อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
1ธส. 5:20 อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
1ธส. 5:21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
1ยน. 4:1 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆ วิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก
1ยน. 4:2 พวกท่านก็จะรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้าโดยข้อนี้ คือวิญญาณทุกดวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า
1ยน. 4:3 และวิญญาณทุกดวงที่ไม่ยอมรับพระเยซู วิญญาณนั้นก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า วิญญาณนั้นแหละเป็นศัตรูของพระคริสต์ ซึ่งพวกท่านได้ยินว่าจะมา และขณะนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว
ยรม. 29:8 เพราะพระยาห์เวห์จอมทัพ พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘อย่ายอมให้ผู้เผยพระวจนะของพวกเจ้าหรือผู้ทำนายของเจ้าผู้อยู่ท่ามกลางเจ้าหลอกลวงเจ้า และอย่าเชื่อความฝันซึ่งเขาทั้งหลายได้ฝันเห็น
ยรม. 29:9 เพราะที่เขาเผยพระวจนะแก่เจ้าในนามของเรานั้นเป็นความเท็จ เราไม่ได้ใช้เขาไป’ พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ
1คร. 12:10 ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้
ให้เราสังเกตกลุ่มในของประทานเหล่านี้ ในการเผยพระวจนะ หรือพูดภาษาแปลกๆ จะมีของประทานหนึ่งที่ ถ้ามีคนที่มีของประทานนี้อยู่ท่ามกลางเรา จะมีการสังเกตวิญญาณ ที่ถือว่าเป็นของประทานหนึ่ง
รม. 12:9 ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี
“พระวจนะเตือนว่า จงเกลียดชังสิ่งชั่ว แต่สิ่งดีนั้นจงยึดมั่นไว้”
สดด. 18:30 สำหรับพระเจ้าพระองค์นี้ พระมรรคาของพระองค์ดีเลิศทุกประการ พระวจนะของพระเยโฮวาห์พิสูจน์แล้วเป็นความจริง พระองค์ทรงเป็นดั้งของบรรดาผู้ที่วางใจในพระองค์
“ทดสอบทุกสิ่ง” การยอมรับคำเผยพระวจนะ ไม่ได้หมายความว่าใครก็ตามที่อ้างว่า พูดในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วจะต้องเป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา เปาโลไม่ได้บอกว่าต้องทดสอบอย่างไร แต่เขาบอกชัดเจนว่า ทุกคำสอนหรือคำเผยพระวจนะต้องถูกทดสอบ
เปาโลไม่ได้บอกว่าทดสอบอย่างไร แต่เปาโลบอกไว้อย่างชัดเจนว่า คำสอนนั้นต้องสอดคล้องกับพระวจนะ และถ้อยคำและน้ำพระทัยของพระเจ้า
- อย่าดับพระวิญญาณ สอดคล้องกับ อฟ. 4:30 และอย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียพระทัย ด้วยพระวิญญาณนั้นท่านได้รับการประทับตราไว้สำหรับวันที่จะได้รับการไถ่
- อย่าลบหลู่คำเผยพระวจะ 1 คร 14:1-40
- จงทดสอบทุกสิ่ง 1คร. 14:29 ให้พวกผู้เผยพระวจนะพูดได้สองหรือสามคน และให้คนอื่นๆ วินิจฉัยสิ่งที่พูด
พระวจนะเตือนว่าไตร่ตรองสิ่งที่เขาพูด ไม่ใช่หมิ่น หรือลบหลู่ แต่คือการพิจรณา ผู้เผยพระวจนะด้วยกันหรือของประทาน การสังเกตวิญญาณ หรือแม้แต่ผู้เชื่อต้อง ใคร่ครวญว่าสิ่งที่ผู้เผยพระวจนะกล่าวออกมา การเผยตรง เผยแม่น วิญญาณอื่นๆก็สามารถทำได้
การเผยพระวจนะหรือการพูดภาษาแปลกๆไม่ใช่ภาวะทางอารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ เปาโลก็ยืนยันว่าของประทานเหล่านี้สามารถควบคุมได้
ทำไมต้องควบคุม จริงอยู่เราให้เกียรติพระวิญญาณบริสุทธิ์มากกว่ามนุษย์ แต่การควบคุมก็เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อเห็นแก่ที่ประชุมโดยรวม
มก. 13:22 เพราะว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จหลายคนปรากฏขึ้น แสดงหมายสำคัญและการอัศจรรย์เพื่อล่อลวงคนที่พระเจ้าทรงเลือกสรรแล้วให้หลง ถ้าเป็นได้
มธ. 7:15 “ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า
มธ. 7:16 พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ? และผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนามหรือ?
มธ. 7:17 ต้นไม้ดีย่อมให้แต่ผลดี ต้นไม้เลวก็ย่อมให้ผลเลว
มธ. 7:18 ต้นไม้ดีจะเกิดผลเลวไม่ได้ หรือต้นไม้เลวจะเกิดผลดีก็ไม่ได้
มธ. 7:19 ต้นไม้ซึ่งไม่เกิดผลดีย่อมต้องถูกฟันลงและทิ้งเสียในไฟ
มธ. 7:20 เพราะฉะนั้น พวกท่านจะรู้จักเขาได้เพราะผลของพวกเขา
จากมัธธิว นอกจากการพิสูจน์ทางพระวจนะ โทราห์แล้ว ผลของชีวิตก็จะสะท้อนออกมาด้วย เพราะเราคือพระวิหารของพระเจ้า และถ้าวิหารนี้ยังสกปรก ยังมีปัญหาคาราคาซัง ไม่ทำการทำความสะอาด ยังมีใจอิจฉา ริษยา โลภ หึงหวง ชีวิตยังไม่หลุดจากวิญญาณศาสนา ผมของพระวิญญาณก็ไม่ปรากฏ และพระวิญญาณก็พรากจากไป
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น