วันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

พระเจ้าที่อยู่ในเรา

พระเจ้าที่อยู่ในเรา

เราเคยคิดไหมว่าพระเจ้าของเราอยู่ที่ไหน เราเคยตั้งคำถามเหล่านี้ในใจหรือไม่ หลายครั้งในสมัยเชื่อพระเจ้าใหม่ๆ ผมคิดในกรอบความคิดเดิมๆว่าพระเจ้าคงอยู่ไกล และไกลมากๆ อยู่สูงจนผมเองยากที่จะเอื้อมไปถึงพระองค์ได้ นั่นเป็นความคิดของเด็กคนหนึ่ง

หลายครั้งชีวิตคริสเตียนทำเหมือนพระเจ้าเป็นผู้วิเศษคนหนึ่งโดยที่ไม่ตั้งใจ หรือพระเจ้าเป็นพระองค์หนึ่งรูปเคารพหนึ่งที่ขอพร หรือขอความช่วยเหลือได้ หลายครั้งคริสเตียนเองก็ไม่ต่างจากศาสนาอื่นๆ ที่ผู้อ้างตัวว่านับถือศาสนาหนึ่งนั้น ใช้ชีวิตในวิถีของโลก ดื่มเหล้าเมามาย ทะเลาะเบาะแว้ง พูดจากหยาบคาย ชีวิตมีแต่การโกหก คดโกง ผิดผัวผิดเมียชาวบ้าน ล่วงประเวณี ทั้งทางกายภาพและทางความคิด พูดง่ายๆคือดำเนินอยู่ในความบันเทิงโลกแบบโสโดม
แต่เมื่อใดก็ตามที่มีปัญหาความทุกข์ใจ วิกฤตมาเยี่ยมเยียนแล้วล่ะก็ ก็จะซมซานมาจุดธูปไหว้รูปเคารพขอพร และขอการช่วยเหลือ คริสเตียนหลายครั้งเป็นเช่นนั้นไหม เราสนุกสนานไปกับเพื่อนๆทางโลก ใช้ชีวิตกลมกลืนไปกับโลกนี้ จนคริสเตียนไม่แตกต่างตรงไหนกับโลกนี้เลย และมองไม่เห็นว่าเป็นคริสเตียนตรงไหน (ผมไม่ได้หมายถึงทุกคนที่อ่านนะครับ)


เราทำเหมือนพระเจ้าเป็นแบบนั้นไหม ในความเป็นจริงแล้ว สดุดี 91:15 บอกเราว่า
เมื่อเขาร้องทูลเรา เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้นและให้เกียรติเขา



พระสัญญาของพระเจ้าบอกว่า เมื่อเราเริ่มที่จะร้องเรียกหาพระเจ้า พระองค์จะตอบเรา นี่เป็นพระสัญญาของพระองค์ เมื่อพระองค์จะอยู่กับเราในยามที่เรากำลังเดือดร้อน พระองค์จะตอบเราและจะมาปลดปล่อยเราให้พ้นจากพันธนาการและความเดือดร้อนนั้น พระองค์อยู่กับเราเสมอและอยู่มาเนิ่นนานแล้ว


และเดี๋ยวนี้พระเจ้าพระองค์ก็ทรงอยู่ในเรา เราต้องบอกกับตัวเองและเชื่อเสมอว่า พระเยซูคริสต์อยู่ภายในฉัน ภายในฉันนี่แหละ นั่นหมายความว่าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ผู้สร้างฟ้าสวรรค์และจักรวาลนี้ทรงประทับอยู่ในเรานี่เอง .. ลองคิดดูสิครับมันน่าตื่นเต้นไหม หรือใครอาจจะเฉยๆ ถ้าเราสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่และพระองค์ทรงอยู่ในเรา มันเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นจริงๆ นี่ไม่ใช่ใครพูดเองก็ได้แต่พระวจนะใน


ยอห์น 14:16-17 บอกเราว่า
เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป
คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน



พระคัมภีร์ตอนนี้ ในเวลานั้นสาวกต่างงุนงงและสงสัยว่า พระเยซูกำลังจะจากพวกเขาไปแล้ว และพระองค์บอกว่าจะอยู่กับพวกเขาได้อย่างไร ?


ผู้ช่วยหรือที่ปรึกษาก็คือพระวิญญาณอีกพระภาคหนึ่งของพระเจ้า คือพระวิญญาณของพระองค์ จะอยู่กับสาวกและเราทุกคนเมื่อพระองค์จากไปแล้ว ไม่เพียงแต่อยู่กับเรา แต่อยู่ภายในเรา ลองนึกภาพพระเยซูกำลังยิ้มให้เราและพระองค์เอื้อมพระหัตถ์ของพระองค์ ไปที่พระกายของพระองค์และดึงเอาพระวิญญาณที่อยู่ภายในของพระองค์และยื่นมาใส่ไว้ในเรา นี่แหละครับเมื่อเราต้อนรับพระองค์เราก็ได้รับสิทธิ์นั้น เรามีพระองค์อยู่ภายในเรา คอยนำเรา เตือนเรา เป็นที่ปรึกษา เป็นผู้ช่วยของเรา เป็นผู้คอยปลอบโยนเรา หนุนใจเราในสิ่งที่เป็นเรื่องที่ถูกต้อง พระองค์ไม่มีวันละทิ้งเราและนำเราสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์ทำให้เราสำนึกในความผิดความบาป ตอนนี้พระองค์อยู่ในเราทุกๆคนแล้ว


1 โครินธ์ 3:16 ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน


เช่นเดียวกันร่างกายของเรา ร่างกายที่สูง ต่ำ ดำ ขาว จะหล่อหรือไม่หล่อ ก็เป็นพระวิหารของพระเจ้า เป็นที่ประทับขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระวจนะใน


1 โครินธ์ 6:19 ย้ำกับเราอีกครั้งว่า
ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง



ในตอนนี้เปาโลบอกว่าร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระเจ้า รู้ไหมมันหมายความว่ายังไง มันหมายความว่า ไม่ใช่ตัวท่านเองเท่านั้นแต่หมายถึงผู้ที่ต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วย เรามีร่างกายเป็นพระวิหารแล้ว คริสเตียนหลายคนบอกว่า เขามีเสรีภาพมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้กับร่างกายเนื้อหนังของตนนี้ จะสักให้ลายทั่วตัว  จะดูหนังดูละครแม้มันจะมีคำหยาบช้า คำพูดทะลึ่ง ตลกหยาบโลน หรือแม้แต่หนังที่เกี่ยวกับวิญญาณชั่ว และการทำอะไรก็ตามที่ไม่สมควร อันนี้ไม่ขอพูดยาวเพราะบางครั้งคำว่าไม่สมควรของแต่ละคนมีเส้นจำกัดไม่เหมือนกัน แต่มาตรฐานความเหมาะสมขอพระวิญญาณตรัสกับคุณเอง


หลายคนคิดถึงเสรีภาพ  เสรีภาพคืออะไร
1 เปโตร 2:16 จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า


เมื่อเราเป็นคริสเตียนพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเติมเต็มชีวิตของเรา ทรงสถิตในเรา เหตุนี้เราไม่ใช่เจ้าของร่างกายอีกต่อไป พระองค์ซื้อท่านมาด้วยราคาที่สูงจากความเป็นทาส พระองค์ซื้อเราด้วยชีวิต ปลดพันธนาการ ทาส ออกจากเราทุกๆคน ถ้าเราอยู่ในบ่านของใครสักคน ย่อมต้องให้เกียรติเจ้าของบ้าน และไม่ทำในสิ่งที่ไม่ดีในบ้านนั้น เพราะเจ้าของบ้านย่อมพอใจและเสียใจ เช่นเดียวกันร่างกายที่ไม่ใช่ของเราแล้ว เมื่อเราตัดสินใจลงจากบัลลังก์ การครอบครองตนเอง และให้ซาตานครอบครองร่วม เมื่อเรายกให้พระองค์ พระองค์ไถ่มาจากมือของซาตานแล้ว เราต้องไม่ดำเนินชีวิตเสรีภาพตามตัณหาของเนื้อหนัง


ถ้าเราจะไปดูหนังที่ไม่สมควรดู ถ้าเราจะดื่มในสิ่งที่ไม่สมควรดื่ม ถ้าเราจะพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูด ถ้าเราจะไปในที่ที่ไม่สมควรไป ลองถามเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของรถหน่อยว่า พระองค์ที่ครอบครองเราเป็นเจ้าของชีวิตเรา อยากกกกก !!ที่จะไปด้วยไหม อยากนั่งดูอะไรแบบนั้นกับเราไหม อยากจะฟังอะไรๆๆแบบที่เราอยากฟังไหม


แบบนั้นเราเองก็ไม่มีวันเติบโต ถ้าใครก็ตามยังกินของที่สกปรกอยู่ พระวิญญาณภายใน คือพระเจ้าคงไม่ปลื้มเป็นแน่


มันไม่ใช่แค่ตัวเราเท่านั้นเมื่อพระองค์บอกว่าพระองค์ทรงเป็นศีรษะ นั่นหมายความอีกด้วยว่า บรรดาผู้เชื่อทุกๆคนย่อมเป็นร่างกายอันเดียวกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน ต้องไม่ทำลายคริสตจักร เพราะความแตกแยก ความขัดแย้ง และความบาปต่างๆ


พี่น้องที่รักเสียเวลาไหม ถ้าเราจะมาหาข้อมูล และนั่งถกเถียงกัน และหาเหตุผลที่เราจะทำสิ่งหนึ่ง ทั้งที่สิ่งๆนั้นล่อแหลมต่อพระทัยของพระเจ้า เราก็ไม่ทำเสียจะดีกว่า มันเสียเวลาที่จะมานั่งหาเหตุผลเพียงเพราะต้องการทำตามความต้องการของเนื้อหนัง
คริสเตียนหลายคนอาจจะว่า คริสเตียนบางคน (แบบผม) ว่าพี๊ยนไปซะแล้ว ผมขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง เมื่อผมเตือนเขาว่า ไม่ควรดูหนังผีนะ ..มันไม่ใช่เพราะการเคร่งครัดศาสนา ทำตัวให้ดูบริสุทธิ์ เป็นนักบวชทรงศีล นุ่งขาวห่มขาวให้ดูน่าชื่นชม หรือเป็นวิญญาณศาสนา แบบฟาริสีที่หน้าซื่อใจคด


แต่มันหมายถึงเราได้รับเอาวิญญาณชั่วเข้ามาสู่พระวิหารหลังนี้โดยไม่ตั้งใจ เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะหนังผี ก่อนถ่ายทำ (ความจริงหนังไทยเกือบทุกเรื่อง) จะมีการบวงสรวงวิญญาณชั่ว ที่เขาคิดว่าเป็นเจ้าที่ เจ้าถิ่น ทุกคนในกองถ่าย ดาราทุกคนจะบวงสรวงคือบูชา การการบูชาเป็นภาพของการ นมัสการ และการนมัสการคือการให้เกียรติยกย่อง และยอมให้ถูกควบคุม เช่นการครอบครู


ผมเคยอธิบายในบทความก่อนๆแล้วว่า เมื่อนมัสการมันแล้ว เท่ากับว่าการแสดงในเรื่องนั้น ซาตานเป็นผู้กำกับ การถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก มันก็จะมาถึงตัวผู้ชมด้วย


นี่ไม่ใช่เรื่องเว่อร์ที่ผมเพี๊ยนหรือคิดไปเอง หรือวัยรุ่นบางคนอาจจะบอกว่า เวอร์ไปพี่ กะอีแค่การแสดง เวอร์ไปพี่กับไอ้แค่หนังเรื่องเดียว


มีน้องคนหนึ่งบอกผมว่า เขาแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอะไร พี่ไม่ต้องเป็นห่วง เขาจะเป็นแบบนี้แหละ
เราเองไม่สามารถพึ่งพากำลังของตัวเองได้ในการต่อสู้กับวิญญาณชั่ว และเมื่อเราพ่ายแพ้ เราก็ถูกยึดและถูกควบคุมและครอบงำ มาถึงตอนนี้พระวิญญาณได้พรากจากเราไปแล้ว เพราะความมืด กับความสว่างหาอยู่รวมกันได้ไม่ สีขาวและสีดำจะเป็นสีเทาก็ไม่ได้


เมื่อต้อนรับพระองค์เข้าสู่ชีวิต เราก็มีชีวิตใหม่แล้ว สิ่งเก่าๆก็ล่วงไปนี่แนะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น จงประหารโลกียวิสัยเก่าๆให้หมดไป ไม่ดำเนินชีวิตที่กลับไปเป็นแบบเดิมๆ ไม่อ่อนข้อต่อความบาป


เมื่อนั้นทั้งคุณและผมและผู้เชื่อทุกคนจะลุกขึ้นและให้พระองค์ที่อยู่ในเรา สำแดงพระองค์ผ่านชีวิตของเรา และโลกจะเห็นว่านี่หรือความแตกต่างของคริสเตียน เราจะไม่ต้องเมื่อยปากที่จะเป็นพยาน เพราะชีวิตของเราจะเป็นพยาน เขาจะเห็นพระเยซูแต่ไม่ใช่เห็นเรา เขาจะเห็นว่าพระเจ้าเป็นความรักและเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ ก็ผ่านทางชีวิตของเรา ชีวิตของเราจะเป็นแสงสว่างที่จะส่องเข้าไปในความมืดนั้น เอเมน
ขอที่เราจะรังระไวชีวิตของเรา รอบด้าน รักษาพระวิหารของพระเจ้าหลังนี้ดีๆ หมั่นทำความสะอาด พระวจนะจะช่วยทำความสะอาดแยกแยะสิ่งต่างๆที่ไร้สาระออกจากพระวิหาร มีชีวิตที่นมัสการเพื่อถวายเกียรติพระเจ้าที่ประทับภายใน อธิษฐานด้วยหัวใจ ต่อพระเจ้าองค์เดียว


ขอพระเจ้าได้รับเกียรติ
ด้วยรักในพระคริสต์
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น