วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนไหน เว้นแต่จะมีพยานสองสามคน


อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนไหน
เว้นแต่จะมีพยานสองสามคน
1ทธ. 5:19 อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนไหน เว้นแต่จะมีพยานสองสามคน
1ทธ. 5:20
ส่วนพวกที่ยังคงทำบาปอยู่นั้น จงตักเตือนเขาทั้งหลายต่อหน้าทุกคน เพื่อพวกที่เหลือจะได้เกรงกลัวด้วย


จากบริบทพระวจนะตอนนี้ พระคัมภีร์ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายให้ต่อต้านผู้นำ หรือดื้อดึง หรือการไม่ยอมรับผิด แต่พระเจ้าพระองค์ทรงยุติธรรม ผู้นำหรือผู้ปกครองคริสตจักรจึงอาจใช้สิทธิอำนาจในการพิพากษากล่าวโทษผู้อื่นได้โดยคนคนนั้นไม่มีโอกาสแก้ตัวเลย

แต่พระวจนะกล่าวยืนยันชัดเจนและได้อ้างอิงถึงพระวจนะในพันธสัญญาเดิม ถึงเรื่องพยาน ว่าจะกล่าวหาใครต้องมีพยาน
ฉธบ. 19:15 “ห้ามพยานปากเดียวกล่าวโทษใคร ไม่ว่าในเรื่องอาชญากรรมหรือในเรื่องความบาปใดๆ ซึ่งเขาได้ทำไป แต่ต้องมีพยานสองหรือสามปาก คำพยานนั้นจึงจะเป็นที่เชื่อถือได้

คำว่า “พยาน” มีเพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่ฝ่ายไม่ผิดจะถูกกล่าวหาและถุกลงโทษถึงแก่ชีวิตหากมีหลักฐานไม่เพียงพอ พยาน ยังหมายถึง หลักฐานเครื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริง ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่ใช้เป็นหลักฐานเครื่องพิสูจน์ได้ ในปัจจุบัน เสียงบันทึก กล้องวงจรปิด ก็เป็นพยานได้

2คร. 13:1 ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่สามที่ข้าพเจ้ามาหาพวกท่าน “ข้อกล่าวหาใดๆ ต้องมีพยานสองสามปาก” จึงจะเป็นที่เชื่อถือได้

กล่าวหา มีความหมายว่า ฟ้องโทษ,กล่าวโทษ หรือเป็นการปรักปรำจำเป็นต้องหาพยาน ไม่ต่างกับระบบกฎหมายบ้านเมืองของมนุษย์

ฉธบ. 19:16
ถ้ามีพยานเท็จกล่าวปรักปรำความผิดของใคร
ฉธบ. 19:17 ก็ให้ทั้งสองฝ่ายที่ต่อสู้คดีกันนั้นยืนเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ต่อหน้าพวกปุโรหิตและพวกผู้พิพากษาซึ่งประจำการอยู่ในเวลานั้น
ฉธบ. 19:18 ผู้พิพากษาจะต้องไต่สวนอย่างถี่ถ้วน ถ้าพยานนั้นเป็นพยานเท็จ กล่าวปรักปรำพี่น้องของตนเป็นความเท็จ
ฉธบ. 19:19 ท่านจงทำต่อเขาดังที่เขาตั้งใจจะทำต่อพี่น้องของตน เพื่อท่านจะกำจัดความชั่วจากท่ามกลางท่านเสีย ”

ถ้าอ่านในข้อ ฉธบ 18-19 พยานเท็จนั้นต้องจัดการอย่างเด็ดขาด เพราะพระคัมภีร์ใช้คำว่า ความชั่ว เช่นสายลับสิบสองคนที่โมเสส ส่งออกไปสอดแนมแผ่นดินคานาอัน มีเพียงสองคนคือ โยชูวา และคาเลบเท่านั้นที่มีความเชื่อ ส่วนอีกสิบคนเมื่อเห็นคนยักษ์ก็เกิดความกลัวและรายงานในความเท็จ

ส่วนใน 1ทธ. 5:20 ส่วนพวกที่ยังคงทำบาปอยู่นั้น จงตักเตือนเขาทั้งหลายต่อหน้าทุกคน เพื่อพวกที่เหลือจะได้เกรงกลัวด้วย

ถ้าเราอ่านผ่านๆ เราอาจจะคิดว่า “ส่วนพวกที่ยังคงทำบาป” หมายถึง ผู้ที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง อาจจะเป็นสมาชิก จงตักเตือนเขาต่อหน้าทุกคน เพื่อพวกเขาจะได้เกรงกลัว
เราต้องรู้บริบทของพระคัมภีร์ว่า ข้อนี้สืบต่อจากข้อ 1 ทธ 19 จึงไม่ได้หมายถึง สมาชิก แต่หมายถึงผู้นำหรือผู้ปกครอง ซึ่งกลับหน้ามือเป็นหลังมือทางความคิด เพราะส่วนใหญ่ผู้ปกครองหรือผู้นำ (บางคน) ใช้พยานเท็จในการกล่าวหาคนอื่นต่อหน้าคนทั้งปวงเพื่อให้ผู้อื่นยำเกรงหรือเกรงกลัว (ตัวเอง) แต่ในฉบับ KJV บันทึกว่า

1ทธ. 5:20 สำหรับผู้ปกครองที่ยังคงกระทำบาป จงว่ากล่าวเขาต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อผู้อื่นจะได้เกรงกลัวด้วย

แท้ที่จริงเมื่อผู้นำได้ทำบาป เขาควรได้รับการตักเตือน (ไม่ใช่กล่าวโทษ) ต่อหน้าคนทั้งปวงเพื่อคนอื่นๆจะได้เกรงกลัว (พระเจ้า) ในฉบับอธิบายได้อธิบายว่า “ผู้ที่กระทำบาป” เปาโลกำลังพูดถึงการลงวินัยผู้ปกครอง

1ทธ. 5:21 ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อพระเยซูคริสต์เจ้า และต่อเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วนั้น ให้ท่านรักษาข้อความเหล่านี้ไว้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด และไม่กระทำการใดๆด้วยใจลำเอียง

คำกำชับที่มาถึงนี้ คือการกระทำสิ่งใดโดย้เลือกที่รักมักที่ชัง

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม

ktm.emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...