สุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา
รม. 12:20 แต่ว่า “ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี”
ในฉบับ 1971 รม. 12:20 อย่าแก้แค้นเลย ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำเขาดื่ม เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา
โลกนี้มักมีการแก้แค้นและเกลียดชังศัตรู มนุษย์มักมีสัญชาติญาณการตอบโต้ ไม่ต่างจากหนังจีน กำลังภายใน “แค้นนี้ต้องชำระ” เมื่อเรารู้สึกเช่นนี้ นี่จึงเป็นการเริ่มต้นของคำว่า “ศัตรู” แท้จริงศัตรูที่แท้จริงของเราคือ มารซาตาน ไม่ใช่มนุษย์ พระประสงค์ของพระเจ้าในพระคัมภีร์เน้นให้เรามีความรัก คือรักแม้กระทั่งศัตรู
มธ. 5:44 แต่เราบอกพวกท่านว่า จงรักศัตรูของท่าน และจงอธิษฐานเพื่อบรรดาคนที่ข่มเหงพวกท่าน
ลก. 6:27 “แต่เราบอกพวกท่านที่กำลังฟังอยู่ว่า จงรักศัตรูของท่าน จงทำดีกับคนที่เกลียดชังท่าน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจากหลายข้อหลายตอน ความรักที่เราควรมีให้แก่ศัตรู ในบริบทหนึ่ง คือ การอธิษฐาน และการอวยพร ไม่ใช่การอธิษฐานสาปแช่ง แต่คือการอวยพระพรแก่เขา พระวจนะตอนหนึ่งบันทึกว่า จงอวยพรแก่คนที่แช่งด่าท่าน
เมื่อศัตรูหิว หมายถึงเมื่อเขาเจอความยากลำบาก เราซึ่งเขานับว่าเป็นศัตรู จงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ ด้วยความรัก ยืนเคียงข้างเขา ในบริบทของพระวจนะคือ การยืนอยู่ด้วยคอยพยุงไม่ให้เขาล้มลง จนกว่าเขาจะยืนเองได้
พระวจนะบันทึกในตอนท้ายว่า “เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา”
สำหรับผม ผมแน่ใจว่า ไม่มากก็น้อยที่จะตีความข้อนี้ว่า การสุมถ่านเพลิง คือเมื่อเราทำดีต่อศัตรู เขาจะรู้สึกเจ็บใจ หรืออะไรสักอย่าง จนเหมือนการเอาไฟไปสุมบนเขา
แต่แท้ที่จริงในสำนวนนี้ “เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา”
หมายถึง “ความรักที่ไม่เสแสร้ง”
หรือ สำนวนของชาวอิสราเอล หมาถึง “คุณจะพัดจิตใจของเขา ด้วยความรัก”
พระวจนะข้อนี้หนุนใจผมมาก เมื่อเราต้องเจอกับศัตรู
อพย. 23:4 “เมื่อเจ้าพบโคหรือลาของศัตรูหลงมา จงพาไปส่งคืนเขาให้ได้
อพย. 23:5 เมื่อเห็นลาของผู้ที่เกลียดชังเจ้าล้มลงเพราะบรรทุกของหนัก อย่าเมินเฉย จงช่วยเขายกมันขึ้น
สภษ. 25:21 ถ้าศัตรูของเจ้าหิว จงให้อาหารเขากิน และถ้าเขากระหาย จงให้น้ำเขาดื่ม
ซาตาน ต้องการปั่นหัวเราและทำให้สนามรบในความคิดของเรา มีแต่ความเกลียดชัง ไม่พอใจ อิจฉา และอีกมากมายด้วยแผนการอันแยบยล เราเองต้องมีชัยชนะ และรับเอาชัยชนะจากพระเยซู
ในข้อที่ (21) บอกเราว่าอย่าให้ความชั่วชนะเราได้
รม. 12:21 อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี
ซึ่งเกี่ยวข้องกับผลของพระวิญญาณด้วย
กท. 5:22 ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์
กท. 5:23 ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
ความดีในที่นี้หมายถึง (ทางที่ตรงไปตรงมา)
1ธส. 5:15 อย่าให้คนใดทำชั่วตอบแทนการชั่ว
แต่จงหาทางทำดีเสมอต่อพวกท่านเอง และต่อคนทั่วไปด้วย
รม. 12:17 อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ใครเลย แต่จงมุ่งทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี
อย่าชำระ (ชำระ= ชำระแค้น) ความชั่วร้าย แต่จงทำในสิ่งที่
ตรงไปตรงมา และถูกต้องในสายตาของทุกคน
หรือ พยายามที่จะทำสิ่งที่ทุกคนนับถือเป็นสิ่งที่ดี
คำว่าตรงไปตรงมาคือการ ใช้ความจริง และความจริง
มันคือ ทางแห่งความจริง
ในภาษาฮีบรูคือ อีเม็ท และ อีเม็ท คือ โทราห์
โทราห์คือพระวจนะคำสอน ถ้อยคำของพระเจ้า
emet (אמת) ความจริง eh-met ตัวอักษรในภาษาฮีบรู
ตัวแรกคือ อเลฟ และ ทัฟ คือตัวสุดท้าย
เป็นความหมายของ พระวจนะที่บอกว่า
พระองค์ทรงเป็นปฐมและอวสาน เบื้องต้นและเบื้องปลาย
ในภาษาเดิมจะใช้คำว่า (Aleph/Tav)
พระเยซู พระองค์ทรงเป็น (Aleph/Tav) ด้วย
א Alef อาเล็ฟ เป็นตัวอักษรตัวแรกของอักษรฮีบรูและ
เป็นสัญญลักษณ์ของ พระเจ้า ความเป็นหนึ่ง หนึ่งเดียว ความยิ่งใหญ่
ת Tav ทัฟว์ เป็นสัญญาลักษณ์หมายถึง ความจริง (Emet) และความสมบูรณ์แบบ
(ทางแห่งความจริง)
(ทางพระเยซู)
(เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต
ทางเดียวที่ไปถึงพระบิดา)
ใน สภษ. 20:22 อย่าพูดว่า “ข้าจะแก้แค้นความชั่ว”
จงรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์จะทรงช่วยเจ้า
ยก. 4:7 เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป
"บางฉบับ ให้ความหมายว่า จงต่อต้านซาตาน
(คือความชั่วร้าย) แล้วมันจะหนีออกมาจากคุณ"
เราเองเลือกได้ที่จะปฏิเสธ ความชั่วร้ายในทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะในความคิดหรือที่ไหน ?
เราสามารถแยกแยะได้ว่าเราจะเลือกปฏิบัติวิธีของซาตาน
หรือวิถีทางของพระเยซู
ความรักเป็นอาวุธที่สำคัญในยุคสุดท้ายนี้ ท่ามกลางโลกที่ขาดความรัก แต่เราสามารถสำแดงความรักของพระเยซูภายในเรา เพื่อเป็นแสงสว่างแก่คนทั้งโลก
แท้จริงพระวจนะสำนวนนี้ “เพราะว่าการทำอย่างนั้น เป็นการสุมถ่านที่ลุกโพลงไว้บนศีรษะของเขา” จึงหมายถึง หมายถึง “ความรักที่ไม่เสแสร้ง” หรือ สำนวนของชาวอิสราเอล หมายถึง “คุณจะพัดจิตใจของเขา ด้วยความรัก”
ปล. แท้จริงสำนวนของการสุมถ่านที่ลุกโพลงบนศีรษะ หมายถึง เขาจะมีความอาย หรือ ละอาย ในการดีของเราที่ตอบสนองด้วยความรัก
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ชาโลม
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น