วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา

ถ้าพวกท่านรักเรา 
ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา


ยน. 14:15 “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา
ยน. 14:16 เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป
ยน. 14:17 คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะมองไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ พวกท่านรู้จักพระองค์เพราะพระองค์สถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ท่ามกลางท่าน
ยน. 14:18 “เราจะไม่ละทิ้งพวกท่านไว้ให้เป็นลูกกำพร้า เราจะมาหาท่าน
ยน. 14:19 อีกหน่อยหนึ่งโลกก็จะไม่เห็นเรา แต่พวกท่านจะเห็นเรา เพราะเรามีชีวิตอยู่ พวกท่านก็จะมีชีวิตอยู่ด้วย
ยน. 14:20 ในวันนั้นท่านจะรู้ว่าเราอยู่ในพระบิดา และพวกท่านอยู่ในเราและเราอยู่ในท่าน
ยน. 14:21 ใครที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัติเหล่านั้น คนนั้นเป็นคนที่รักเรา และคนที่รักเรานั้นพระบิดาของเราจะทรงรักเขา และเราจะรักเขาและจะสำแดงตัวให้ปรากฏแก่เขา”

เมื่ออ่านพระวจนะตอนนี้ หวนคิดเมื่อตอนที่ผมยังเด็ก ผมเองได้ดื้อจากคำสอนของพ่อแม่ จากสิ่งที่พ่อกับแม่สอนมาตลอด แต่หลายครั้งที่ผมไม่เชื่อฟัง มันอาจจะเหมือนข้อบังคับ แต่ไม่ใช่ข้อบังคับที่เกิดจากคนนอกครอบครัว มันคือข้อบังคับเข้มงวดที่ประสงค์ให้ผมโตขึ้นเป็นคนที่ดี ขัดเกลาผมให้เป็นคนที่ใช้การได้ ชี้ถูกและชี้ผิดผม และที่สำคัญที่สุด ผมเชื่อว่ามันมาจากความรักของ พ่อและแม่

แม้ผมดื้อหลายครั้ง แต่ยังไงผมก็ยังได้รับสิทธิ์ในการเป็นลูก แม้ผมไม่ทำตามคำสอนหลายครั้ง แต่พ่อกับแม่ก็ยังรักผมอดทนเสมอ ก่อนนี้เมื่อผมดื้อ

1. วิธีแรกๆ ที่พ่อทำคือ ตี ฟาด หวดและทำโทษ ขังในห้อง ให้หลาบจำ ต่อมาเมื่อมันไม่ได้ผลกับคนขี้ดื้อแบบผม

2. วิธีต่อมาคือ พ่อและแม่จะใช้ความอ่อนโยน มาใกล้ชิดกับผม นำผมทำ และท่านก็ทำด้วย จับมือผมทำการบ้าน สอนเขียนหนังสือ แต่ไม่ทำแทนหรือทำให้ เมื่อมีงานฝีมือ ผมให้แม่ทำให้ แต่แม่บอกว่าถ้าแม่ทำให้เวลาสอบ ลูกจะทำได้หรือ แม่บอกว่า “มา มาทำด้วยกันแม่จะสอนทำ” ผมก็ได้เรียนรู้ในการทำ แม้ผมจะเรียนไม่รู้เรื่องที่โรงเรียน ที่เข้มงวด แต่ผมมีแม่ที่เป็นอาจารย์พิเศษที่จะสอนผม แม้ผมจะพลาด แม่ก็ไม่ตี แต่จะเรียกมาสอน และให้โอกาส ใหม่เสมอ ให้กำลังใจผมเสมอ ให้ผมลุกขึ้นใหม่อีกครั้ง

ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้อยู่ในข้อบังคับเดิมอีกต่อไป แต่ผมได้เรียนรู้ที่จะตอบสนองท่าทีแห่งความรักด้วย ท่าทีที่ร้อนรนแห่งความรัก

ถ้าเรายังคิดว่า คำสอนของพ่อ คือพระบิดามันคือข้อผูกมัดที่ยากเย็นแสนเข็ญ และทำให้เราต้องเป็นทาส และเราเหมือนเป็นทาสของธรรมบัญญัตินั้น ทั้งที่เราเป็นลูก และเราตีความ บัญญัติใหม่ที่พระเยซูมาทำให้สมบูรณ์ คือ การตัดบัญญัติต่างๆของพระบิดาไป ทั้งที่ความเป็นจริงพระเยซูตรัสว่า พระองค์ไม่ได้มาลบล้างธรรมบัญญัติเดิมแถมชูขึ้นอีกและทำให้ ธรรมบัญญัติเดิมนั้นสมบูรณ์โดยพระองค์เอง ..

ถ้าเราคิดเช่นนั้น พระเจ้าพระบิดาและพระบุตร ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกันหรือ ? เปล่าเลย ธรรมบัญญัติที่พระองค์บรรจุในหัวใจของเรา คือธรรมบัญญัติเดิมที่ถูกบบรรจุไว่ที่หัวใจของเรา ในธรรมชาติใหม่ของเรา ซึ่งในธรรมชาติเดิมคือธรรมชาติบาปที่เกาะแน่น และไม่สามารถจะแบกคำสอนที่เกินกว่ากำลังของตนเองได้ แต่พระเยซูมาลบหนี้บาป เอาธรรมชาติบาปของเราไปตรึงที่กางเขนและใส่ธรรมชาติใหม่แห่งการเชื่อฟังด้วยความรักของพระองค์

เราจึงเดินในธรรมบัญญัติด้วยความรัก อะไรที่เราทำด้วยความรักมันย่อมดีกว่าทำด้วยการฝืนใจตามกฎที่ผูกมัด แม้มันจะคือข้อเดียวกัน

ภรรยาผมทำหลายสิ่งให้ผมด้วยความรักและไม่บ่น ผมทำหลายสิ่งต่อภรรยาด้วยท่าทีความรักและไม่บ่น ไม่เหนื่อย ไม่ท้อแท้ เพราะผมรักเขาและเขารักผม … ซึ่งถ้าเป็นคนอื่น คงยากกว่านี้ที่เราจะทำอะไรให้เขาได้

ผมโตแล้วและยังเชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ใช่เพราะพ่อแม่มีสมบัติมากมาย ไม่ใช่เพราะบุญคุณ แต่เพราะผมเป็นลูกที่ต้องเชื่อฟัง เพราะผมรักพ่อและแม่ ผมจึงยินดีเดินในคำสอนด้วยความรัก และมันไม่ใช่ภาระสำหรับผม

ประเด็นพระเจ้า ไม่ได้มีจุดประสงค์ให้เรา สมบูรณ์ 100% โดยไม่มีข้อผิดพลาด ไม่ได้ให้เราเป็นหุ่นยนต์ที่ทำตามกฎระเบียบให้ได้โดยไม่มีที่ติ แต่เพื่อให้เราได้ระลึกถึงคำสอนที่จะตรวจสอบชีวิต แยกผิดถูกได้ รู้เวลาแห่งการลับใจ เพื่อให้เราได้เรียนรู้ ไม่ใช่การสอบภาคปฏิบัติเพื่อจะเก็บคะแนนนี่คือความรักของพระเจ้าหนึ่งเดียว ที่นำเราในทุกย่างก้าว

แน่นอน ผมเชื่อและเห็นด้วยจริงๆว่าเมื่อพระเยซูมา เราไม่ต้องไปอยู่ในรูปแบบเดิมที่ต้องเดินตามธรรมบัญญัติ ด้วยวิญญาณศาสนาหรือเป็นทาสอีกต่อไป เราจะดีใจที่หลุดจากวงจรแบบนั้นมาก็จงชื่นชมยินดี แต่เราก็ไม่ถึงกับต้องฟรีเสรีภาพ ว่าบัญญัตินั้นล้มเลิกไป เมื่อเรามีความรัก จงอย่างทิ้งคำสอนของพ่อของเรา

สภษ. 6:20 ลูกเอ๋ย จงเฝ้ารักษาบัญญัติของพ่อเจ้า และอย่าละทิ้งคำสอนของแม่เจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพร ท่านทั้งหลาย ที่จะเดินในความรักในธรรมบัญญัติของพระเจ้า โดยการทรงนำของพระเยซู

รักษาธรรมบัญญัติเพื่อจะได้รับความโปรดปรานและให้พระเจ้าพอพระทัย
ต่างกับเดินในธรรมบัญญัติด้วยความรักระหว่างพระบิดากับเรา

ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...