รื้อฟื้นการนมัสการแบบดาวิด ภายในคุณขึ้นมาใหม่
ถ้าเราพูดถึงการนมัสการและการสรรเสริญ แน่นอนเลยทีเดียว หลายคนชอบการนมัสการอย่างมาก แต่จะมีคริสเตียนกี่คนที่เข้าใจถึงความหมายของการนมัสการที่แท้จริง ดั่งที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
วันนี้ผมไม่บังอาจจะมาสอนเรื่องการนมัสการ แต่อยากขออนุญาตที่จะแบ่งปันการนมัสการในชีวิตส่วนตัว ถือว่าเป็นการเล่าสู่กันฟังดีกว่า
การนมัสการพระเจ้า ถ้าเราดูในสมัยพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิม การนมัสการเป็นเรื่องที่ไกลเกินไปสำหรับผู้เชื่อในยุคนั้น การจะเข้าหาพระเจ้าได้นั้น เมื่อนมัสการถวายแด่พระเจ้าในสมัยโมเสส เมื่อมีการสร้างพลับพลาขึ้น ผู้ที่มีสิทธิ์ปรนนิบัติและเข้าพบพระเจ้าได้นั้นมีเพียง มหาปุโรหิตเท่านั้นที่พระเจ้าสำแดงที่จะเข้าพบพระเจ้าได้ มิใช่จะเข้าพบตามใจปรารถนา อย่างเราๆท่านๆถ้าอยู่ในยุคนั้น คงอยู่แค่ลานชั้นนอกได้แค่นั้น ไม่สามารถเข้าห้องอภิสุทธิสถานได้เลย คลิ๊กอ่านต่อ <<
แต่พอมาสมัยของกษัตริย์ดาวิด ดาวิดเองเป็นผู้ที่มีความสนิทสนมอันมากมายในฐานะบุรุษผู้ที่เดินตามพระทัยพระเจ้า หัวใจของดาวิดเองได้ถูกบ่มเพาะเอาไว้จนสุกงอม พระเจ้าพอพระทัยหัวใจของดาวิด ดาวิดไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยมนุษย์เท่านั้น แต่เขาถูกแต่งตั้งจากสวรรค์ เพื่อเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ และพร้อมที่จะออกรบด้วยสิทธิอำนาจจากพระเจ้าแห่งสวรรค์ ดาวิดไม่กลัวยักษ์ ไม่กลัวศัตรูหน้าไหนทั้งสิ้น เพราะเขารู้ดีในสิทธิอำนาจภายในตัวเขาเองที่พระเจ้าประทานให้
เมื่อดาวิดนมัสการพระเจ้าเขานมัสการด้วยสิ้นสุดหัวใจของเขา มันดูต่ำต้อยในสายตาคนรอบๆข้าง แต่นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพระเจ้าชอบพระทัย และเป็นการเชิญการทรงสถิตอย่างถูกต้องตารมระเบียบของพระเจ้า ความคิดมนุษย์จึงไม่มีผลกระทบต่อท่าทีการนมัสการของดาวิดเลย
สิ่งที่ดาวิดได้ทำมันคือการพลิกผันครั้งใหญ่ มันคือการปรับเปลี่ยนทางกายภาพ เข้าสู่พลับพลาการนมัสการนับตั้งแต่ในยุคสมัยของโมเสสเอง การนมัสการของดาวิดได้เปิดออกต่อโลกภายนอก ออกสู่สาธารณะ ซึ่งไม่มีอะไรมาล้อมกรอบปิดกั้นการทรงสถิตของพระเจ้าอีกต่อไป
เวลานี้จึงเป็นเวลาแห่งการรื้อฟื้นพลับพลาดาวิดขึ้นมาใหม่
การรื้อฟื้นพลับพลาของดาวิดจึงเป็นกุญแจดอกสำคัญ เพื่อที่เราจะเห็นถึงความครบถ้วนบริบูรณ์ที่พระเจ้าประสงค์สำหรับการนมัสการ
อาโมส [9:11] "ในวันนั้น เราจะยก กระท่อมของดาวิดที่ล้มลงแล้วนั้นตั้งขึ้นใหม่ และซ่อมช่องชำรุดต่างๆ เสีย และยกที่สลักหักพังขึ้น และสร้างเสียใหม่อย่างในสมัยโบราณกาล
อาโมส [9:12] เพื่อเขาจะได้ยึดกรรมสิทธิ์คนที่เหลืออยู่ของเอโดม และประชาชาติทั้งสิ้นซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา"พระเจ้าผู้ทรงกระทำเช่นนี้ ตรัสดังนี้แหละ
กิจการของอัครทูต [15:16] "ภายหลังเราจะกลับมา และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่ ที่ร้างหักพังนั้นเราจะก่อขึ้นอีกและจะตั้งขึ้นใหม่
กิจการของอัครทูต [15:17] เพื่อคนอื่นๆ จะได้แสวงหาองค์พระผู้เป็นเจ้า คือบรรดาคนต่างชาติซึ่งเราจองไว้
และนี่เป็นเวลาที่พลับพลาดาวิดจะถูกยกขึ้นใหม่และอยู่อย่างถูกที่ถูกทาง นี่เป็นเวลาแห่งการปลดปล่อย DNA แบบดาวิดที่เคยปลดปล่อยออกมาอีกครั้งหนึ่ง อดีตพลับพลาดาวิดได้ถูกบิดเบือนไปและผิดรูปผิกร่างไปจากเดิม แม้คอนสแตนติน จะบิดเบือนพระคัมภีร์ไปเท่าใด เขาจะบิดเบือนการนมัสการออกไปแค่ไหน แต่นี่คือเวลาที่พระเยซูกำลังสร้างพลับพลานี้ขึ้นมาใหม่
พระเจ้ากำลังได้รื้อฟื้นหัวใจการนมัสการที่เร่าร้อนดั่งดาวิดขึ้นมา หลายที่ยังคงอยู่ในรูปแบบเก่าๆที่ถูกบิดเบือนมา รูปแบบที่เคยให้ชีวิต และยึดติดกับรูปแบบอย่างนั้นเรื่อยมาจนกลายมาเป็นรูปแบบศาสนาที่ไม่มีการทรงสถิต มันไม่ใช่เรื่องเพลง สไตล์แนวเพลงดนตรี แต่มันคือความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์
ดาวิดเองมีหัวใจที่ร้อนรนมากเมื่อเขาเดินตามพระทัยพระเจ้า เขาก็เป็นผู้ที่มีหัวใจกว้างใหญ่ตามพระทัยพระเจ้า เขาจึงได้รับการไว้วางใจจากพระเจ้าในการนมัสการรูปแบบใหม่ นี่คือภาพของความปรารถนาอย่างแรงกล้าจากหัวใจที่ไขว่คว้าหาพระเจ้า คู่ไปกับที่พระเจ้าปรารถนาที่จะประทับภายในเรา
เรามีสิทธิอำนาจเราถือและจะใช้กุญแจของดาวิด
อิสยาห์ [22:22] และเราจะวางลูกกุญแจของวังดาวิดไว้บนบ่าของเขา เขาจะเปิดและไม่มีผู้ใดปิด เขาจะปิดและไม่มีผู้ใดเปิด
อิสยาห์ [9:6] ด้วยมีเด็กคนหนึ่งเกิดมาเพื่อเรา มีบุตรชายคนหนึ่งประทานมาให้เรา และการปกครองจะอยู่ที่บ่าของท่าน และท่านจะเรียกนามของท่านว่า "ที่ปรึกษามหัศจรรย์ พระเจ้าผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ พระบิดานิรันดร์ องค์สันติราช"
อิสยาห์ [9:7] เพื่อการปกครองของท่านจะเพิ่มพูนยิ่งขึ้น และสันติภาพจะไม่มีที่สิ้นสุด เหนือพระที่นั่งของดาวิด และเหนือราชอาณาจักรของพระองค์ ที่จะสถาปนาไว้ และเชิดชูไว้ ด้วยความยุติธรรมและด้วยความชอบธรรม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนนิรันดรกาล ความกระตือรือร้นของพระเจ้าจอมโยธาจะกระทำการนี้
สิทธิอำนาจนี้ได้ถูกวางบนบ่าของพระเยซู เราได้ถือกุญแจที่มีสิทธิอำนาจที่จะเปิดและจะปิด กุญแจนี้ได้ถูกวางบนบ่าของพระเยซูเพื่อที่พระองค์จะทรงเปิดประตูเพื่อนานาประชาชาติจะเข้าสู่ความสัมพันธ์กับพระบิดา และพระองค์ได้ทรงปิดประตูแห่งความตายแล้ว
นี่เป็นการนมัสการที่จะขานรับต่อพันธกรทั้งห้าด้วย
เอเฟซัส [4:11] ของประทานของพระองค์ ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์
มันไม่ใช่ภาพของการกลับสู่ยุคพระคัมภีร์เดิม หรือไปก๊อบปี้รูปแบบการนมัสการแบบในสมัยนั้น ไม่ใช่การไม่ซ้อมเพลงแล้วอ้างการฟังเสียงพระวิญญาณ หรือไม่ใช่การยึดติดกับรูปแบบใดๆ ทีมนมัสการดาวิดเป็นทีมที่ถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และเก่งเชี่ยวชาญ เขาน่าจะซ้อมเพลง เหมือนเราซ้อมเพลงนมัสการ แต่เมื่อเขาเชื่อต่อกับสวรรค์แล้ว การนมัสของพวกเขาไม่ยึดติดกับรูปแบบที่ถูกกำหนดโดยมนุษย์ หรือกรอบความคิด
เมื่อทีมนมัสการขานรับต่อการนมัสการแบบพันธกรทั้งห้า ในเอเฟซัส เมื่อทุกคนรู้จักของประทานของตนเอง เมื่อทุกคนยืนอย่างถูกที่ถูกตำแหน่ง นี่เป็นภาพของกองทัพที่สมบูรณ์แบบ เมื่อทหารรู้จักหน้าที่ตำแหน่งความถนัดของตนเอง
ผู้นำนมัสการ อาจจะมีคนเดียวในบริบทของภาพที่เห็น แต่ในทีมทุกคนคือผู้นำ ยกตัวอย่างว่า เมื่อผู้นำเตรียมเพลงมา 10 เพลง แน่นอนว่านี่คือเพลงที่ผู้นำได้ใช้เวลาใคร่ครวญกับพระเจ้ามาแล้ว แต่มันตอนไหนล่ะ 30 นาทีที่แล้ว 1 วันที่แล้ว บางที่เตรียมเพลงล่วงหน้า 1 อาทิตย์ด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผิด พระเจ้าสดใหม่เสมอ การนมัสการที่ขานรับต่อพันธกรทั้งห้าจะถูกฝึกฝนด้วยการรับใช้และสื่อสารร่วมกันตามของประทาน เมื่อมีการนมัสการอยู่ อาจจะมีนักดนตรีหรือทีมนมสการบางคน ซึ่งมีของประทานในการเผยพระวจนะ และเมื่อการทรงสถิตมาถึง และพระเจ้าพูดกับเขา ถ้าเป็นถ้อยคำที่ต้องปลดปล่อยออกไป ทีมนมัสการที่ขานรับต่อพันธกร จะเปิดโอกาส อาจจะมีผู้นำหลักสักคนที่คอยสกรีน เมื่อปลดปล่อยถ้อยคำออกไป พระเจ้าอาจจะนำไปเรื่องบางเรื่องที่ลึกมากกว่าเดิม หรือผ่านพ้นช่วงเวลาของเพลงตามสคลิปรายการเพลงไปแล้ว นี่จึงเป็นเวลาของการฟังเสียงร่วมกันว่าพระเจ้าจะนำไปบทเพลงไหน หรือทำสิ่งใดต่อ
นี่เป็นเวลาที่กรอบความคิดแบบพันธกรทั้งห้าจะช่วยให้บริบทแก่เราสำหรับทุกสิ่งที่เราเข้าร่วม ในสมัยของพลับพลาดาวิด พันธกิจของผู้เผยพระวจนะ ปุโรหิตและกษัตริย์ในพันธสัญญาเดิมได้ให้โครงสร้างและบริบทแก่ผู้คน วันนี้ในฐานะนักนมัสการเราต้องมีความเข้าใจที่เกิดจากประสบการณ์ ความสัมพันธ์กับพันธกรทั้งห้า เพื่อที่เราจะระบุตำแหน่งและหน้าที่ของเราในแผ่นดินของพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง
ยอห์น [4:23] แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดา ด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์
ยอห์น [4:24] พระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และผู้ที่นมัสการพระองค์ ต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง"
เราต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง ด้วยหัวใจของเรา ด้วยความจริงที่เรากำลังเผชิญ ดาวิดเองนมัสการด้วยความสดใหม่ จนหลายคนคาดไม่ถึงและคิดว่ามันไม่น่าเลยที่ดาวิดจะนมัสการแบบนั้น
มันไม่คุ้นเลยสำหรับการเต้นรำนมัสการแบบดาวิด เราไม่เห็นแบบนี้และคิดว่ามันผิด ประชาชนในตอนนั้นยึดติดกับการนมัสการแบบเดิม ที่ถูกปลูกฝังมา มันเคยดี แต่เมื่อมันกลายมาเป็นรูปแบบและศาสนา มันกลายเป็นความจืดชืดไร้การทรงสถิต
ปัจจุบันหลายที่ก็เช่นกัน คอนสแตนติน หรือใครก็ตามหลายที่ ได้บิดเบือนการนมัสการแบบที่ควรจะเป็น เขาได้สร้างกรอบขึ้นมาว่าการนมัสการต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ จบขั้นตอนนั้นไปต่อขั้นตอนนี้เป๊ะๆ ห้องประชุมต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้เท่านั้น หลายคนจึงไม่เข้าใจเมื่อมีการนมัสการแบบดาวิด และคิดว่าพวกนี้เพี๊ยนไปซะแล้ว นี่เป็นเวลาที่เราจะรื้อฟื้นการนมัสการแบบดาวิดขึ้นใหม่ แม้ยังไม่ใช่ภาพใหญ่ แต่เริ่มที่ตัวคุณเอง เพราะคุณคือวิหารของพระเจ้า
บทความที่เกี่ยวข้อง อ่านเรื่อง รื้อฟื้นพลับพลาดาวิด << คลิ๊ก
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น