต่ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากให้คุณสนใจในตอนนี้ และผมจะไม่เล่าเรื่องราวอะไรเลยถ้าผมรู้ดีว่าถ้าเล่าออกไปแล้วมันจะทำให้มีผลกระทบต่อแม่ผมได้ มีเพียงบางครั้งที่ต้องการคำอธิฐาน และอธิฐานร่วมกันเท่านั้น
ผมขอหนุนใจตอนท้ายด้วยข้อพระคัมภีร์ใน
สดุดี 62:8
"ประชาชนเอ๋ย จงวางใจในพระองค์ตลอดเวลา จงระบายความในใจของท่านต่อพระองค์ พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยของเรา"

ดาวิดได้ระบายความรู้สึกต่อพระเจ้า และยืนยันความเชื่อของตนอีกครั้ง ให้เราอธิฐานพูดกับพระเจ้า เพราะการอธิฐานช่วยให้ความตึงเครียดผ่อนคลายลงได้ วางใจว่าพระเจ้าทรงเป็นศิลาแห่งความรอด และป้อมปราการของเรา
และมุมมองของเราจะถูกเปลี่ยน เราจะไม่กระทบกระเทือนเมื่อถูกทำร้าย ไม่มีอะไรทำให้การพักพิงในพระเจ้าของเราสั่นคลอนลงได้
วางภาระทั้งหมดของเราไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะพระองค์เองรู้วิธีที่จะจัดการกับปัญหามากกว่าใครทั้งหมด
เราจะเลือกระบายกับใคร มนุษย์ หรือพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

พระเจ้าไม่ทรงล่าช้า

พระเจ้าไม่ล่าช้า



พระเจ้าของเราไม่เคยล่าช้า ผมได้รับคำหนุนใจและฟังเทศนาเรื่องนี้บ่อยๆ
เมื่อผมยังเด็กผมชอบของขวัญเมื่อจะมีผู้ใหญ่ให้เมื่อทำตัวดีๆ มักมีคำพูดที่ว่า ถ้าทำตัวดีๆจะให้ของขวัญ และเมื่อใดก็ตามที่ทำความผิดหรือไม่เชื่อฟัง ผมเองก็จะโดนพ่อตีจนเข็ดหลาบ  ทำให้เรียนรู้ที่จะทำตัวเหมาะสม นั่นคือตอนเป็นเด็ก

พอโตมาหน่อยสิ่งที่เราทำไปไม่ว่าผิดหรือถูก แต่ผลที่ตามมาไม่ได้มาแบบทันทีทันใด บางครั้งที่ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ได้มีผลกระทบหรือปัญหาใดๆตามมา เราอาจจะคิดว่าพระเจ้าไม่สนใจหรอก และทำผิดซ้ำๆกัน

เมื่ออ่านเรื่องของอิสราเอลที่เดินทางในถิ่นทุรกันดาร พวกเขาดื้อ ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก และไม่ได้รับผลในทันที เขาพากันคิดว่า พระเจ้าทอดทิ้งแผ่นดินนี้เสียแล้ว และพระเจ้าไม่ทอดพระเนตรอีก เอเสเคียล 9:9
อิสราเอลพากันคิดว่า พระเจ้าไม่สนใจในการกระทำที่ไม่เชื่อฟังของเขาแล้ว พวกเขาทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกและหันไปพึ่งรูปเคารพ เพราะคิดว่าพระเจ้าไม่สนใจ
แต่เขาคิดผิด พระเจ้าทรงเอืมระอาในพฤติกรรมแย่ๆของพวกเขา ในที่สุดพระเจ้าจึงตรัสมาว่า บรรดาถ้อยคำของเราจะไม่ล่าช้าอีกต่อไปเลย แต่วาจาที่เราลั่นออกมานั้นจะต้องเป็นไปจริง
อ่าน เอเสเคียล 12:28  (อ่านข้อ 21-28)

การที่พระเจ้านิ่งอยู่และไม่ลงโทษเราในทันทีทันใดนั้น ไม่ใช่พระองค์ไม่สนใจ ไม่แยแส หรือหันไปจากเราแล้ว แต่เพราะพระองค์ทรงรักเราและเมตตาเราต่างหากพระองค์เปี่ยมด้วยรักด้วยพระเมตตาและทรงกริ้วช้า อย่าพึ่งใจร้อนหันไปหาพระอื่นเลย และอย่าคิดว่าการไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นการที่พระองค์อนุญาติให้ทำบาป พระเจ้าทรงตั้งใจให้เป็นเช่นนั้น ก็เพื่อให้โอกาสเรา และเชิญชวนเราให้กลับใจใหม่

"หรือ ว่า ท่าน ประมาท พระกรุณา คุณ อัน อุดม และ ความ อดกลั้น พระทัย และ ความ อดทน ของ พระองค์ ท่าน ไม่รู้ หรือว่า พระกรุณา คุณ ของ พระเจ้า นั้น มุ่ง ที่ จะ ชักนำ ท่าน ให้ กลับ ใจ ใหม่"
โรม 2:4

"จง ฉีก ใจ ของ เจ้า มิใช่ ฉีก เสื้อ ผ้า ของเจ้า" จง หัน กลับ มาหา พระเยโฮวาห์ พระเจ้า ของ ท่าน ทั้งหลาย เพราะว่า พระองค์ ทรง กอปร ด้วย พระคุณ และ ทรง พระกรุณา ทรง กริ้ว ช้าและ บริบูรณ์ ด้วย ความ รัก มั่นคง และ ทรง กลับ พระทัย ไม่ ลงโทษ"
โยเอล 2:13


"เพราะ ฉะนั้น จง กล่าว แก่ เขา ว่า พระเจ้าตรัส ดังนี้ ว่า บรรดา ถ้อยคำ ของ เรา จะ ไม่ ล่าช้า อีก ต่อไป เลยแต่ วาจา ที่ เรา ลั่น ออก มา นั้น จะ ต้อง เป็น ไป จริง พระเจ้าตรัส ดังนี้ แหละ"
เอเสเคียล 21:28


ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

โรงเรียนโลก


โรงเรียนโลก


โรงเรียนโลก
บางครั้งที่ผมเองก็เผลอไผลคิดเหมือนกันว่า ทำไมชีวิตเราเป็นแบบนี้นะ ทำไมความยากลำบากมันช่างเนิ่นนานจริงๆ พระเจ้ายังอยู่กับเราหรือเปล่า?
เหตุการณ์หนึ่งที่เมื่อผมนั่งทำคอมพิวเตอร์อยู่ซึ่งก็เป็นงานของคริสตจักรนี่แหละ และเกิดอุบัติเหตุทางไฟฟ้าบางอย่างทำให้ ฮอาร์ดดิสก์เสียและใช้การไม่ได้ แย่จริงๆ ทำไมเป็นแบบนี้ นี่งานที่ทำในการรับใช้นะ พระเจ้า เมื่อเพื่อนบางคนได้ยินถึงกับบอกเราว่า ซวยจริงๆเลยนะ แต่มีพระคำตอนหนึ่งได้เข้ามาว่า
"จงขอบพระคุณในทุกกรณีเพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าซึ่งปรากฏอยู่ใน พระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย "
1 เธสะโลนิกา 5:18

โลกนี้เปรียบเสมือนโรงเรียนแห่งหนึ่งที่เราเข้ามาเรียนเพียงชั่วคราวเท่านั้น สมัยผมเรียนนั้น ผมเป็นคนที่ไม่ตั้งใจในการเรียนนัก เพราะหลงระเริงกับเพื่อนที่พาเที่ยว สิ่งยั่วยันต่างๆ ยาเสพติดบางอย่างเช่น บุหรี่ มันสนุกมากๆเลย แต่เมื่อสุดท้ายที่ผลการเรียนออกมานั้น มันแย่มากๆ มันน่าผิดหวังมากๆ เพื่อนๆที่เคยคบกัน ก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไม่ได้มาทุกข์กับเราเลย
โรงเรียนโลกนี้ก็เช่นกัน เราหลงระเริงกับสิ่งใดบาง ผมจะไม่ยกตัวอย่างเพราะมันเยอะมากๆ และแต่ะคนก็มีแตกต่างกัน มันยากลำบาก ข้อสอบก็ยาก บทเรียนก็ยาก เพื่อจะหล่อหลอมเราให้เป็นคนที่พร้อมในบางสิ่งบางอย่าง
แน่นอน เราจะไม่สามารถไปถึงที่ที่พระเจ้ารอเราอยู่ได้ ถ้าเราสอบไม่ผ่าน และไม่ตั้งใจเรียน และไม่สนใจอะไรเลย ตอนนี้ผมได้รับโอกาส คือการเรียนซ่อม และการเรียนก็กำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ เพราะตอนนี้ได้พบ อาจารย์ที่ดีคนใหม่คือพระวิญญาณบริสุทธิ์

โยบเองเป็นแบบอย่างที่เราได้เห็น และเป็นกรณีศึกษา อยู่ดีๆ เรื่องเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดอาจจะเกิดขึ้น แต่โยบเข้าใจในบทบาทที่พระเจ้าทรงทดสอบเขาด้วยการสูญเสีย และสุขภาพที่ย่ำแย่
"ด้วยว่าพระองค์ทรงทราบทางที่ข้าไป เมื่อพระองค์ทรงทดสอบข้าแล้ว ข้าจะเป็นอย่างทองคำ"
โยบ 23:10
บางครั้งสิ่งที่เรารัก ชอบ หรือกลัวที่สุดก็อาจจะถูกใช้เป็นเครื่องมือ ในการทดสอบเราให้เข้มแข็งขึ้น พระเจ้าจะจัดเตรียมกำลังและการปลอบประโลมใจให้เราผ่านพ้นไปได้
ยึดพระเจ้าไว้ (พระองค์คือความจริง) พระองค์สัญญาว่าจะช่วยเรา แม้ในเหตุการณ์ที่แย่ในภายหน้าอาจจะเกิดขึ้น
ให้เราผ่านไปให้ได้ โลกนี้เป็นแค่ชั่วคราว เราไม่ได้เรียนหนังสือตลอดชีวิต แต่หลังจากนี้ต่างหากล่ะ จะเป็นยังไงต่อไป
เราเลือกได้
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

ภาชนะชั่วคราว

ภาชนะชั่วคราว



เมื่อได้อ่านเรื่องราวเรื่องราวหนึ่งในมานา คือ อาณาจักรโรมันอยู่ได้ด้วยน้ำมันมะกอก
ซึ่งใช้ทำอาหาร อาบน้ำ ทำยา ทำพิธีกรรม ใช้จุดตะเกียง ทำเครื่องสำอาง มาเป็นเวลา

นานหลายทศวรรษที่น้ำมันมะกอกจากทางใต้ของสเปนถูกบรรจุส่งไปยังกรุงโรม โดย

ถูกบรรจุในเหยือกดินเหนียว ซึ่งไม่มีคุณค่าเลยจึงต้องเอาไปทิ้งหลังจากนำน้ำมัน

มะกอกออกมาใช้แล้ว โดยมีเศษซากประมาณ 25 ล้านใบ ถูกนำมากองรวมกันจน

กลายเป็นภูเขาเทียม ผมมาคิดถึงด้วยเช่นกันว่า เหยือกเหล่านี้ไม่ได้มีความสวยงาม

แต่อยู่ที่สิ่งซึ่งอยู่ภายในต่างหาก

ในปัจจุบันก็เช่นเดียวกันภาชนะบะจุอาหารต่างๆ ขนม น้ำอัดลม เมื่อเราดื่ม เรากิน

หรือใช้แล้วก็ย่อมเป็นขยะไป แม้จะขายได้ก็ราคาไม่เท่าไร

สิ่งนี้เองเป็นภาพที่ อ.เปาโล ใช้เปรียบเทียบกับพระคริสต์ในชีวิตของผู้เชื่อเป็นอย่างดี

คุณเองทุกคนมีของมีค่านี้ (น้ำมันมะกอก) อยู่ภายในเหยือกดินเหนียว เพื่อจะได้เห็น

ว่าฤทธิ์เดชอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้น เป็นของพระเจ้าไม่ใช่มาจากตัวของเรา

เอง

"เรามีของมีค่านี้อยู่ในภาชนะดินเพื่อให้เห็นว่าฤทธิ์เดชอันเลิศนั้นเป็นของพระเจ้าไม่

ได้มาจากตัวเราเอง"
2 โครินธ์ 4:7 (บทที่ 4 ทั้งบท)


กายภายนอกของเรานั้นก็เหมือนกับเหยือกที่บรรจุน้ำมันมะกอก เป็นสิ่งชั่วคราว

เปราะบาง และมีคุณค่าอะไร ดั่งเช่นเรื่องที่ผมได้แบ่งปันในเรื่อง "ภายนอกและภายใน"
ที่โลกในปัจจุบันให้ความสำคัญแต่เพียงความงามภายนอก คนเรามองกันที่รูปร่าง

หน้าตาที่ไม่ยั่งยืนอะไร หนุ่มสาวคบกัน ขั้นแรกสุดคือหน้าตาภายนอก (ส่วนใหญ่)
เราตื่นขึ้นมาเราต้องแต่หน้าให้ดูดี ซึ่งไม่ใช่สิ่งผิดอะไร แต่เราได้พูดคุยกับพระเจ้าของ

เราหรือยัง สิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของเรานั้นคือพระเยซูคริสต์ที่อยู่ในเรา เราต้องมีชีวิตที่

ผู้อื่นจะมองเห็นพระเยซูคริสต์ภายในเราได้

"เหตุ ฉะนั้น เรา จึง ไม่ ย่อท้อ ถึง แม้ ว่า กาย ภายนอก ของ เรา กำลัง ทรุดโทรม ไป

แต่ จิตใจ ภายใน นั้น ก็ ยัง คง จำเริญ ขึ้น ใหม่ ทุกวัน
เพราะว่า การ ทุกข์ยาก เล็กๆ น้อยๆ ของ เรา ซึ่ง เรา รับ อยู่ ประเดี๋ยว เดียว นั้น จะ

ทำ ให้ เรา มี ศักดิ์ศรี ถาวร มาก หา ที่ เปรียบ มิ ได้
เพราะว่า เรา ไม่ ได้ เห็นแก่ สิ่ง ของ ที่ เรา มอง เห็น อยู่ แต่ เห็นแก่ สิ่ง ของ ที่ มอง

ไม่ เห็น เพราะว่า สิ่ง ของ ซึ่ง มอง เห็น อยู่ นั้น เป็น ของ ไม่ ยั่งยืน แต่ สิ่ง ซึ่ง มอง ไม่

เห็น นั้น ก็ ถาวร นิรันดร์"
2 โครินธ์ 4:16-18


"เพราะ เรา รู้ ว่า ถ้า เรือน ดิน คือ กาย ของ เรา นี้ จะ พัง ทำลาย เสีย เรา ก็ ยัง มี ที่

อาศัย ซึ่ง พระเจ้า ทรง โปรด ประทาน ให้ ที่ มิ ได้ สร้าง ด้วย มือ มนุษย์ และ ตั้ง อยู่

เป็น นิตย์ ใน สวรรค์
 เพราะ ว่า ใน ร่างกาย นี้ เรา ยัง ครวญคร่ำ อยู่ มี ความ อาลัย ที่ จะ สวม ที่ อาศัย

ของ เรา ที่ มา จาก สวรรค์
เพื่อ ว่า เมื่อ เรา สวม แล้ว เรา ก็ จะ มิ ได้ เปลือย
 เพราะว่า เรา ผู้ อาศัย ใน ร่างกาย นี้ จึง ครวญคร่ำ เป็น ทุกข์ มิ ใช่ เพราะ ปรารถนา

ที่ จะ อยู่ ตัว เปล่า แต่ ปรารถนา จะ สวม กาย ใหม่ นั้น เพื่อ ว่า ร่างกาย ของ เรา ซึ่ง

จะ ต้อง ตาย นั้น จะ ได้ ถูก ชีวิต อมตะ กลืน เสีย
แต่ พระเจ้า ทรง เป็น ผู้ เตรียม เรา ไว้ สำหรับ การ เปลี่ยนแปลง นี้ และ พระองค์ ได้

ทรง โปรด ประทาน พระวิญญาณ เป็น มัดจำ ไว้ กับ เรา
เหตุ ฉะนั้น เรา มั่นใจ อยู่ เสมอ รู้ อยู่ แล้วว่า ขณะ ที่ เรา อยู่ ใน ร่างกาย นี้ เรา อยู่

ห่าง จาก องค์ พระผู้ เป็น เจ้า
เพราะ เรา ดำเนิน โดย ความ เชื่อ มิ ใช่ ตาม ที่ ตา มอง เห็น
เรา มี ความ มั่นใจ และ เรา ปรารถนา จะ อยู่ กับ องค์ พระผู้ เป็น เจ้า มาก กว่า อยู่ ใน

ร่างกาย นี้
เหตุ ฉะนั้น เรา ตั้ง เป้า ของ เรา ว่า จะ อยู่ ใน กาย นี้ ก็ ดี หรือ ไม่อยู่ ก็ ดี เรา ก็ จะ

ทำ ตัว ให้ เป็น ที่ พอพระทัย ของ พระองค์
เพราะ ว่า จำเป็น ที่ เรา ทุกคน จะ ต้อง ปรากฏ ตัว ที่ หน้า บัลลังก์ ของ พระคริสต์

เพื่อ ทุกคน จะ ได้ รับ สมกับ การ ที่ ได้ ประพฤติ ใน ร่างกาย นี้ แล้ว แต่ จะ ดี หรือ

ชั่ว"
2 โครินธิ์ 5


ใน 1 ซามูเอล 16:7
ซาอูลเองเป็นคนมีรูปร่างที่สูง และมีความหล่อเหลาเอามากๆ เป็นคนมีรูปร่างที่น่า

ประทับใจ ถ้าเป็นคนในยุคนี้คงได้รับการโหวตให้เป็นหนุ่มในฝันของสาวๆที่ดูดีที่สุด

คนหนึ่งและ วาอูลเองก็ได้พยายามหาคนที่คล้ายตนเองมาเป็นกษัตริย์องค์ต่อไปของ

อิสราเอล พระเจ้าเองได้เตือนซาอูลว่าไม่ให้ตัดสินจากเพียงแค่รูปร่างภายนอกเท่านั้น

เราเองอาจเคยตัดสินคนตามที่ตาเห็น เรามองไปถึงนิสัยบางอย่างที่เราเห็นและเราไม่

พอใจ โดยที่เราไม่รู้เบื้องหน้าเบื้อหลัง เราเองก็อาจมองข้ามบางคนอาจจะขาดบางสิ่ง

บางอย่างภายนอกที่สังคมในยุคนั้นยกย่อง รูปร่าง และลักษณะภายนอกไม่ได้เป็นตัว

เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง หรือคุณค่าที่แท้จริงของคนคนนั้น

การตัดสินของพระเจ้าคือตัดสินคนที่ความเชื่อ และลักษณะนิสัย พระเจ้าไม่ได้ตัดสินที่

สิ่งภายนอก พระเจ้าทรงมองเห็นทุกคนถึงภายใน ไม่มีใครเสแสร้ง และตบตาพระเจ้า

ได้พระเจ้าจึงทรงเป็นผู้เดียวที่ตัดสินได้อย่างถูกต้องและยุติธรรมที่สุด
อย่างที่ได้เกริ่นแต่ตอนต้นว่า คนส่วนใหญ่ใช้เวลาในการดูแลรูปร่างภายนอกไปมาก

มาย แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาสิ่งซึ่งอยู่ภายใน จะสนใจทำไมถ้าคนไม่ยอม

รับเราที่เพียงภายนอก จะสนทำไม่ถ้าสาวคนไหน หรือหนุ่มคนไหนไม่ชอบเราเพราะ

เราหน้าตาไม่ดี หรืออ้วนดำ
แต่เราสนใจพระเจ้าสิ ที่รู้ว่าจิตใจของเราเป็นยังไง อย่าให้ซาตานหลอกลวงเราว่า รูป

ร่างแบบนั้นดีหรือไม่ดี พระเจ้าเป็นผู้สร้างพระองค์ยุติธรรม พระองค์ไม่ได้มีเจตนาว่า

คนดำจะไม่ดีเท่าคนขาว คนเตี้ยจะด้อยกว่าคนสูง แต่สิ่งซึ่งอยู่ภายในต่างหากที่

สามารถพัฒนาได้ และไม่มีใคร ด้อยไปกว่ากัน

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ภายนอกและ ภายใน

ภายนอกและ ภายใน



ภายนอก และ ภายใน
สมัยที่ผมยังเป็นนักเรียน เมื่อเดินเข้าในในร้านวิดีโอ เพื่อนๆมักแซวว่า ไปหาหนัง

ผู้ใหญ่ดูเสมอๆ ซึ่งตอนแรกก็เถียง เพราะเราไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เมื่อมานั่งคิดดูแล้ว

คนที่พูดแบบนี้ แสดงให้เห็นว่า ตัวเค้าเองก็คิด ถึงได้คิดว่าคนอื่นจะเป็น
ตามแผงหนังสือต่างๆ สมัยนี้นิตยาสารทั้งหลายแฝงไปด้วย เรื่องของเพศ รูปสาวๆใน

ชุดว่ายน้ำ หรือนุ่งน้อยห่มน้อยกันแทบทุกฉบับ เรื่องรองลงมาก็คือ เรื่องของ เงินๆ

ทองๆ และความงาม แต่ไม่มีหนังสืออะไรเลยที่จะแนะนำ หรือพูดถึง สิ่งที่อยู่ภายในเลย
นั่นคือ จิตวิญญาณนั่นเอง คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยจะรู้ตัวเองว่า จิตใจภายในนั้นตก

ต่ำลงทุกวันๆ
ปัญหาคือเรามักเลือกดูหนัง หรืออ่านหนังสือผิดประเภท เรามักอ่านคำโกหกและ
หลอกลวง ที่ยึดติดกับความงามภายนอก รูปร่างหน้าตา ผมเองใครบอกว่าผมหล่อนี่

ผมจะเบ้ปากและไม่เชื่อเลย แต่เราภูมิใจในฝีพระหัตถ์ของพระเจ้า การที่เราไม่พอใจใน

สิ่งที่เรามี รูปร่างหน้าตาของเรา นั่นคือเราไม่ยอมรับการทรงสร้างของพระเจ้า บางคน

ถึงขั้นเปรียบเทียบกับคนอื่น และเอาไปคิดต่างๆนาๆ
เมื่อผมจีบผู้หญิงคนหนึ่ง เพื่อนผมถามว่า ทำไมไม่หาคนสวยกว่านี้ ผมบอกเพื่อนว่า "

หน้าตาไม่สำคัญหรอก" เพื่อนผมตอบกลับมาว่า ไม่เชื่อหรอกถ้าเลือกได้จะเลือกสวยมั๊ย
อันที่จริงแล้วคำตอบที่ผมถามย้อนเพื่อนคนนั้นไปคือ "ถ้าวันหนึ่งแฟนนายเสียโฉมมา

ยังจะรักเค้าอยู่มั๊ย" และ "ถ้าวันหนึ่งนายเองพิการมาหรือเสียโฉม และแฟนทิ้งไป

เพราะเรื่องนี้ จะรู้สึกยังไง ?"
บางคนมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองและชื่นชมกับสิ่งนั้น แต่สิ่งนี้ไม่ได้อยู่กับเรา

ตลอดไปหรอก จิตวิญญาณภายในต่างหากที่จะมีไปตลอดนิรันดร์ เราจะดูแลรักษาสิ่ง

ไหน ผมหนุนใจให้เราลองกลับไปทบทวนดู

"เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็เปล่าประโยชน์
แต่สตรียำเกรงพระเจ้า สมควรได้รับคำสรรเสริญ"
สุภาษิต 31:30


ความสำเร็จในสังคม เกียรติยศ ศักดิ์ศรี ไม่ได้มาจากการประสบความสำเร็จ หรือความ

เก่งกล้าสามารถ แต่ให้เรายำเกรงพระเจ้า เสน่ห์ของเราอยู่ที่จิตวิญญาณของเรา และ

แสดงออกมาเป็นท่าทีและลักษณะอุปนิสัย ตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ สิ่งเหล่า

นี้ต่างหากที่จะนำเราไปสู่ความชื่นบาน ความสำเร็จ เกียรติยศ
ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship
เผยแพร่บทความ

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...