วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

อย่าวินิจฉัยโทษเขา

 อย่าวินิจฉัยโทษเขา

ลก. 6:37 “อย่าวินิจฉัยโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ได้ถูกวินิจฉัยโทษ อย่ากล่าวโทษเขา และท่านทั้งหลายจะไม่ถูกกล่าวโทษ จงยกโทษให้เขา และเขาจะยกโทษให้ท่าน

คำว่า “วินิจฉัย” แปลว่า ไตร่ตรอง, ใคร่ครวญ, สันนิษฐาน, ตกลงใจ, พิจารณา, สอบสวน, ตัดสิน, ชี้ขาด

เมื่อดูจากความหมายแล้ว คำว่า วินิจฉัยก็ดูไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย แต่ทำไมพระวจนะถึงกำชับว่า อย่า วินิจฉัย แท้จริงหากเราวินิจฉัยโดยพื้นฐานที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ไม่ใช่โดยวิญญาณแบบฟาริสี ที่คิดว่าตัวเองดีและชอบธรรมแต่เพียงผู้เดียว และวินิจฉัยแบบไม่มีความเป็นธรรมหรือลำเอียง
บางฉบับส่วนใหญ่ใช้คำว่า ตัดสิน หรือการพิพากษา พระเจ้าพระองค์ทรงเป็นผู้พิพากษาแต่เพียงพระองค์เดียว เกียรตินี้เป็นของพระองค์

 NIV ใช้คำว่า “อย่าตัดสิน” พระเยซูไม่ได้ลดความจำเป็นของการแยกแยะความผิดชอบชั่วดี เทียบกับ
ลก. 6:43 “ต้นไม้ดีย่อมไม่เกิดผลเลว หรือต้นไม้เลวย่อมไม่เกิดผลดี
ลก. 6:44 เพราะว่าจะรู้จักต้นไม้แต่ละต้นได้ ก็ด้วยผลของมัน เขาทั้งหลายย่อมไม่เก็บผลมะเดื่อจากต้นไม้มีหนามหรือเก็บผลองุ่นจากต้นระกำ
ลก. 6:45 คนดีย่อมเอาสิ่งดีออกจากคลังดีในจิตใจของตน และคนชั่วย่อมเอาสิ่งชั่วออกจากคลังชั่วในจิตใจของตน เพราะว่าปากย่อมพูดสิ่งที่เต็มล้นอยู่ในจิตใจ

แต่บริบทนี้พระเยซูทรงประณามการตัดสินคนอื่นอย่างไม่เป็นธรรม และหน้าซื่อใจคด
มธ. 7:1 “อย่าพิพากษา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงพิพากษาท่านทั้งหลาย
จากบริบทตอนนี้คริสเตียนผู้เชื่อไม่ควรตัดสินใครอย่างหน้าซื่อใจคดหรือคิดว่าตนเองชอบธรรม เพื่อจะตัดสินคนอื่น พระเยซูตำหนิการตัดสินอย่างหน้าซื่อใจคด (ไม้ทั้งท่อน)

ลก. 6:37 “อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา อย่าตัดสินลงโทษเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ จงยกโทษให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับการยกโทษ
บางฉบับใช้คำว่าอย่าพิพากษา

แต่บางบริบท ก็เป็นคนละกรณีที่จะยกพระวจนะข้อนี้มาเทียบเคียง บางกรณีไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสิน และไม่เกี่ยวข้องการกับต้องยกโทษ เพราะไม่ได้โกรธเคืองอะไรกัน เช่นกรณีของการใช้ของประทาน
1ธส. 5:19 อย่าขัดขวางพระวิญญาณ
1ธส. 5:20 อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
1ธส. 5:21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
1ธส. 5:22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง

“ทดสอบทุกสิ่ง” ไม่ได้หมายถึง (การตัดสิน หรือพิพากษา) การยอมรับคำเผยพระวจนะ ไม่ได้หมายความว่าใครก็ตามที่อ้างว่าพูดในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วจะต้องเป็นที่ยอมรับโดยไม่มีข้อกังขา เปาโลไม่ได้บอกว่าต้องทดสอบอย่างไร แต่เขาบอกชัดเจนว่าทุกคำสอนต้องถูกทดสอบ และแน่นอนว่าคำสอนนั้นต้องสอดคล้องกับข่าวประเสริฐ
ซาตาน หรือศัตรูต้องการแย่งชิงพื้นที่ภายในเราไป รวมไปถึงด้านความคิดด้วย พระเจ้าสร้างเราให้รู้จักเลือก และตัดสินใจ เอเวา ก็เชื่อคำของงู โดยไม่มีการพิสูจน์ และสามีคืออาดัมก็เชื่อตามนั้นด้วย สุดท้ายแล้วเขาก็รับผลของการเลือกนั้น

เราสามารถมีสิทธิ์ปกป้องตัวเราเอง คำว่าพิสูจน์ คือการทำให้เห็นแจ้ง ไม่ใช่การอิจฉาริษยา ไม่ใช่กลัวใครดังกว่า  ส่วนจะทดสอบอย่างไรนั้น ประสบการณ์จากพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเราไป

ในฉบับ KJV
1ธส. 5:22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ดูเหมือนชั่วทุกอย่าง
ความชั่ว หรือ มารร้าย และบางครั้งใช้กับการล่อลวง หรือการทดลอง
1ยน. 4:1 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆ วิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก
1ยน. 4:2 พวกท่านก็จะรู้จักพระวิญญาณของพระเจ้าโดยข้อนี้ คือวิญญาณทุกดวงที่ยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมนุษย์ วิญญาณนั้นก็มาจากพระเจ้า
1ยน. 4:3 และวิญญาณทุกดวงที่ไม่ยอมรับพระเยซู วิญญาณนั้นก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า วิญญาณนั้นแหละเป็นศัตรูของพระคริสต์ ซึ่งพวกท่านได้ยินว่าจะมา และขณะนี้ก็อยู่ในโลกแล้ว

การพิสูจน์ก็ไม่ใช่การตัดสินเช่นเดียวกัน


ขอพระยาห์เวห์อวยพระพรท่าน
ชาโลม
ktm.emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น