ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้วินิจฉัยทรงนำเรา
ทุกวันนี้พระวจนะเตือนชัดเจนว่า ให้ระวังหลายสิ่งที่เหมือนจะเป็นความจริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด สิ่งนี้ต่างหากที่น่ากลัว ความจริงคืออะไร ก็คือพระวจนะของพระองค์ที่เป็นรากฐานคำสอนของพระองค์
ยน. 17:17 ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง
มธ. 7:15 “ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า
ถ้าหมาป่ามาแบบหมาป่า มันก็ชัดเจนแต่ถ้าหมาป่ามาในคราบแกะ กว่าจะเห็นชัดเจนคนคนนั้นก็อาจจะโดนกัดกินเสียจะทันระวังตัว คำว่า “ผู้เผยพระวจนะเท็จ” คือผู้ที่อ้างตัวว่าพระเจ้าส่งมาแต่จริงๆแล้วพระเจ้าไม่ได้ส่งมา ดังนั้นเราสามารถพบเจอได้ทั้งผู้เผยพระวจนะจริง และผู้เผยเท็จ
พระวจนะไม่ได้มุ่งไปที่การจับผิด มุ่งไปที่การใช้เหตุใช้ผล แม้แต่ใจที่ชั่วร้าย เช่นความอิจฉา ริษยา แต่เมื่อพระเยซูตรัสชัดเจนว่า พระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับเรา นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเป็นแสงสว่างให้กับเรา
ยน. 14:16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
ยน. 14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน
พระวจนะข้างต้นกล่าวชัดเจนว่า องค์พระวิญญาณแห่งความจริง พระองค์คือผู้ทรงสัตย์จริงทั้งในพระลักษณะและในการกระทำ พระองค์จะนำผู้เชื่อไปสู่ความจริงของพระเจ้า การวินิจฉัยของพระวิญญาณ บางครั้งก็ขัดแย้งกับความคิดของโลก นั่นคือความจริงจากพระวจนะที่โลกนี้รับไว้ไม่ได้
อสย. 11:2 และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน คือพระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์
ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เข้ามา เราสามารถมีสติปัญญา ไม่ใช่ของมนุษย์ ตรรกกะเหตุผลมากมาย แต่โดยพระวิญญาณ ไม่ว่าจะสติปัญญา ความเข้าใจ พระองค์เป็นที่ปรึกษา พระองค์เป็นแหล่งของความรู้และความจริงทั้งมวล
ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ตาม พระวจนะเตือนเราว่า อย่าเชื่อในทุกวิญญาณ แต่..! จงพิสูจน์
พิสูจน์อะไร? ก็คือการพิสูจน์ว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่
1ยน. 4:1 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆ วิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก
คำว่า “วิญญาณ” คนที่ถูกผลักดันโดยวิญญาณ ไม่ว่าจะทางพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือโดยมาร “ล่อลวง” การพิสูจน์วิญญาณเช่นเดียวกับ (1 ธส 5:21) ไม่ได้หมายถึงการทดสอบหรือการตัดสินหรือพิพากษา หรือดูหมิ่น กล่าวโทษในศีลธรรมของผู้อื่นโดยคิดว่าตัวเองชอบธรรม ไม่ใช่เลย
เพราะว่าผู้เผยพระวจนะหรือผู้พยากรณ์แท้ จะพูดสิ่งที่มาจากพระเจ้า ส่วนผู้พยากรณ์เท็จ เช่นพวก นอสติกในสมัยของยอห์น นั้นจะพูดโดยอิทธิพลของวิญญาณต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า พระเยซูเตือนให้ระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ
เราต้องแยกให้ออกระหว่างผีสิง กับ ผีล่อลวง คริสเตียนผีสิงได้ไหมอันนั้นยังเป็นที่ถกเถียงหลายประเด็น แต่ผีสิงจะควบคุมทั้งหมด แต่การล่อลวงแตกต่างกัน คือเผยถ้อยคำของพระเจ้า แต่ได้บิดเบือนไป ไม่ขาว ไม่ดำ แต่เป็นสีเทา (หมาป่าที่มาในคราบแกะ)
การพิสูจน์หรือชั่งใจ ไม่ใช่การหมิ่นหรือขัดขวางพระวิญญาณ แท้จริงบริบทของการหมิ่นพระวิญญาณ ไม่ใช่กรอบของการหมิ่นตามที่เราเข้าใจ ว่าเพียงไม่เชื่อเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง: http://emunahinyeshua.blogspot.com/2015/07/blog-post_9.html
1ธส. 5:19 อย่าขัดขวางพระวิญญาณ
1ธส. 5:20 อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
1ธส. 5:21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
1ธส. 5:22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง
พระวจนะกล่าวชัดเจนว่า “จงพิสูจน์” การพิสูจน์คือ ชี้แจงให้รู้เหตุผล, แสดงให้เห็นจริง พระวจนะจะพิสูจน์พระวจนะ ถ้อยคำพิสูจน์ถ้อยคำ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และพระบุตร ดังนั้นไม่มีทางขัดแย้งกันเอง พระองค์จะวินิจฉัยสิ่งนั้น
บางฉับใช้คำว่า “ทดสอบทุกสิ่ง” การที่จะยอมรับคำเผยพระวจนะ หรืออะไรก็ตามที่เอ่ยว่ามาจากพระเจ้า เอ่ยว่าในพระนามของพระเจ้า แล้วจะต้องยอมรับทุกครั้งไป ทุกสิ่งต้องสอดคล้องและไม่ขัดแย้งกับความจริงในพระคัมภีร์
1คร. 2:14 แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ
1คร. 2:15 แต่คนฝ่ายจิตวิญญาณวินิจฉัยสิ่งสารพัดได้ ทว่าไม่มีใครวินิจฉัยเขาได้
พระวจนะตอกย้ำอีกว่าต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่การวินิจฉัยด้วยสติปัญญาของโลก
ในฉบับ KJV บันทึกว่า 1คร. 2:14 แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ
1คร. 2:15 แต่มนุษย์ฝ่ายจิตวิญญาณสังเกตสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่มีผู้ใดจะรู้จักใจคนนั้นได้
ฮบ. 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
ไม่เพียงการพิสูจน์ พระเจ้ายังประทานของประทานฝ่ายวิญญาณแก่ผู้เชื่อ เราสามารถขอกับพระเจ้าได้เพื่อจะมีของประทานในการสังเกตวิญญาณ
1คร. 12:8 พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
1คร. 12:9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งมีของประทานในการรักษาโรค โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
1คร. 12:10 ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น