วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระคุณของพระเจ้าในพันธสัญญาเดิม

พระคุณ ในทานัค
Grace In The TaNaKh

ครั้งหนึ่งในวัยเด็กผมเคยได้ยินคำสอนที่ว่า พระเยซูเปี่ยมไปด้วยพระคุณมากล้น ถ้าทำบาปและกลับใจเราได้รับพระคุณที่จะยกโทษบาปนั้น ถ้าเป็นในพันธสัญญาเดิมนั้นไม่มีพระคุณมีแต่พระเดช และการลงโทษอาจถึงซึ่งความตาย และทำให้ในวัยเด็กนั้นภาพของพระบิดานั้นน่ากลัวยิ่งนัก แต่แท้จริงแล้วความจริงในวันนี้ ไม่ว่าจะในพันธสัญญาใหม่หรือพันธสัญญาเดิม พระยาห์เวห์พระบิดา หรือพระเยซูก็ล้วนแต่ทรงเปี่ยมไปด้วย “พระคุณ” มากล้นเพราะพระองค์คือหนึ่งเดียวกัน พระเจ้าองค์เดียวกัน หาใช่พระคุณและความรัก พระเยซูคงไม่ได้มาบังเกิดในโลกนี้เพื่อรับบาปผิดของเราทั้งหลายไป

พระเมตตาและพระคุณของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หลายครั้งเราอาจจะเข้าใจว่าพระคุณนั้นมีสมัยพระเยซูเท่านั้นและในสมัยพันธสัญญาเดิมเป็นพระเดชที่ใครทำผิดหรือทำชั่ว ก็โดนพระเจ้าฆ่าหรือลงโทษรุนแรงเสมอไป พระเจ้าไม่มีความเมตตาในสมัยนั้นเลยหรือ จริงๆแล้วเปล่าเลยความเมตตาและพระคุณของพระองค์มีมาตั้งแต่สมัยพันธสัญญาเดิมแล้ว ที่เราเรียกว่า พระคัมภีร์ (TaNaKh) นั่นเอง คำว่า ทานัค ในบริบทแรกๆ หมายถึงพระคัมภีร์พันธสัญญาเดิมทั้งเล่ม

และด้วยความเข้าใจแบบนี้การถูกสอนมาแบบนี้ จึงทำให้เกิดการต่อต้าน พันธสัญญาเดิม เกิดขึ้น เพราะหลายคนตีความว่ามันคือภาระโดยเอากฎหยุมหยิมที่มาจากมนุษย์หรือจากฟาริสีมาปนเป

คส. 2:14 พระองค์ทรงฉีกกรมธรรม์ซึ่งได้ผูกมัดเราด้วยบัญญัติต่างๆ ซึ่งขัดขวางเรา และได้ทรงหยิบเอาไปเสียให้พ้นโดยทรงตรึงไว้ที่กางเขน

ในภาษาเดิมที่ไม่ได้แปลจากฉบับกรีก คือพระองค์เอาเนื้อหนังไปตรึง หมายถึงบัญญัติที่ประมาณพวกฟาริสีตั้งขึ้นเสริมนั่นนี่จนกลายเป็นภาระ หลายคนทำได้ แต่มันกลายเป็นเนื้อหนังที่ควบคุม หลายคนก็ล้ม สรุปคือไม่มีใครไปถึงปลายทางได้ พระเยซูเอาไปตรึงที่กางเขนแล้ว

พระองค์ทรงยกเลิกกฎหมายกระดาษต่างๆที่เขียนด้วยลายมือมนุษย์ หมายถึงมาจากมนุษย์ที่ตั้งขึ้นมาและมันเป็นภาระ และเป็นอุปสรรค์ และมันได้มาต่อต้านพระองค์ และผูกมัดเราไว้ แต่พระองค์ได้เอามันออกไปจากเส้นทางของเราแล้ว และเอามันไปตรึงเสียที่กางเขน

ความหมายพระวจนะในตอนนี้จึงไม่ใช่ ธรรมบัญญัติ ที่มาจากพระโอฐของพระองค์เอง
ในฉบับ 2011 THSV คส. 2:14 พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน

เราจะเห็นชัดเจนมายิ่งขึ้นว่า ในฉบับนี้ได้มีการแปลใหม่ โดยไม่ได้ใช้คำว่า บัญญัติ ให้เราได้สับสน แต่ใช้คำว่า คำสั่งต่างๆ ที่ขัดขวางระหว่างเรากับพระเจ้า พระองค์ได้ฉีกมันทิ้งไป โดยตรึงที่กางเขน พระวจนะที่กล่าวว่า พระเยซูคือจุดจบของพันธสัญญาเดิม คำสอนเดิมของพระบิดาถูกตัดออกเหลือสองข้อใหญ่ พระเยซูทำแทนหมดแล้ว จริงๆแล้ว คำว่าพันธสัญญาใหม่ กับพันธสัญญาเดิมที่ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ มีความแตกต่างกันอย่างมาก ใหม่คือสิ่งใหม่ แต่ รื้อฟื้น หรือ renew คือการสร้างจากสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว ทางแห่งความรอดของพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เพลงที่เราร้องว่า “วันเวลาที่ผ่านไปพระองค์ไม่เปลี่ยนแปลง” เป็นความจริงเสมอ

ลูกา 1:69-72
69 พระองค์ทรงชูเขาสัตว์ t แห่งความรอดสำหรับเรา
ในพงศ์พันธุ์ดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์
70 (ตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ผ่านเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้บริสุทธิ์ในโบราณกาล)
71 เป็นความรอดจากเหล่าศัตรู
และจากเงื้อมมือของคนทั้งปวงผู้ชิงชังเรา
72 เพื่อทรงสำแดงพระเมตตาแก่บรรพบุรุษของเรา
และเป็นการรำลึกถึงพันธสัญญาอันบริสุทธิ์ของพระองค์

2 ซามูเอล 22:51
พระองค์ประทานชัยชนะยิ่งใหญ่แก่กษัตริย์ที่ทรงเลือกสรรไว้
ทรงสำแดงความกรุณาอย่างไม่หยุดยั้งต่อผู้ที่พระองค์ทรงเจิมตั้งไว้
คือดาวิดและวงศ์วานของเขาสืบไปเป็นนิตย์ "

“ความโปรดปราน, พระกรุณา, พระเมตตา” ในพันธสัญญาเดิมหรือทานัค ก็คือ “พระคุณ” ของพระบิดานั่นเอง


ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น