วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การแลกเปลี่ยนที่ (ไม่) คุ้มค่า

บทความหนุนใจสั้น
กาลาเทีย 6:7
อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น

นี่เป็นกฎที่ใช้ได้ในทุกยุคทุกสมัย เมื่อเราหว่านเมล็ดพันธ์ใดๆลงไป เมื่อต้นนั้นเติบใหญ่ขึ้นเราก็จะได้เก็บเกี่ยวในสิ่งนั้นในอนาคต แน่นอนเราต้องการสิ่งใดเราต้องหว่านสิ่งนั้นและรอจนถึงเวลาที่จะเกี่ยว ในสิ่งที่เราหว่าน และนี่ก็เป็นกฏเกณฑ์ของพระเจ้าในการดำเนินชีวิตด้วย

ดังนั้นเราจึงต้องพิจารณาว่าเราจะหว่านสิ่งใดในการดำเนินชีวิต

กาลาเทีย 6:8
ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น


ในพระธรรมตอนนี้เราคงตกใจแน่ๆถ้าเราหว่านข้าวโพดลงไป แต่อยู่ๆอ้อยก็เกิดขึ้นมา มันเป็นไปไม่ได้เมล็ดพันธ์ใดจะเป็นเมล็ดพันธ์นั้น พระคัมภีร์หนุนใจเราว่าเราเลือกจะหว่านสิ่งใด

ถ้าเราหว่านการนินทาพี่น้อง เราอาจจะเกี่ยวผลของการสูญเสียความสัมพันธ์ระหว่างกันไป การกระทำทุกๆอย่างคือการหว่าน และเมื่อหว่านก็จะมีผลตามมา

ผมรู้จักคนคนหนึ่งเขาเป็นคนไม่เคยตรงต่อเวลาเลยไม่ว่าผ่านกี่ปีก็ตาม ผลที่เขาต้องเก็บเกี่ยวคือ ไม่เคยมีใครเชื่อใจเขาเรื่องเวลาอีกเลย ไม่เคยมีคนไว้ใจเขาได้ในเรื่องความรับผิดชอบและตรงต่อเวลา แม้บางครั้งเขาจะมาตรงเวลาเพียงน้อยนิดก็ตาม

เราอาจจะหว่านบางอย่างเพื่อตัวของเราเอง ตามความชอบของเนื้อหนังและตัณหาความอยากของตา และปาก การกระทำต่างๆ เราก็จะเก็บเกี่ยวในสิ่งนั้น

ถ้าเราหว่านสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยเราก็จะได้เก็บเกี่ยว ความชื่นชมยินดีกับชีวิตนิรันดร์ เราปฏิเสธพระเมตตาของพระเจ้า เพื่อเราจะชื่นชมกับเวลาอันสนุกสนานของโลก เราอ้างเสรีและทำสิ่งสารพัด แต่เป็นเสรีที่ตามใจเราและเป็นใจที่ถูกล่อลวงจากซาตาน

ตัวอย่างในพระคัมภีร์ โมเสสหว่านความโกรธและระเบิดความโกรธออกมา สิ่งที่เขาเก็บเกี่ยวไปคือ ดินแดนแห่งพันธสัญญาที่ได้แต่นั่งมองอยู่อีกฟากหนึ่ง

กันดารวิถี 20:11 -12
และโมเสสก็ยกมือขึ้นตีหินนั้นสองครั้งด้วยไม้เท้า และน้ำก็ไหลพล่านออกมามากมาย ชุมนุมชนและสัตว์ของเขาก็ได้ดื่มน้ำ
พระเจ้าตรัสกับโมเสสและอาโรนว่า "เพราะเจ้ามิได้เชื่อเราจึงมิได้ถวายความศักดิ์สิทธิ์แก่เราต่อหน้าคน อิสราเอล เพราะฉะนั้นเจ้าจึงจะมิได้นำคนที่ประชุมนี้เข้าไปในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่ เขา"

พระเจ้าบอกโมเสสให้พูดกับก้อนหิน แต่ด้วยความโกรธโมเสสตีหินถึงสองครั้ง พระเจ้าเป็นผู้ทำการอัศจรรย์ แต่โมเสสเอาความดีความชอบมาเป็นของตัวเองและพูดว่า “เราเอาน้ำออกจากหินนี้ให้เจ้า” เหตุนี้โมเสสจึงไม่ได้เข้าไปยังดินแดนแห่งพันธสัญญา เพราะการที่โมเสสฟาดตีหินนั้นเป็นภาพของการไม่ถวายเกียรติพระเจ้าต่อหน้าประชากรของพระองค์

หรืออีกตอนหนึ่งเมื่อดาวิดเอาชื่อเสียงและเกียติยศที่พระเจ้ามอบให้เขานั้นแลกกับการล่วงประเวณีเพียงข้ามคืน 2 ซามูเอล 11

หรือกานาเนียและซัฟฟีราแลกชีวิตด้วยความตายเพื่อเงินทอง 

กิจการ 5:1-11
 
หรือยูดาสที่ขายพระเยซู

คุณกำลังถูกทดลองหรือเปล่า อย่าที่จะยอมแพ้ อย่าที่จะยอมแลกหรือหว่านสิ่งซึ่งเป็นเนื้อหนังเข้าไปในชีวิต เพราะเมื่อเราแลกเนื้อหนังนั่นก็คือความตาย


โรม 8:6 ด้วยว่าซึ่งปักใจอยู่กับเนื้อหนัง ก็คือความตาย และซึ่งปักใจอยู่กับพระวิญญาณก็คือชีวิตและสันติสุข

หรือเราหว่านสิ่งใดในชีวิตเราก็จะเป็นแบบนั้น เพราะเมื่อเราหว่านเข้าไปมันก้จะเป็นเมล้ดพันธ์ที่เติบโตในชีวิตของเรา

กาลาเทีย 6:7-8 

อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น
ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่านพระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น


อย่ายอมแพ้แต่จงติดสนิทกับพระเยซู เข้าสนิทและต่อติดกับพระองค์ หว่านสิ่งที่ให้ชีวิตและคุ้มค่าและเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า อย่าแลกความสัมพันธ์ในสิ่งอื่นๆกับพระองค์ อดทนรอคอยเพราะเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว เราจะพบความคุ้มค่า

ด้วยรักในพระคริสต์
ขอบคุณพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น