วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ไม่มีเวลา (อธิษฐาน)

ผมว่าคำๆนี้หลายคนคงได้ยินบ่อย หรือแม้แต่กระทั่งพูดบ่อยๆ “ไม่มีเวลา” อาจจะกลายเป้นคำยอดฮิตโดยที่เราเองไม่เคยสังเกตเลยก็ได้

เด็กๆหลายคนเมื่อเวลาพ่อแม่เรียกให้ทำงาน หรือช่วยงาน หรือเรียกให้อ่านหนังสือ มักมีเสียงตะโกนออกมาจากห้องนอนว่า “ผมไม่มีเวลาครับ” ใช่หรือไม่ เด็กๆเหล่านี้อาจจะคิดว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่เป็นเป้าหมายที่สำคัญกว่าสิ่งที่เขาคิดว่าน่าเบื่อหรือไม่สนุก และไม่ได้ความบันเทิง เช่นเด็กๆอาจจะดูการ์ตูนอยู่ หรืออ่านการ์ตูนอยู่ แม้แต่กำลังเล่นกับเพื่อนๆ เขาก็จะบอกว่า เขาไม่มีเวลาที่จะไปทำสิ่งใดๆ

คริสเตียนหลายคนอาจจะบอกว่าไม่มีเวลา นี่เป็นข้อถกเถียงสำหรับคนที่หนุนใจและคนที่ถูกหนุนใจก็อาจจะมีเหตุผลว่า ไม่มีเวลาเลย คุณจะให้ฉันเอาเวลาที่ไหนไปอธิษฐาน ตื่นมาก็ต้องรีบเพราะขืนช้ารถติดแน่ เมื่อฉันตื่นมาในหัวฉันจะมีแต่งาน ฉันต้องออกจากบ้านกี่โมง ไปถึงที่ทำงานกี่โมง และต้องทำอะไรอีกสารพัดเยอะแยะมากมาย เวลาอธิษฐานน่ะหรือจะมี เวลารับประทานอาหารยังแทบไม่มีเลย

คุณล่ะรู้สึกผิดไหมที่แม้แต่อยากทำอยากอธิษฐานแต่ไม่สามารถใช้เวลานานๆในการอธิษฐานได้ เมื่อมีเสียงหนึ่งที่พุดว่าควรจะอธิษฐาน ทั้งเสียงจากภายนอกและเสียงจะพระวิญญาณที่เตือนเรา สิ่งที่โต้ตอบกลับไปคือ ฉันไม่มีเวลา

บางครั้งเราอาจจะมีเวลาสั้นๆและรีบที่จะอธิษฐาน คล้ายเด็กที่โดนบังคับและวิ่งมาทำงานบ้านที่แม่สั่งด้วยความไม่พอใจเพื่อจะให้เสร็จไป และเมื่อใดที่เราอธิษฐานด้วยท่าทีแบบนี้ เราอาจจะไม่เคยสัมผัสได้เลยว่า พระเยซูสถิตอยู่ด้วย หรือรู้สึกว่าพระเจ้าสถิตอยู่ภายในเราเลย เราอาจจะมีความคิดว่า นี่เป็นเพราะเราไม่มีเวลา ถึงได้เป็นแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลย

ในอีกกรณีบางครั้งที่เราเว้นจากช่วงไม่มีงานหรือบางคนไม่มีงานยุ่งเลยแต่ทำตัวเหมือนมีงานที่ยุ่งวุ่นวายมาก บางครั้งเราอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ มากจนไม่อยากลุกไปไหน บางครั้งละครน่าดูมากและถึงตอนสำคัญที่ใกล้จะจบ บางครั้งเวลาวันหยุดน่าจะเป็นเวลาที่ไปดูหนังเพราะเป็นเวลาว่างแค่วันเดียว เรามักบอกว่าไม่มีเวลาทั้งที่ความจริงพระเจ้าให้เวลาสำหรับเรามากมายนัก

นี่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับคริสเตียนทุกยุคทุกสมัยโดยเฉพาะยุคนี้ที่เป็นยุคที่มีสิ่งล่อตาล่อใจมากมายเหลือเกิน การอธิษฐานเปรียบได้กับลมหายใจฉันใด เราขาดการอธิษฐานก็เท่ากับเราขาดอากาศหายใจฉันนั้น

นี่จึงเป็นปัญหาสำหรับคริสเตียนจำนวนไม่น้อยที่มีเวลางานมากมาย หรือกิจกรรมต่างๆมากมาย หรือแม้แต่งานรับใช้และงานประกาศมากมาย แต่ไร้การอธิษฐาน หรืออธิษฐานน้อยมากเราต้องเรียนรู้ที่จะใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด

การใช้เวลาให้คุ้มค่านั้น เมื่อเรามีเวลาซาตานพยายามแย่งชิงเวลาของเราในแต่ละวันไป ตั้งแต่เราตื่นนอน เวลาที่เราเดินไปเข้าห้องน้ำ เวลาที่เรากำลังทำอาหารเช้า เวลาที่เราอาบน้ำ แต่งตัว เวลาที่เรากำลังขับรถบนถนนที่รถติดแสนติด เวลาที่เรานั่งทำงาน เวลาที่เรานั่งรออาหารเที่ยงระหว่างรอสั่ง เวลาที่เราขับรถกลับ เวลาที่เรานั่งเล่นคอมพิวเตอร์ เวลาที่เราดูละคร 2 ชั่วโมง เวลาที่ดูหนัง 2 ชั่วโมง และอีกมากมาย ก่อนเราจะนอน เราล้วนมีเวลาที่จะอธิษฐานกันทุกคน ไม่ใช่เรื่องที่เกินกำลังเราที่จะใช้ช่วงเวลาที่คุ้มค่านี้หันเหจิตใจเข้าหาและเฝ้าพระเจ้า เวลาเพียงครู่เดียวก็มีค่า เวลา 5 นาทีของคนที่ใช้เวลา 5นาทีแบบคุ้มค่าและต้องการพระองค์ ก็คุ้มค่ากว่า 5 นาทีของคนที่อธิษฐานเพื่อเป็นพิธีการ หรือกฎเกณฑ์ เราใช้เวลาแต่ละช่วงให้คุ้มค่าดีกว่าเราอาบน้ำเฉยๆ นั่งรอลูกค้าเฉยๆ เราสามารถอธิษฐาน นมัสการได้

เราฝึกตัวเราหรือยังที่ให้สัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้าทุกๆเวลา ทุกๆสถานการณ์

1 เธสะโลนิกา 5:17
“จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ”


พระคัมภีร์ตอนนี้หนุนใจเราว่า เราไม่สามารถใช้เวลาทั้งหมดคุกเข่าและอธิษฐานลงได้ เพราะเราก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องกระทำ แต่เราสามารถคงไว้ซึ่งท่าทีของนักอธิษฐานอยู่ทุกเวลา เราต้องอยู่ในท่าทีที่เราต้องพึ่งพระเจ้าทุกๆเวลา เราอธิษฐานได้ทุกเวลาเพราะพระองค์ประทับอยู่ในเรา เมื่อเราปฏิบัติเช่นนี้จนเป็นธรรมชาติ เราจะไวและเร็วที่จะได้ยินเสียงที่พระเจ้าบอกกับเรา

ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ทรงหนุนใจเราที่จะมีชีวิตที่อธิษฐานตลอดเวลา ขอเราทุกคนที่จะมีชีวิตที่อธิษฐานตลอดเวลา ไม่ว่าเราจะทำสิ่งใดผมเชื่อว่าเรา ย่อมมีเวลาที่จะอธิษฐานได้ทุกๆเวลาและทุกสถานการณ์ นี่เป็นท่าทีที่เราจะถ่อมลงและพึ่งพาพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกำลัง เรี่ยวแรง สติปัญญา ทางออก แทนที่เราจะทำแต่งานหรือทำกิจกรรมใด มันเหมือนเราทำไปด้วยตัวเอง แต่เมื่อเราอธิษฐานพระเจ้าผู้อยู่ในเราพระองค์พร้อมเสมอที่จะสนทนาและตอบเรา ช่วยเราเสมอ นี่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า ดังที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า
“จงเข้าสนิทอยู่ในเรา”

ด้วยรักในพระคริสต์
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น