วันพุธที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เมื่ออธิษฐานอย่าพูดพล่อย ซ้ำซาก

เมื่ออธิษฐานอย่าพูดพล่อย ซ้ำซาก

มธ. 6:7 “แต่เมื่อพวกท่านอธิษฐาน อย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนบรรดาคนต่างชาติเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะโปรดฟัง

คำอธิษฐานเป็นสิ่งที่ดี แต่บางครั้ง บางคณะและบางนิกายก็ใช้คำว่าสวด ผมไม่ทราบว่าคำว่าสวด หมายถึงคล้ายกับสวดมนต์หรือไม่ ?

จากข้อมูลในเว็บไซต์ http://th.w3dictionary.org ให้ความหมายของการสวดดังนี้
V. pray
    def:[ว่าเป็นทำนองอย่างพระสวดมนต์]
    syn:{สวดมนตร์}
    sample:[ชาวบ้านนิมนต์พระจากวัดที่อยู่ใกล้ๆ มาสวดเพื่อทำพิธีไล่ผีที่วัด]
ดังนั้นคำอธิษฐานแม้จะเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าทำเป็นศาสนา หรืออธิษฐานร่ายยาวเหยียด ในบริบทที่เนื้อหาเดิม และสวดวนอยู่ในเนื้อหานั้น และขยายความเนื้อหานั้น และใส่น้ำลงไปในเนื้อหานั้น
ทั้งที่อธิษฐานไปหมดแล้ว และที่สำคัญพระเจ้าก็รู้แล้ว

แต่ถ้าจะอธิษฐานวิงวอนส่วนตัว อันนี้ตามสบายเลยเอาทั้งวันก็ยังได้
คำว่าอธิษฐานในภาษาฮีบรู คือคำว่า Tefillah (อธิษฐาน) หมายถึงการเชื่อมต่อกับพระเจ้า และการภาวนา คือการสนทนาโดยที่เราเดินกับพระเจ้า มันเป็นวิธีการที่เราอวยพรผู้สร้างของเราและวิธีการที่จะอยู่ระวังตำแหน่งของเราต่อพระพักตร์พระองค์

คำในภาษาฮีบรู คำว่า ภาวนา หรืออธิษฐาน มาจากคำว่า Tefillah
ในภาษาเดิม ได้ใช้คำว่า “ไม่อธิษฐานไร้สาระ” (มีแต่น้ำ จนหาเนื้อยาก) และทำเป็นศาสนา โดยคิดว่าพระจะฟัง หรือบางฉบับใช้คำว่า อธิษฐาน ไม่ใช้ “วลีที่กองพะเนินเทินทึก” อย่างพวกต่างชาติทำ เพราะพวกต่างชาติมักพูดย้ำๆ ซ้ำๆ เพราะกลัวว่าพระของเขาจะไม่ได้ยิน บางครั้งการที่เราเติบโตมากับวัฒนธรรมบางอย่าง เราก็ใช้การอธิษฐานแบบนั้นด้วย โดยไม่รู้ตัว และบางฉบับใช้คำว่า “พูดพล่าม” และฉบับ Khabouris Matthew “ใช้คำว่า ฟุ่มเฟือย”
ในภาษาอังกฤษ wordy หมายถึง ซึ่งใช้คำมากเกินไป ซึ่งใช้คำฟุ่มเฟือย

แม้เราจะอธิษฐานส่วนตัว และใช้เวลาอธิษฐานเป็นชั่วโมง เราก็สามารถคุยกับพระเจ้า ร้องไห้กับพระเจ้า แบบไม่พูดพล่าม จนเกินไปได้

prayer = Tefillah = תפילה = การอธิษฐาน
pray = lehitpalel = להתפלל = อธิษฐาน

คำภาษาฮับรู “การอธิษฐาน หรือภาวนา” คือ Tefillah คำนี้มีที่มาจากคำกริยา lehitpalel (to pray)

ขอย้ำว่าการอธิษฐานยาว ไม่ใช่สิ่งผิด แต่การอธิษฐานยาว แต่เหมือนหม้อแกงที่คนอื่นตักเนื้อไปหมด และควานหาเนื้อไม่เจอ เป็นคำอธิษฐานที่ซ้ำซาก หมายถึง คำเดียว ประโยคเดียว แต่นำมาสาธยาย ขยายความ เหมือนพระเจ้าจะไม่เข้าใจ เช่น “ขอพระเจ้าเมตตา ประเทศไทย”

" ขอพระเจ้ามองมาที่ประเทศไทย ทอดพระเนตมาที่นี่ นี่คือประเทศไทย เราต้องการพระองค์ ประเทศไทยต้องการพระองค์ พระเจ้าขออย่าเบือนพระพักตร์ไปจากประเทศไทย ขอเมตตาประเทศไทย เราขอเป็นตัวแทนประเทศไทย ไทยแลนด์คือประเทศของพระองค์ เรายกให้พระองค์  นี่คือประเทศเล็กๆบนแผ่นที่โลกประเทศไทย แต่พระเจ้าข้า ขอโปรดมองมาที่เราทั้งหลาย นี่คือประเทศไทย ประเทศไทยขอเปิดประตูต้อนรับพระองค์ ประเทศไทยขอเปิดประตูต้อนรับองค์พระผู้เป็นเจ้า ประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับ กษัตริย์เหนือกษัตริย์ ประเทศไทยเปิดประตูต้อนรับสิงห์แห่งเผ่ายูดาห์ ขอมาที่ประเทศไทย ประเทศไทยๆๆๆๆ ขอทรงเขย่าๆๆๆๆ ประเทศไทย ยยย T_T "

ประมาณนี้แหละ ในความจริงพระเจ้า อาจจะอยากบอกเหลือเกินว่า เรามาตั้งแต่คำร้องขอประโยคแรกแล้ว และก้ได้ยินแล้วด้วย

เราอาจจะได้ยินเสมอว่าจงอธิษฐานใสซื่อแบบเด็ก แต่ไม่ใช่ “งอแง” และ “ร่ำรี้ร่ำไร” แบบเด็กเสมอไป
ยิ่งอธิษฐานในกลุ่มรวมด้วยแล้ว คนที่อ้าปากหาว หรือจะหลับ จะกลายเป็นผู้ที่ จิตวิญญาณตกต่ำเอาเสียดื้อๆ

คนต่างชาติ ซึ่งหมายถึงคนที่ไม่ได้เชื่อในพระยาห์เวห์ และนับถือพระอื่นนั้น เขาจะร้องขออะไรก็ตามซ้ำๆ พุดวนๆ ร่ำรี้ร่ำไร หวังว่าพระรูปปั้นจะฟังเขา บางครั้งเราไม่ได้เห็นพระเจ้าเป็นรูปปั้น แต่นิสัยเดิมๆ และธรรมชาติเก่าของเราคือธรรมชาติบาปของคนต่างชาติ ยังติดตัวมา

ถ้าเรานึกคำพูดอะไรไม่ออก เราอธิษฐานแบบซื่อๆ ถ้อยคำไม่สวยหรู ไม่ยืดยาวจนจะนั่งหลับ สำหรับคนนั่งฟัง
ก็เอาที่เราได้แค่นั้น พระเจ้ารู้ตั้งแต่ก่อนที่เราจะเปล่งออกมาแล้ว แต่การปลดปล่อยคำพุดเป็นดัง การป่าวประกาศ สัมทับออกไป เพื่อตอกย้ำความเชื่อ

ยน. 14:13 สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา เราจะทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรงได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร

เราจึงทูลขอในนามของพระเยซู พระเมสสิยาห์ ผู้มาชิมและรับรู้ความเป็นมนุษย์ พระองค์ประทานพระวิญญาณ ที่จะสถิตภายในเรา เตือนเรา รับรู้ความต้องการของเรา เมื่อเราทูลขอ พระองค์เป็นทางนั้น

ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา


และโดยทางพระองค์ เราไม่ต้องพุดอะไรซ้ำๆ ซากๆ วนอยู่ในถิ่นทุรกันดาร (ไม่เกี่ยวกับอธิษฐานยาว แต่มีเนื้อๆ) คนละเรื่องกันนะครับ

เพราะโดยกางเขน โดยพระองค์ คำอธิษฐานของเราจึงไม่อธิษฐานลวกๆ พอเป็นพิธี หรือยืดยาวจนลิงหลับแต่เนื้อหมดไปแล้ว แต่ยังยืนกวนหาเนื้อในหม้อไม่เจออยู่ เพราะเราจะไม่ต่างจากคนต่างชาติเลย ที่กลัวพระของเขาจะไม่ได้ยิน แม้คำอธิษฐานจะเรียบง่าย สั้น และกระชับ แต่ขอโดยพระนามของพระองค์ “พระเยซู พระเมสสิยาห์”

รม. 8:26 ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ

= พระวิญญาณจะทรงช่วยในความอ่อนแอของเรา เมื่อเราไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่ถูกต้องในการอธิษฐานขอ หรือพยายามหาคำสวยหรู เริดเรอและยืดยาว และย้ำไปย้ำมา แต่จะทรงขอในนามของพระองค์ เพราะพระองค์รู้ดีเสมอว่าเราจะอธิษฐานอะไร เราจะสื่อสารอะไรไปถึงพระองค์ พระองค์รู้ตั้งแต่เราคิดและประมวลผลแล้ว

ยด. 1:20 แต่ท่านที่รักทั้งหลาย จงสร้างตัวของท่านขึ้นบนความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่สุดของท่าน และจงอธิษฐานโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์

= จงสร้างตัวเองขึ้นมาในความเชื่อในถ้อยคำของพระเจ้า บนความเชื่อที่แยกออกมาเพื่อพระองค์โดยเฉพาะ และอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อเราอธิษฐานตามพระวิญญาณจงเชื่อว่าพระองค์จะไม่นำพูดวนไปมาจนยืดยาว ใช้คำพุดที่มากเกินแก่นสารของเป้าประสงค์
แม้แต่คำอธิษฐานของพระเยซูเอง ก็เรียบง่าย แม้ในสถานการณ์ที่พระองค์น่าจะอธิษฐานยืดยาว และคร่ำครวญกับพระบิดา

มธ. 6:9 “ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
มธ. 6:10 ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
มธ. 6:11 ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้
มธ. 6:12 และขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น
มธ. 6:13 และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย    เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน

ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...