วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้วินิจฉัยทรงนำเรา

ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้วินิจฉัยทรงนำเรา

เราทั้งหลายผู้ที่เชื่อในพระเจ้า หลายครั้งพระวจนะเตือนเราเสมอ ความเชื่อคือความแน่ใจ เราอาจจะถูกสอนมาว่า ความสงสัยทำให้ขาดความเชื่อ แต่พระวจนะบันทึกชัดเจนว่า ไม่ใช่เชื่อในทุกสิ่งที่เข้ามา แต่ทุกสิ่งต้องวินิจฉัยถ้าสิ่งนั้นไม่ค้านกับพระวจนะ และเรายังไม่เชื่ออีก ยังลังเลอีก ยังสงสัยอีก โดยเอาบรรทัดฐานอื่นมาที่ไม่ใช่พระวจนะ เช่นความโลภ ความโกรธ ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ หรือแม้แต่ผลประโยชน์ หรืออะไรก็ตามที่ตอบสนองโดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง สิ่งนั้นต่างหากคือความสงสัย ที่พระวจนะกล่าวเตือน
ทุกวันนี้พระวจนะเตือนชัดเจนว่า ให้ระวังหลายสิ่งที่เหมือนจะเป็นความจริง แต่ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด สิ่งนี้ต่างหากที่น่ากลัว ความจริงคืออะไร ก็คือพระวจนะของพระองค์ที่เป็นรากฐานคำสอนของพระองค์
ยน. 17:17 ขอ​ทรง​แยก​พวก​เขา​ให้​บริ​สุทธิ์​ด้วย​ความ​จริง พระ​วจนะ​ของ​พระ​องค์​เป็น​ความ​จริง

มธ. 7:15 “ท่านทั้งหลายจงระวังพวกผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ที่มาหาท่านนุ่งห่มเหมือนแกะ แต่ภายในนั้นร้ายกาจเหมือนหมาป่า

ถ้าหมาป่ามาแบบหมาป่า มันก็ชัดเจนแต่ถ้าหมาป่ามาในคราบแกะ กว่าจะเห็นชัดเจนคนคนนั้นก็อาจจะโดนกัดกินเสียจะทันระวังตัว คำว่า “ผู้เผยพระวจนะเท็จ” คือผู้ที่อ้างตัวว่าพระเจ้าส่งมาแต่จริงๆแล้วพระเจ้าไม่ได้ส่งมา ดังนั้นเราสามารถพบเจอได้ทั้งผู้เผยพระวจนะจริง และผู้เผยเท็จ

พระวจนะไม่ได้มุ่งไปที่การจับผิด มุ่งไปที่การใช้เหตุใช้ผล แม้แต่ใจที่ชั่วร้าย เช่นความอิจฉา ริษยา แต่เมื่อพระเยซูตรัสชัดเจนว่า พระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับเรา นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะเป็นแสงสว่างให้กับเรา

ยน. 14:16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
ยน. 14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน

พระวจนะข้างต้นกล่าวชัดเจนว่า องค์พระวิญญาณแห่งความจริง พระองค์คือผู้ทรงสัตย์จริงทั้งในพระลักษณะและในการกระทำ พระองค์จะนำผู้เชื่อไปสู่ความจริงของพระเจ้า การวินิจฉัยของพระวิญญาณ บางครั้งก็ขัดแย้งกับความคิดของโลก นั่นคือความจริงจากพระวจนะที่โลกนี้รับไว้ไม่ได้

อสย. 11:2 และพระวิญญาณของพระยาห์เวห์จะทรงอยู่บนท่าน คือพระวิญญาณแห่งปัญญาและความเข้าใจ พระวิญญาณแห่งคำปรึกษาและอานุภาพ พระวิญญาณแห่งความรู้และความยำเกรงพระยาห์เวห์

ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่เข้ามา เราสามารถมีสติปัญญา ไม่ใช่ของมนุษย์ ตรรกกะเหตุผลมากมาย แต่โดยพระวิญญาณ ไม่ว่าจะสติปัญญา ความเข้าใจ พระองค์เป็นที่ปรึกษา พระองค์เป็นแหล่งของความรู้และความจริงทั้งมวล

ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งใดก็ตาม พระวจนะเตือนเราว่า อย่าเชื่อในทุกวิญญาณ แต่..! จงพิสูจน์
พิสูจน์อะไร? ก็คือการพิสูจน์ว่าวิญญาณนั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่

1ยน. 4:1 ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆ วิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก

คำว่า “วิญญาณ” คนที่ถูกผลักดันโดยวิญญาณ ไม่ว่าจะทางพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือโดยมาร “ล่อลวง” การพิสูจน์วิญญาณเช่นเดียวกับ (1 ธส 5:21) ไม่ได้หมายถึงการทดสอบหรือการตัดสินหรือพิพากษา หรือดูหมิ่น กล่าวโทษในศีลธรรมของผู้อื่นโดยคิดว่าตัวเองชอบธรรม ไม่ใช่เลย

เพราะว่าผู้เผยพระวจนะหรือผู้พยากรณ์แท้ จะพูดสิ่งที่มาจากพระเจ้า ส่วนผู้พยากรณ์เท็จ เช่นพวก นอสติกในสมัยของยอห์น นั้นจะพูดโดยอิทธิพลของวิญญาณต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า พระเยซูเตือนให้ระวังผู้เผยพระวจนะเท็จ

เราต้องแยกให้ออกระหว่างผีสิง กับ ผีล่อลวง คริสเตียนผีสิงได้ไหมอันนั้นยังเป็นที่ถกเถียงหลายประเด็น แต่ผีสิงจะควบคุมทั้งหมด แต่การล่อลวงแตกต่างกัน คือเผยถ้อยคำของพระเจ้า แต่ได้บิดเบือนไป ไม่ขาว ไม่ดำ แต่เป็นสีเทา (หมาป่าที่มาในคราบแกะ)

การพิสูจน์หรือชั่งใจ ไม่ใช่การหมิ่นหรือขัดขวางพระวิญญาณ แท้จริงบริบทของการหมิ่นพระวิญญาณ ไม่ใช่กรอบของการหมิ่นตามที่เราเข้าใจ ว่าเพียงไม่เชื่อเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง: http://emunahinyeshua.blogspot.com/2015/07/blog-post_9.html

1ธส. 5:19 อย่าขัดขวางพระวิญญาณ
1ธส. 5:20 อย่าดูหมิ่นถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะ
1ธส. 5:21 จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น
1ธส. 5:22 จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง

พระวจนะกล่าวชัดเจนว่า “จงพิสูจน์” การพิสูจน์คือ ชี้แจงให้รู้เหตุผล, แสดงให้เห็นจริง พระวจนะจะพิสูจน์พระวจนะ ถ้อยคำพิสูจน์ถ้อยคำ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และพระบุตร ดังนั้นไม่มีทางขัดแย้งกันเอง พระองค์จะวินิจฉัยสิ่งนั้น

บางฉับใช้คำว่า “ทดสอบทุกสิ่ง” การที่จะยอมรับคำเผยพระวจนะ หรืออะไรก็ตามที่เอ่ยว่ามาจากพระเจ้า เอ่ยว่าในพระนามของพระเจ้า แล้วจะต้องยอมรับทุกครั้งไป ทุกสิ่งต้องสอดคล้องและไม่ขัดแย้งกับความจริงในพระคัมภีร์

1คร. 2:14 แต่คนทั่วไปจะไม่รับสิ่งเหล่านี้ซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้า เพราะว่าเขาเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ และเขาไม่สามารถเข้าใจ เพราะจะเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ก็ต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณ
1คร. 2:15 แต่คนฝ่ายจิตวิญญาณวินิจฉัยสิ่งสารพัดได้ ทว่าไม่มีใครวินิจฉัยเขาได้

พระวจนะตอกย้ำอีกว่าต้องวินิจฉัยโดยพึ่งพระวิญญาณเท่านั้น ไม่ใช่การวินิจฉัยด้วยสติปัญญาของโลก

ในฉบับ KJV บันทึกว่า 1คร. 2:14 แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ
1คร. 2:15 แต่มนุษย์ฝ่ายจิตวิญญาณสังเกตสิ่งสารพัดได้ แต่ไม่มีผู้ใดจะรู้จักใจคนนั้นได้

ฮบ. 4:12 เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ และคมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งแยกจิตและวิญญาณ ทั้งข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย

ไม่เพียงการพิสูจน์ พระเจ้ายังประทานของประทานฝ่ายวิญญาณแก่ผู้เชื่อ เราสามารถขอกับพระเจ้าได้เพื่อจะมีของประทานในการสังเกตวิญญาณ
1คร. 12:8 พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
1คร. 12:9 และให้อีกคนหนึ่งมีความเชื่อ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งมีของประทานในการรักษาโรค โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน
1คร. 12:10 ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้

ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น