ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง
รม. 13:1 ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ถืออำนาจนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น
รม. 13:2 เพราะฉะนั้นผู้ที่ขัดขืนอำนาจนั้น ก็ขัดขืนผู้ซึ่งพระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น และผู้ที่ขัดขืนนั้นจะต้องถูกลงโทษในตอนแรกของข้อ 1 พระวจนะกล่าวว่า “ทุกคนจงยอมอยู่ใต้บังคับของผู้ที่มีอำนาจปกครอง” ผู้มีอำนาจปกครองในที่นี้ไม่ใช่ ศิษยาภิบาล หรือ คณะผู้ปกครองในคริสตจักร แต่หมายถึง ผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง
“ผู้มีอำนาจปกครอง” หมายถึงผู้ปกครองบ้านเมือง อาจจะเป็นคนต่างชาติในสมัยของอาจารย์เปาโล ผู้เชื่อที่เป็นคริสเตียนอาจจะถูกชักจูงและล่อลวงให้กบฏต่อ ผู้ปกครองบ้านเมือง หรือรัฐบาล และอ้างว่าเพราะจงรักภักดีต่อพระเยซู
“แต่งตั้งโดยพระเจ้า” เพราะเหตุนี้เองแม้ผู้เชื่อคริสเตียนจะถูกข่มเหง อาจารย์เปาโลก็ยังตระหนักว่า ผู้ปกครองบ้านเมืองหรือรัฐบาล ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้า
ทต. 3:1 จงเตือนพวกเขาให้อยู่ใต้สิทธิอำนาจของบรรดาผู้ปกครองบ้านเมืองและพวกที่มีอำนาจ ให้เชื่อฟังและพร้อมจะทำการดีทุกอย่าง
1ปต. 2:13 พวกท่านจงยอมเชื่อฟังผู้มีสิทธิอำนาจ เพราะเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นจักรพรรดิผู้มีอำนาจ
1ปต. 2:14 หรือจะเป็นบรรดาผู้ว่าราชการเมืองที่จักรพรรดิส่งไปให้ลงโทษผู้ทำชั่วและยกย่องผู้ทำดี
ในช่วงที่สองของข้อ 1 ของ รม. 13:1
“เพราะว่าไม่มีอำนาจใดเลยที่ไม่ได้มาจากพระเจ้า และผู้ที่ถืออำนาจนั้น พระเจ้าทรงแต่งตั้งขึ้น”
ดนล. 2:21 พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล ทรงถอดบรรดากษัตริย์และทรงตั้งขึ้นใหม่ พระองค์ประทานปัญญาแก่นักปราชญ์ และความรู้แก่คนฉลาด
ดนล. 4:17 คำพิพากษานั้นเป็นคำสั่งของบรรดาทูตสวรรค์ คำตัดสินนั้นเป็นวาทะของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เพื่อบรรดาผู้มีชีวิตอยู่จะได้ทราบว่าพระองค์ผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย และทรงตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุดให้ปกครอง’
ยน. 19:10 ปีลาตจึงทูลถามพระองค์ว่า “เจ้าจะไม่พูดกับเราหรือ? เจ้าไม่รู้หรือว่าเรามีสิทธิอำนาจที่จะปล่อยเจ้า และมีอำนาจที่จะตรึงเจ้าที่กางเขนได้?”
ยน. 19:11 พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านจะไม่มีสิทธิอำนาจเหนือเรานอกจากจะประทานแก่ท่านจากเบื้องบน เพราะเหตุนี้คนที่มอบเราไว้กับท่านจึงมีความผิดมากกว่าท่าน”
จากบริบทหมายถึงเจ้าหน้าที่บ้านเมือง สมัยก่อนประชาชนต้องเสียภาษีแก่เจ้าหน้าที่ อยู่ใต้การปกครองของทหารครับยอมเชื่อฟัง ในบริบทนี้คือเชื่อฟังมีอำนาจปกครอง ผู้มีอำนาจปกครองจึงหมายถึง ผู้ปกครองบ้านเมือง ในสมัยเปาโล ผู้เชื่ออาจจะเป็นคนต่างชาติ คริสเตียนอาจจะถูกล่อลวงให้กบฎต่อผู้มีดำนาจปกครองและอ้างการจงรักภักดีต่อพระเยซู แม้จะเกิดการข่มเหง อ.เปาโลก็ยังเชื่อว่า ผู้มีอำนาจปกครองคือรัฐบาลได้รับการสถาปนาจากพระเจ้า
ในข้อ 3
รม. 13:3 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้นไม่น่ากลัวเลยสำหรับคนที่ประพฤติดี แต่ว่าเป็นที่น่ากลัวสำหรับคนที่ประพฤติชั่ว ท่านไม่อยากจะกลัวผู้มีอำนาจหรือ? ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี แล้วท่านก็จะได้เป็นที่พอใจของผู้มีอำนาจนั้น
“ถ้าอย่างนั้นก็จงทำแต่ความดี หรือ ถูกต้อง”
ถ้าผู้มีอำนาจปกครองออกนอกกรอบหรือหน้าที่อันเหมาะสม ผู้เชื่อที่เรียกว่าคริสเตียน ต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าจะเชื่อฟังมนุษย์
กจ. 4:19 แต่เปโตรกับยอห์นกล่าวตอบพวกเขาว่า “เฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเราควรเชื่อฟังพวกท่านหรือควรเชื่อฟังพระเจ้า ขอพวกท่านพิจารณาดู
กจ. 5:29 เปโตรกับอัครทูตคนอื่นๆ ตอบว่า “เราจำเป็นต้องเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่าเชื่อฟังมนุษย์
รม. 13:4 เพราะว่าผู้ครอบครองนั้น เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าเพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน แต่ถ้าท่านทำความชั่วก็จงกลัวเถิด เพราะว่าผู้ครอบครองไม่ได้ถือดาบไว้เฉยๆ แต่เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า และจะเป็นผู้ลงโทษแทนพระเจ้าแก่ทุกคนที่ประพฤติชั่ว
คำว่า “เขาเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า” เพื่อให้ประโยชน์แก่ท่าน ตามระบบการจัดเตรียมของพระเจ้า ระบบโลกผู้ปกครองเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า
ไซรัสผู้เป็นเครื่องมือของพระเจ้า
อสย. 45:1 พระยาห์เวห์ตรัสกับผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้ คือไซรัส ผู้ซึ่งเราทำให้มือขวาของเขาแข็งแกร่ง เพื่อปราบบรรดาประชาชาติที่อยู่ข้างหน้าเขา และปลดเจียระบาดจากบั้นเอวของพระราชาทั้งหลาย เพื่อเปิดประตูที่อยู่ข้างหน้าเขา และประตูจะไม่ถูกปิดอีก
ผู้มีอำนาจมีไว้เพื่อประโยชน์ของสังคมคือการปกป้องส่วนรวมผ่านทางการรักษาระเบียบอันดีไว้ ถ้าเราเคยดูหนังเมื่อโลกจะพบจุดจบระบบรัฐบาลล่ม ความวุ่นวายไร้ระเบียบก็เกิดขึ้นจนวุ่นวาย “ดาบ” เป็นภาพสัญลักษณ์ที่ให้เห็นถึงสิทธิอำนาจในสมัยนั้นคือโรมัน หลักฐานในพระคัมภีร์ทำให้เราเห็นว่า อำนาจ มีไว้เพื่อรักษาระบบระเบียบที่ดี
รม. 13:5 เพราะฉะนั้นท่านจะต้องเชื่อฟังผู้ครอบครอง ไม่ใช่เพื่อจะหลีกเลี่ยงการลงโทษอย่างเดียว แต่เพื่อมโนธรรมด้วย
“การเชื่อฟังผู้มีอำนาจเพราะเห็นแก่มโนธรรม หรือจิตสำนึก”
พระเจ้าทรงแต่งตั้งผู้มีอำนาจบ้านเมือง คริสเตียนจึงควรให้เกียรติพวกเขาด้วย ศิษยาภิบาลและผู้นำคริสตจักรจึงไม่อาจนำมาเทียบเคียงกับบริบทนี้ได้เต็มที่นัก เพราะหากผู้นำคริสตจักรมีอำนาจตามบริบทนี้แล้ว คริสตจักรคงวุ่นวาย และผู้นำเหล่านี้ก็ไม่ได้ถือดาบและเก็บส่วยหรือภาษีจากเราด้วย
รม. 13:7 เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงให้แก่ทุกคนตามที่เขาควรจะได้รับ ส่วยอากรควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น ภาษีควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น ความยำเกรงควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น เกียรติยศควรจะให้แก่ผู้ใด จงให้แก่ผู้นั้น
ขอพระยาห์เวห์อวยพระพร
ชาโลม
ktm.emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น