พลับพลาของโมเสส
ที่เล็งถึงกางเขนของพระเยซูพระเมสสิยาห์
หมายถึง การเสียสละของพระเยซู พระเมสสิยาห์ ที่กางเขน และทรงเป็นลูกแกะของพระยาห์เวห์ ที่นี่เรานำเสนอตัวเอง ถวายเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต เป็นกลิ่นหอมที่พอพระทัย คือการเลือกที่จะปฏิเสธตนเอง แบกกางเขนทุกวันตามพระองค์ (มาระโก 8:34, ลูกา 9:23)
มธ. 16:24 พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
2 อ่างและฐานรองอ่างด้วยทองสัมฤทธิ์
ในฐานะปุโรหิตหลวง เมลคีเซเดค ล้างมือ นี่เป็นสัญลักษณ์ของงาน "ทำงาน" ด้วยมือของเรา เป็นการชำระล้าง เปรียบดังการซักผ้าให้สะอาด กลับใจและจัดการกับความเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำ สีม่วงอ่อนในน้ำนั้นและปุโรหิตจะเห็นภาพสะท้อนของตนเองในน้ำ เพื่อให้เราได้ใคร่ครวญภายในจิตวิญญาณของเรา ค้นหา ภายใจใจของเราเพื่อแสดงให้เห็นถึงความผิดบาปที่ซ่อนอยู่ในหัวใจ เพื่อจะทำความสะอาดธรรมชาติเก่า และล้างมันออกไปด้วยถ้อยคำแห่งพระวจนะ
3 โต๊ะขนมปัง ขนมปังคืออาหาร เหมือนข้าวที่สื่อว่า เราต้องกินทุกวัน มานาที่ซ่อนอยู่ วว. 2:17 ใครมีหูก็ให้ฟังข้อความที่พระวิญญาณตรัสกับคริสตจักรทั้งหลาย เราจะให้มานาที่ซ่อนอยู่แก่คนที่ชนะ และจะให้หินขาวแก่เขาด้วย และบนหินนั้นจะมีชื่อใหม่จารึกไว้ซึ่งไม่มีใครรู้เลยนอกจากผู้ที่ได้รับ”
นี่คือถ้อยคำจากพระองค์
ยน. 6:33 เพราะว่าอาหารของพระเจ้านั้นคือท่านที่ลงมาจากสวรรค์ และประทานชีวิตให้กับโลก”
ยน. 6:34 พวกเขาจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าข้า ขอโปรดให้อาหารนั้นแก่เราตลอดไปเถิด”
ยน. 6:35 พระเยซูตรัสกับพวกเขาว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต คนที่มาหาเราจะไม่หิว และคนที่วางใจในเราจะไม่กระหายอีกเลย
ยน. 6:36 แต่เราก็บอกพวกท่านแล้วว่าท่านเห็นเราแล้วแต่ไม่วางใจ
ยน. 6:37 สารพัดที่พระบิดาประทานแก่เราจะมาหาเรา และคนที่มาหาเรา เราจะไม่ขับไล่เลย
ยน. 6:38 เพราะว่าเราลงมาจากสวรรค์ ไม่ใช่เพื่อทำตามความประสงค์ของเราเอง แต่เพื่อทำตามพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามา
ยน. 6:39 และพระประสงค์ของผู้ทรงใช้เรามานั้นก็คือ ให้เรารักษาทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบไว้กับเรา ไม่ให้หายไปสักสิ่งเดียว แต่ทำให้เป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
ยน. 6:40 เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระบิดาของเรา ที่จะให้ทุกคนที่เห็นพระบุตรและวางใจพระองค์มีชีวิตนิรันดร์ และเราเองจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย”
ยน. 6:41 พวกยิวจึงซุบซิบกันเรื่องพระองค์เพราะพระองค์ตรัสว่า “เราเป็นอาหารซึ่งลงมาจากสวรรค์”
ยน. 6:42 พวกเขาพูดกันว่า “คนนี้คือเยซูลูกของโยเซฟไม่ใช่หรือ? พ่อแม่ของเขาเราก็รู้จัก แล้วเดี๋ยวนี้เขาพูดได้อย่างไรว่า ‘เราลงมาจากสวรรค์’?”
ยน. 6:43 พระเยซูตรัสตอบพวกเขาว่า “อย่าซุบซิบกันเลย
ยน. 6:44 ไม่มีใครมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
ยน. 6:45 มีคำเขียนไว้ในหนังสือผู้เผยพระวจนะว่า ‘พระเจ้าจะทรงสั่งสอนพวกเขาทุกคน’ ทุกคนที่ได้ยินได้ฟัง และได้เรียนรู้จากพระบิดาก็มาถึงเรา
ยน. 6:46 ไม่มีใครได้เห็นพระบิดานอกจากท่านที่มาจากพระเจ้า ท่านนั้นแหละได้เห็นพระบิดาแล้ว
ยน. 6:47 เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจก็มีชีวิตนิรันดร์
ยน. 6:48 เราเป็นอาหารแห่งชีวิต
ยน. 6:49 บรรพบุรุษของพวกท่านได้กินมานาในถิ่นทุรกันดารแล้วก็ยังเสียชีวิต
ยน. 6:50 แต่นี่เป็นอาหารที่ลงมาจากสวรรค์เพื่อให้คนที่ได้กินแล้วไม่ตาย
ยน. 6:51 เราเป็นอาหารดำรงชีวิตซึ่งลงมาจากสวรรค์ ถ้าใครกินอาหารนี้ คนนั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ และอาหารที่เราจะให้เพื่อชีวิตของโลกนั้นก็คือเลือดเนื้อของเรา”
ยน. 6:52 แล้วพวกยิวก็ทุ่มเถียงกันว่า “คนนี้จะเอาเนื้อของเขาให้เรากินได้อย่างไร?”
ยน. 6:53 พระเยซูจึงตรัสกับพวกเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า ถ้าท่านไม่ได้กินเนื้อและไม่ได้ดื่มโลหิตของบุตรมนุษย์ ก็จะไม่มีชีวิตในตัวท่าน
ยน. 6:54 คนที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเราจะมีชีวิตนิรันดร์ และเราจะให้คนนั้นเป็นขึ้นมาในวันสุดท้าย
ยน. 6:55 เพราะว่าเนื้อของเราเป็นอาหารแท้ และโลหิตของเราก็เป็นเครื่องดื่มแท้
ยน. 6:56 คนที่กินเนื้อและดื่มโลหิตของเรา คนนั้นก็อยู่ในเราและเราอยู่ในเขา
ยน. 6:57 พระบิดาผู้ทรงพระชนม์อยู่ทรงใช้เรามา และเรามีชีวิตเพราะพระบิดาอย่างไร คนที่กินเราก็จะมีชีวิตเพราะเราอย่างนั้น
ยน. 6:58 นี่แหละเป็นอาหารที่ลงมาจากสวรรค์ ไม่เหมือนอาหารที่พวกบรรพบุรุษกินและเสียชีวิต คนที่กินอาหารนี้จะมีชีวิตนิรันดร์”
4 แท่นบูชา เครื่องหอม
นี่เป็นคำอธิษฐานของธรรมมิกชนและนมัสการ
วว. 8:3 และทูตสวรรค์อีกองค์หนึ่งถือกระถางไฟทองคำออกมาและยืนอยู่ที่แท่นบูชา พระเจ้าประทานเครื่องหอมมากมายแก่ทูตองค์นั้น เพื่อให้ถวายร่วมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหมดบนแท่นบูชาทองคำ ที่อยู่หน้าพระที่นั่งนั้น
วว. 8:4 และควันเครื่องหอมนั้นก็ลอยขึ้นไปพร้อมกับคำอธิษฐานของธรรมิกชนทั้งหลาย จากมือทูตสวรรค์สู่เบื้องพระพักตร์ของพระเจ้า
พระยาห์เวห์มีข้อกำหนดที่แน่นอนสำหรับวิธีการที่ ปุโรหิตจะดำเนินเครื่องหอมบูชาของพวกเขาสำหรับพลับพลา
อพย. 30:34 พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “จงเอาเครื่องเทศคือ กำยาน ชะมด และมหาหิงคุ์ ผสมกับกำยานบริสุทธิ์ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน
อพย. 30:35 จงผสมเครื่องหอมปรุงตามวิธีการของช่างปรุง เจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
อพย. 30:36 จงเอาส่วนหนึ่งมาตำให้ละเอียด และวางไว้หน้าหีบแห่งสักขีพยานในเต็นท์นัดพบที่เราจะพบกับเจ้า เครื่องหอมนั้นพวกเจ้าจงถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด
อพย. 30:37 เครื่องหอมที่เจ้าทำตามส่วนที่ผสมนั้น ห้ามทำใช้เอง ให้ถือว่านี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์แด่พระยาห์เวห์
อพย. 30:38 ผู้ใดทำเครื่องหอมเช่นนี้ไว้ใช้เป็นน้ำหอม ผู้นั้นต้องถูกตัดออกจากการเป็นประชากรของเรา”
5 คันประทีปเจ็ดกิ่ง
พระเยซูเปรียบชุมชนทั้งเจ็ด และคันประทีปทองคำ ในวิวรณ์ 1:20
วว. 1:20 ส่วนความล้ำลึกของดาวทั้งเจ็ดดวงซึ่งเจ้าเห็นในมือขวาของเรา และของคันประทีปทองคำทั้งเจ็ดนั้น ดาวเจ็ดดวงก็คือบรรดาทูตสวรรค์ของคริสตจักรทั้งเจ็ด และคันประทีปเจ็ดคันนั้นก็คือคริสตจักรทั้งเจ็ด
คันประทีปไม่สามารถติดไฟได้โดยไม่ใช้น้ำมันมะกอก เราจะต้องเป็นเช่นดังห้าหญิงพรหมจารีที่ฉลาด
มธ. 25:1 “เวลานั้น แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือนหญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียงของตน ออกไปรับเจ้าบ่าว
หญิงพรหมจารีห้าคนที่น้ำมันของพวกเธอเต็มอยู่ตลอดเวลา "ไฟ" ในโลกที่มืดมิด พระเยซูกล่าวว่า "เราเป็นความสว่างของโลก"
ยน. 8:12 พระเยซูตรัสกับพวกเขาอีกครั้งหนึ่งว่า “เราเป็นความสว่างของโลก คนที่ตามเรามาจะไม่ต้องเดินในความมืด แต่จะมีความสว่างแห่งชีวิต”
ยน. 9:5 ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นความสว่างของโลก”
เราเองก็ต้องเป็น "ไฟ" เพื่อส่องสว่างในโลก มธ. 5:14 “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งอยู่บนภูเขาจะถูกปิดบังไว้ไม่ได้
6 หีบพันธสัญญา
แสดงให้เห็นถึง การทรงสถิตอย่างถาวรของพระวิญญาณของพระเจ้า
1ซมอ. 4:21 นางให้ชื่อเด็กนั้นว่า อีคาโบดกล่าวว่า “พระสิริพรากไปจากอิสราเอลแล้ว” เพราะหีบของพระเจ้าถูกยึดไป และเพราะเรื่องพ่อสามีและสามีของนาง
1ซมอ. 4:22 และนางกล่าวว่า “พระสิริพรากจากอิสราเอลแล้ว เพราะหีบของพระเจ้าถูกยึดไป”
คำว่า “kabowd” (พระสิริ) หรือน้ำหนัก ความหนักของการปรกฎของพระองค์พร้อมกับหีบพันธสัญญา เมื่อหีบออกมาจากพระวิหาร ในหีบบรรจุบัญญัติสิบประการ แสดงให้เห็นถึงพระยาห์เวห์ พระองค์ได้เขียนบัญยัติบนหัวใจของเรา เงาของการต่ออายุพันธสัญญาและการรื้อฟื้นบัญญัติโมเสส ที่โฮเรบและบรรดาคนอิสราเอลเมื่อพันธสัญญาที่ก่อตั้งที่ภูเขาซีนายได้ถูกทำลาย
7 ห้องอภิสุทธิสถาน
นี่เป็นสถานที่ที่มหาปุโรหิต (Kohen Gadowl) จะประพรมเลือดแกะเครื่องบูชา (พระเมษโปดก) บนพระที่นั่งกรุณาทุกปีใน เทศกาลลบมลทินบาป "Yom Kippur" พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตชั้นสูงแห่ง เมลคีเซเดค และพระองค์ประพรมโลหิตพระองค์เองที่พระที่นั่งกรุณา
ฮบ. 9:19 เพราะเมื่อโมเสสประกาศบัญญัติทุกข้อในธรรมบัญญัติแก่บรรดาประชาชนแล้ว ท่านก็เอาเลือดลูกวัวเลือดแพะกับน้ำ และเอาขนแกะสีแดงและต้นหุสบมาประพรมหนังสือม้วนนั้นรวมทั้งประชาชนทั้งปวงด้วย
ฮบ. 9:20 ท่านกล่าวว่า “นี่คือโลหิตแห่งพันธสัญญาซึ่งพระเจ้าทรงบัญญัติไว้แก่เจ้าทั้งหลาย”
ฮบ. 9:21 แล้วท่านก็เอาเลือดประพรมพลับพลากับเครื่องใช้ทุกชนิดในพิธีนมัสการนั้นเช่นเดียวกัน
ฮบ. 10:22 ก็ให้เราเข้าไปใกล้ด้วยใจจริง ด้วยความไว้ใจเต็มที่ มีใจที่ได้รับการประพรมให้พ้นจากมโนธรรมที่ไม่ดี และมีกายที่ล้างชำระด้วยน้ำสะอาด
พลับพลาเป็นภาพเทียบเคียงของกางเขน เพราะนี่คือ “Tav” หรือจุดจบ ธรรมชาติเก่าๆของเรา ในที่สุดแล้วเส้นทางของเราอยุ่ที่พลับพลา เราจะพบพระพักตร์พระองค์ "หน้าต่อหน้า" ดังนั้นเราต้องเข้ามาสู่เส้นทางแห่งกางเขน จงเข้าสู่พลับพลาที่ลี้ภัย (กางเขนของพระองค์) จนกระทั่งเราผ่านเข้าสู่ "อภิสุทธิสถาน" ไม่มีทางลัดอื่น
ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา
หาเราพยายามเข้าสู่ "อภิสุทธิสถาน" โดยไม่ผ่านกระบวนการนี้เราจะตาย และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยในความเป็นจริง เพราะไม่มีใครพบหรือเผชิญหน้ากับพระเจ้าได้ บัดนี้โดยพระเยซู ม่านในวิหารได้ฉีกออก นี่เป็นเหตุผลที่พระยาห์เวห์ พระบิดาปกป้องเราทั้งหลายเพื่อเราจะเข้ามา พบพระพักตร์พระองค์หน้าต่อหน้าได้
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.shachah
แห่งข้อมูลอ้างอิง : http://doubleportioninheritance.blogspot.com/
ดีค่ะ
ตอบลบ