วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

“ห้ามฆ่าคน” อพยพ 20:13

“Kill” or “Murder” in Exodus 20:13
“ห้ามฆ่าคน”
อพย. 20:13 “ห้ามฆ่าคน”
อพย. 20:13 Do not murder.


มธ. 5:21 “ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้กับคนในสมัยก่อนว่า ‘ห้ามฆ่าคน  ถ้าใครฆ่าคน คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา’

มธ. 5:21 You have heard that it was said to the ancients "Do not commit murder!" And, whoever commits murder shall be condemned to the Judgment.
ในภาษาเดิม ฉบับ Hebraic Root
“ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้กับคนในสมัยก่อนว่า ‘ห้ามฆ่าคน และใครก็ตามฆ่า (พลั๊งฆ่า) จะต้องตกอยู่ในอันตรายจากความไม่ได้รับความยุติธรรม’

จากพระคัมภีร์ดังกล่าวข้างต้นนี้ แน่นอนเราถูกสอนมาเสมอว่า “อย่าฆ่าคน” ซึ่งจริงๆแล้วเราก็ไม่อยากไปฆ่าใครหรอก นอกจากดูตามข่าวตอนเช้าอันน่าเศร้า ที่มีแต่ข่าวฆ่ากันตาย คนสมัยนี้ทำอะไรโหดเหี้ยมกันจังเลย

แล้วทำไมในพระคัมภีร์บางตอนถึงได้มีการบันทึกว่า บางครั้งเมื่อกองทัพอิสราเอลออกรบถึงได้มีการฆ่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามล่ะ ?  

ในภาษาฮีบรู “רצח (râtsach, ratsach)” หมายถึง “ฆาตกรรม” (רָצַח)
ซึ่งหมายถึงว่า อย่า “ฆาตกรรม”


หมายถึงการฆ่า หรือการฆาตกรรม ที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าโดยมีเจตนา ตั้งใจ หรือจงใจ
การล้างแค้น การลอบสังหาร

"ฆาตกรรม" เป็นคำสมาสระหว่างคำ "ฆาต" (บาลี. ตี, ฟาด, ฟัน, ฆ่า, ทำลาย) + "กรรม" มีความหมายตามอักษรว่า การตี, การฟาด, การฟัน, การฆ่า, การทำลาย ผู้กระทำฆาตกรรมเรียกว่า "ฆาตกร"
กดว. 35:30 ใครก็ตามที่ฆ่าคน ก็ให้ฆาตกรนั้นถูกประหารชีวิตตามปากคำของพยาน แต่อย่าประหารใครด้วยพยานเพียงปากเดียว

ปัจจุบันมีการใช้คำ "ฆาตกรรม" คละไปกับคำ "การฆ่าคน" ทั้งนี้ คำทั้งสองมีความหมายเดียวกันดังข้างต้น แม้ในตำภาษาอังกฤษจะเป็นคำที่ใช้คำทั้งสองคำนี้ ไม่ค่อยจะแตกต่างเท่าไร แต่ในบริบทของฮีบรู เป็นคนล่ะบริบทกันครับ เช่นสงคราม (ในสมัยพระคัมภีร์ พระเจ้าก็นำในการรบ) หรือปกป้องตัวเองจากอาชญากร หรือพวกฆาตกรแล้วเราพลั้งมือเพื่อปกป้องตัวเองหรือครอบครัว

สุดท้ายนี้ แท้จริงเราอาจจะไม่ต้องยุ่งยากอะไร กับความสับสนของพระวจนะข้อนี้ อาจจะเป็นการดีเสียอีกที่ผู้เชื่อชาวไทยหรืออีกหลายประเทศมีพื้นฐานการถูกปลูกฝัง ไม่ว่าจะฆ่าคนด้วยบริบทไหน เราไม่ประสงค์ทั้งนั้น แม้แต่ผู้ที่เป็นศัตรู หรือทำร้ายเรา เราก็พร้อมที่จะยกโทษให้เขาเสมอตามที่พระเจ้าได้สอนและประสงค์ให้เรามีความรัก และการให้อภัย

บทความนี้จึงไม่ได้มีวัตถุประสงค์เปิดช่องทาง เพื่อจะไปฆ่าใคร ซึ่งยังไง ไม่ว่า จะฆาตกรรม หรือสุดวิสัย ล้วนต้องรับโทษตามกฎหมาย ในกระบวนการทางโลกแน่นอน ผมจึงเพียงแบ่งปันให้เราเห็นข้อแตกต่างของคำที่ใช้ในพระคัมภีร์ และบริบท ที่ผู้เชื่อใหม่หลายคนอาจจะมีคำถามว่า ทำไมพระเจ้าจึงนำทัพอิสราเอลเข้าฆ่าฟันเหล่าศัตรูจนราบคาบ ทั้งที่มีธรรมบัญญัติว่า ห้ามฆ่าคน (ศัตรู= ผู้ต่อต้านพระยาห์เวห์ พวกต่างชาติที่นับถือรูปเคารพ)

มธ. 22:37 พระเยซูทรงตอบเขาว่า “ ‘จงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าของท่านด้วยสุดใจของท่านด้วยสุดจิตของท่าน’  และด้วยสุดความคิดของท่าน

มธ. 22:38 นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อสำคัญอันดับแรก
มธ. 22:39 ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’ 



สุดท้ายจริงๆแล้ว ผมอยากจะเน้นอีกครั้งว่า ผมยังเชื่อในบริบท ของการไม่ฆ่าคน ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้นครับ และแม้จะในบริบทไหน ขอพระเจ้าปกป้องเราจากทุกสถานการณ์ พระปีกอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ปกป้องเราและพี่น้องที่รักทุกคน ขอพระวจนะใน สดุดี 91 เป็นของพี่น้องทุกคนครับ
 
ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ktm.shachah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...