เพราะเธอมีสามีถึงห้าคนแล้ว
ยอห์น 4:18
ยน. 4:18 เพราะเธอมีสามีถึงห้าคนแล้ว และคนที่มีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่สามีของเธอ เรื่องนี้เธอพูดจริง”
ฉบับ 1971 ยน. 4:18 เพราะเจ้าได้มีผัวห้าคนแล้ว และคนที่เจ้ามีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ผัวของเจ้า เรื่องนี้เจ้าพูดจริง”
ผัวกับสามีก็มีความหมายเหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้มีสามีมาแล้วถึงห้าคนเชียวหรือ ?
หลายครั้งที่ผมอ่านพระวจนะตอนนี้ หรือได้ฟังคำสอนมามากมาย ผมก็เข้าใจว่า ผู้หญิงคนนี้โกหก ทั้งที่มีสามีมาแล้วถึงห้าคน
“พระเยซูตรัสกับนางว่า "ไปเรียกผัวของเจ้ามานี่เถิด" นางทูลพระองค์ว่า "ดิฉันไม่มีผัวค่ะ"
พระเยซูตรัสกับนางว่า "เจ้าพูดถูกแล้วว่าผัวไม่มี แต่พระเยซูตบท้ายประโยคว่า เพราะเจ้าได้มีผัวห้าคนแล้ว และคนที่เจ้ามีอยู่เดี๋ยวนี้ก็ไม่ใช่ผัวของเจ้า เรื่องนี้เจ้าพูดจริง
ถ้าเราตีความเฉพาะจุด เราอาจจะมีความเชื่อว่า นางพยายามปกปิดว่าไม่มีสามี นางโกหก แล้วทำไมพระเยซู ถึงได้เล่นคำกับเธอว่า “เรื่องนี้เจ้าพูดจริง”
เราอาจจะตีความว่า ผู้หญิงคนนี้มีความลับและโกหก ปดปิดพระเยซู ว่าเคยมีสามีมาแล้วห้าคน แต่ถ้าผมจำไม่ผิด การมีสามีเกิน 1 คนในสมัยนั้นก็ดูไม่ดีแล้ว ไม่แน่อาจจะโดนเอาหินขว้างประจานด้วยซ้ำ
บางข้อมูลอาจจะบอกว่า ผู้หญิงสามารถหย่าได้ มากกว่าสองครั้ง แต่เธอก็มีชีวิตที่ผิดศีลธรรมมากเลยทีเดียว ความหมายของพระเยซูทำให้เธอแน่ใจว่าเธอไม่มีความคิดเช่นนั้น
ยน. 4:19 นางทูลพระองค์ว่า “ท่านเจ้าคะ ดิฉันเห็นจริงแล้วว่าท่านเป็นผู้เผยพระวจนะ
และบุคลิกของผู้เผยพระวจนะ ผู้เผยพระวจนะ แม้จะมีความเที่ยงตรง ขาวเป็นขาว ดำเป็นดำอย่างชัดเจน แต่ก็จะไม่เผยเรื่องอับอาย หรือแง่ของการประจาน
ลองคิดดูเล่นๆก็ได้ ถ้าสมมุติมีคนหนึ่ง เช่นผู้นำท่าน มาบอกท่านว่า ไปเรียกผัวคุณมา คุณอาจจะแอ๊บ (ภาษาวัยรุ่น) ว่า อาจารย์หนูไม่มีผัวเลยค่ะ อาจารย์พูดแบบนี้ได้อย่างไรค่ะ ?
และถ้าคุณโดนประโยคที่สองว่า หนูเอ๋ย หนูมีผัวมาแล้วห้าคน …!!
ผมว่าน้อยคนที่จะรับสถานการณ์เช่นนั้นได้ นี่คือพระลักษณะ บุคลิกภาพของพระเยซูหรือ ?
แท้จริงนางไม่ได้ปกปิดความลับเรื่องการมีสามี ที่มีมากถึงห้าคน เพราะนางไม่มีสามีมาแล้วห้าคนจริงๆ และพระเยซูก็ตรัสว่าเจ้าพูดถูกแล้วว่าผัวไม่มี
ในการเขียนและสำนวน เช่นของไทย ถ้าเราเขียนว่า เดินเตะฝุ่น คนต่างทวีปมาอ่าน ยังไงก็คือเตะฝุ่น ไม่ใช่คำที่เขียนเพี๊ยนแต่อย่างใด มันคือ เตะฝุ่นจริงๆ แต่ในสำนวน เตะฝุ่นคือ เดินเตะฝุ่นที่พื้นดินจริงๆ และความหมายที่สองก็คือเดินเตะฝุ่นจริงๆเช่นกัน แต่เล็งไปถึง การตกงานหรือไม่มีงานทำ
สามี ในบริบทนี้จะหมายถึง สามีจริงๆ หรือ หมายถึง ชนชาติ เอฟราอิม และเอฟราอิม เอฟราอิมในที่นี้อาจจะไม่ได้หมายถึง นางเป็นคนเชื้อสายเอฟราอิม แท้ๆ แต่หมายถึง เอฟราอิม ที่เล็งถึงคนต่างชาติ ที่หลงหายไป และที่สำคัญ นางคือชาวสะมาเรีย ที่คนยิวไม่ชอบ เพราะสะมาเรียผสมผสานเข้ากับคนต่างชาติ เมื่อสะมาเรียถูกยึดโดย พวกอัสซีเรีย และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย
และถูกจับผสมผสานด้วยความจงใจ (กษัตริย์อัสซัเรียได้ผสมศาสนา)
2พกษ.17 ก็เพราะคนอิสราเอลได้ทำบาปต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของตน
เขาทั้งหลายได้สร้างปูชนียสถานสูงสำหรับตนทั่วบ้านทั่วเมือง
พวกเขาได้ตั้งเสาศักดิ์สิทธิ์และเสาอาเช-ราห์บนเนินเขาสูงทุกแห่ง และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น
เขาทั้งหลายปรนนิบัติรูปเคารพ ซึ่งพระยาห์เวห์ได้ตรัสแก่เขาแล้วว่า “เจ้าอย่าทำอย่างนี้”
เขาทั้งหลายได้ให้บุตรชายหญิงของเขาลุยไฟ และเขาได้ทำนายโชคชะตาและทำเวทมนตร์
ชนชาติยิวที่กลับจากการเป็นเชลยที่บาบิโลนใน ปี 538 ก่อน ค.ศ. จึงไม่ยอมรับชาวสะมาเรียเพราะถือว่าพวกนี้ไม่ใช่ยิวแท้ ชาวยิวจะนมัสการพระเจ้าที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ส่วนชาวสะมาเรียก็สร้างพระวิหารของตนเองขึ้นบนภูเขาเกริซิม และนมัสการที่นั่น
เอฟราอิม เป็นชนชาติที่หลงหาย และผสมผสานเอาพระต่างชาติเข้ามา เท่ากับการเล่นชู้และนอกใจพระองค์ แท้จริงพระองค์คือสามีที่แท้จริงของเรา
สามีห้าคนจึงเท่ากับ ศาสนาที่ผสมเข้ามาถึงห้าศาสนา หรือความเชื่ออื่นๆของห้าเผ่า
หรืออีกมุมมองหนึ่งคือ ชาวสะมาเรีย ยึดติดกับพระวจนะ 5 เล่มแรก ที่เรียกว่าโทราห์ โทราห์ของชาวสะมาเรียเน้นที่ 5 เล่มเท่านั้น และชูโมเสส และรอคอยพระเมสสิยาหืแบบโมเสส ว่าจะมาช่วยพวกเขา
ฉธบ. 18:18 เราจะให้มีผู้เผยพระวจนะอย่างเจ้าเกิดขึ้นในหมู่พวกพี่น้องของเขา และเราจะใส่ถ้อยคำของเราในปากของเขา และเขาจะกล่าวทุกสิ่งที่เราบัญชาเขาไว้นั้นแก่พวกเขา
ยน. 4:25 นางทูลพระองค์ว่า “ดิฉันทราบว่าพระเมสสิยาห์ (ที่เรียกว่าพระคริสต์) จะเสด็จมา เมื่อพระองค์เสด็จมา พระองค์จะทรงชี้แจงทุกสิ่งแก่เรา”
ด้วยเหตุนี้พระเยซูจึงตรัสว่า
ยน. 4:22 สิ่งที่พวกเธอนมัสการนั้นเธอไม่รู้จัก สิ่งที่พวกเรานมัสการนั้นพวกเรารู้จัก เพราะความรอดมาจากพวกยิว
การนมัสการ เป็นมากกว่าการสรรเสริญ เป็นการถวายชีวิต
ความรอดมาจากยิว ยิวคือยูดาห์
ยูดาห์และเอฟราอิมต้องต่อติดและเชื่อมเข้าด้วยกัน
สิ่งนี้อาจจะเป็นภาพของการยืนเคียงข้างอิสราเอล และการเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ วันนิวแมน
แท้จริงแล้ว อีกมุมหนึ่ง คือพระเยซูก็มาจากเผ่ายูดาห์
จากพระวจนะข้างต้น พระเยซูไม่เคยทำสิ่งค้านกัน
มธ. 10:5 สิบสองคนนี้พระเยซูทรงใช้ให้ออกไปและสั่งเขาว่า "อย่าไปทางที่ไปสู่พวกต่างชาติ และอย่าเข้าไปในเมืองของชาวสะมาเรีย
มธ. 10:6 แต่ว่าจงไปหาแกะหลงของวงศ์วานอิสราเอลดีกว่า
แต่ในฉบับเดิมแปลว่าอย่าไปยังที่อยู่ของพวกต่างชาติ แต่แท้จริงพระองค์ ตรัสว่า อย่าหลงหายไปดังเช่นพวกคนต่างชาติ คืออย่าเดินในทางแบบเขา หรืออย่าปฏิบัติแบบเขา
อิสราเอล (คือตระกูลภาคเหนือ) ถูกกวาดไปเป็นเชลยยังอัสซีเรีย
เอฟราอิมคือ อิสราเอลฝ่ายเหนือ + สิบเผ่า
ยูดาห์ คือ อิสราเอลฝ่ายใต้ ยูดาห์ เบนยามิน เลวี
พระองค์เศร้าพระทัยกับการผสมผสานที่เป็นภาพของการเล่นชู้ พระยาห์เวห์ทรงเป็นสามีที่แท้จริงของชนชาติของพระองค์
อสย. 54:5 เพราะพระผู้สร้างเจ้าเป็นสามีเจ้า พระนามของพระองค์คือพระยาห์เวห์จอมทัพ และองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลเป็นผู้ไถ่ของเจ้า เขาเรียกพระองค์ว่าพระเจ้าของสากลโลก
ในภาษาฮีบรู Hebrew 1748 : ki baalecha asechah, หรือเพราะสามีของคุณเป็นผู้สร้างคุณ
ในคำว่า สามี ยังหมายถึง ผู้สร้าง คือพระยาห์เวห์ และการไถ่ของพระองค์ในภาษาฮีบรู คือ
ve goalecha (Redeemer)
พระบิดาและพระบุตร เป็นทั้งสองกรณีนี้
Goalecha คือ ผู้ไถ่ของคุณ พระยาห์เวห์ โดยผ่านทาง ยาชูวาห์ (พระเยซู) ได้นำเอฟราอิมไปอยู่กับ ยูดาห์
ขออนุญาตสรุปบริบทและมุมมองอีกครั้งว่า นาง คือผู้หญิงที่เป็นตัวแทนของรัฐอิสราเอล คือเอฟราอิม Efrayim ในการกระจัดกระจาย ดังคำเผยพระวจนะ เอฟราอิมจะกลายเป็นคนต่างชาติ จึงไม่น่าที่พระเยซูจะบีบให้เธอยอมรับหรือสารภาพ ในภาพของที่เธอสำส่อน ว่ามีสามีมาเยอะแล้วถึง 5 คน
เอฟราอิมยังเล็งถึงอิสราเอลที่หลงหายกลายเป็นคนต่างชาติ และคนต่างชาติที่นมัสการรูปเคารพ เหล่านี้คือการเล่นชู้ และนอกใจพระยาห์เวห์ พระองค์คือสามี ของอิสราเอล พวกเขา คือการเล็งถึงเอฟราอิม ไม่ได้มี พระยาห์เวห์เป็นสามี ที่แท้จริงของพวกเขา
แต่พระเยซูตรัสด้วยความสุภาพ พระองค์แก้ไขเพื่อการสารภาพว่าเธอมี 5 สามี (เธอเข้าใจแล้ว) เพื่อการเปิดเผื่อความชั่วช้าที่สุดก่อนที่เธอจะพบเจอเจ้าบ่าว คือสามีที่แท้จริงของเธอ
โปรดทราบว่าพระเยซูตำหนิการดำเนินชีวิตที่ผิดศีลธรรมของเธอ ความหมายของพระเยซูเพื่อให้เธอมั่นใจได้แล้วว่าเธอไม่มีความคิดเช่นนั้นอีก
แต่พระองค์ยังตรัสคำที่น่าสนใจว่า ที่มีอยู่ปัจจุบันนี้ก็ไม่ใช่สามีของเธอ (พระองค์ทรงหวงแหนเรา)
2คร. 11:2 เพราะว่าข้าพเจ้าหวงแหนพวกท่านอย่างที่พระเจ้าทรงหวงแหน เพราะว่าข้าพเจ้าหมั้นท่านไว้กับสามีคนเดียว เพื่อถวายพวกท่านให้เป็นหญิงพรหมจารีบริสุทธิ์แด่พระคริสต์
อพย. 34:14 (ห้ามนมัสการพระอื่น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีพระนามว่า “หวงแหน” เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน)
หรือ อย่า bow = ก้มศีรษะ หรือโค้งลง นมัสการพระอื่น bow คือ shachah คือบริบทของท่วงท่าการนมัสการ และควรจะนมัสการพระเจ้าเท่านั้น
สดด. 78:58 เพราะพวกเขายั่วเย้าพระองค์ให้กริ้วด้วยเรื่องปูชนียสถานสูงของเขา ได้ทำให้พระองค์ทรงหวงแหนเขาด้วยเรื่องรูปเคารพแกะสลักของเขา
ใน ยอห์น ข้อ 22 พระคัมภีร์ทำไมโยงเรื่องการนมัสการ
สิ่งที่พวกเธอนมัสการพวกเธอไม่รู้จัก
สิ่งที่เรานมัสการเรารู้จัก เรารู้ว่าสิ่งใดเราควรนมัสการ
สำหรับความรอด
สุดท้ายนี้ผมอยากบอกว่า สามี 5 คน อาจจะหมายถึงสามีจริงๆ หรือ 5 ศาสนาที่ผสมเข้ามาก็ได้ ผมไม่ได้มีเจตนาจะตีความให้บิดเบือน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมจึงเน้นที่ว่า พระเจ้า พระบิดาทรงหวงแหนเราอย่างมาก และพระองค์ทรงเป็นสามีที่แท้จริง เราจึงไม่เล่นชู้ กับรุปเคารพ ไม่ว่าจะเป็นรูปเคารพที่เป็นพระหรือเทพ หรือสิ่งอื่นใดที่เราให้ความสำคัญหรือรักมากไปกว่า พระเจ้า
สิ่งที่ผมได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมในพระคัมภีร์ฉบับ รากฮีบรู
อสค. 23:7 เธอเล่นชู้กับคนเหล่านี้ ซึ่งเป็นบุคคลชั้นเยี่ยมของอัสซีเรียทุกคน และเธอก็ทำตัวให้เป็น
มลทิน ด้วยรูปเคารพของทุกคนที่เธอลุ่มหลงนั้น
ในสมัยอัสซีเรียนั้น กษัตริย์อัสซีเรีย ผสมผสานศาสนาเข้าด้วยกัน ซึ่งในยุคดังกล่าวสะมาเรียก็ตกอยู่ใน ช่วงเวลานั้นด้วย ผมจึงโยงสะมาเรีย กับเรื่อง ที่พระเยซูตรัสว่า เธอมีสามี 5 คนและสามี 5 คนนั้น คือ 5 ศาสนาที่ผสมเข้ามา
คนน้อง = ยูดาห์ โอโฮลาห์คือสะมาเรีย
Shomron is Ochala
and Yahrushalayim Ochaliva
ในข้อที่ (4) อสค. 23:4 คนพี่ชื่อโอโฮลาห์และน้องสาวชื่อโอโฮลีบาห์ ทั้งสองเป็นของเรา ทั้งสอง คลอดบุตรชายหญิง เรื่องชื่อนั้น โอโฮลาห์คือสะมาเรีย และโอโฮลีบาห์คือเยรูซาเล็ม
อสค. 23:31 เจ้าดำเนินตามทางของพี่สาวเจ้า เพราะฉะนั้น เราจึงมอบถ้วยของเธอใส่มือเจ้า
ข้อนี้ฉบับ Hebraic แปล สลับกับของไทยอย่างตรงข้าม คือ “คุณได้เดินไปในทางของน้องสาวของคุณและฉันจะให้ถ้วยของเธอไว้ในมือของคุณ”
ซึ่งหมายถึง ยูดาห์จะได้รับมรดกถ้วยเดียวกันของของการตัดสิน (ถ้วยของน้องสาว) และ
ถูกเนรเทศเป็น Efrayim
มาถึง ข้อ อสค. 23:36 พระยาห์เวห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า “บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจะพิพากษาโอโฮลาห์และโอโฮลีบาห์หรือไม่? จงประกาศการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกเธอให้เธอทราบ
ขอย้ำอีกสักครั้ง ว่า “จงประกาศการกระทำที่น่าสะอิดสะเอียนของพวกเธอให้เธอทราบ”
พระเยซูประกาศ อย่างชัดเจนว่า หญิงเอ๋ยเจ้ามีสามีมาถึง 5 คนแล้ว
ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น