โคโลสี 2:8
จงระวังให้ดี อย่าให้ใครทำให้พวกท่านตกเป็นทาสด้วยหลักปรัชญา
บทความนี้เขียนก่อนถึงวันสงกรานต์ (พอดีใันเป็นช่วงสงกรานต์พอดี) หลายคนอาจจะมองว่าผมมาโจมตีวันสงกรานต์อีกแล้ว เลยขออกตัวก่อนว่าก็มีส่วนจริง แต่ไม่ใช่ว่าผมจะมาพูดมุมของสงกรานต์มุมเดียว แต่ผมขอแบ่งปันภาพรวมๆครับคส. 2:8 จงระวังให้ดี อย่าให้ใครทำให้พวกท่านตกเป็นทาสด้วยหลักปรัชญา และคำหลอกลวงที่เหลวไหลตามตำนานของมนุษย์ ตามพวกภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล ไม่ใช่ตามพระคริสต์
Messianic Scriptures จงระวังให้ดี เพื่อที่ว่าจะไม่มีใครจะนำคุณไปเป็นเชลยโดยวิธีการของปรัชญา และความว่างเปล่าหลอกลวง ตามประเพณีของมนุษย์ต่อไปนี้ ซึ่งได้สอดคล้องกับวิญญาณอำนาจธรรมชาติของโลก แต่ไม่สอดคล้องกับพระเมสสิยาห์
คำว่าทาส “slave” หมายถึง syn:{ขี้ข้า}(ทาสา){ทาสี}{ไพร่}{ข้ารับใช้}{ข้าทาส}{บ่าว}
def:[ผู้ที่อุทิศตนแก่สิ่งที่เลื่อมใสศรัทธา, ผู้ที่ยอมตนให้ตกอยู่ในอำนาจสิ่งใดสิ่งหนึ่ง]
sample:[ปัจจุบัน เด็กวัยรุ่นตกเป็นทาสของยาเสพย์ติด ในรูปแบบต่างๆ มากมาย]
ทาส หมายถึง บุคคลซึ่งถูกนับสิทธิเสมือน สิ่งของของผู้อื่น ไม่มีอิสระในการดำรงชีวิต และมีหน้าที่รับใช้ผู้อื่นโดยมิได้รับการตอบแทนจากเจ้าของ (นายทาส) เช่น การรับใช้ทางด้านแรงงาน และหากไม่เชื่อฟังคำสั่ง อาจถูกลงโทษได้ตามแต่นายทาสจะกำหนด ยกเว้นเป็นการกระทำอันทำให้ถึงแก่ความตาย บางครั้งในพระคัมภีร์ใช้คำว่าบ่าว หมายถึง คนรับใช้ตามคำสั่งของเจ้านาย บ่าวไพร่ คนใช้ เป็นต้น
ในภาษาฮีบรูใช้คำว่า “eved” (slave) มีรากศัพท์มาจาก “การทำงาน” เป็นเพียงคนงานหรือคนใช้ ต่างกับคนที่ได้รับค่าจ้าง (Sakhir) ในบริบทของฮีบรู การจะเป็นทาส ขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาล หรือ จงใจให้ตัวเองเป็นทาส ซึ่งเป็นรากศัพท์เดียวกับ “avadim” (serve)หมายถึง รับใช้ คอยปรนนิบัติ
คส. 2:20 ถ้าท่านทั้งหลายตายกับพระคริสต์พ้นจากพวกภูตผีที่ครอบงำของจักรวาลแล้ว ทำไมท่านจึงมีชีวิตเหมือนกับว่าพวกท่านยังอยู่ฝ่ายโลก? ทำไมท่านยอมอยู่ใต้กฎต่างๆ
จากโคโลสี ข้อ 20 ย้อนขึ้นไปข้อ 18 คส. 2:18 อย่าให้ใครตัดสิทธิ์พวกท่านด้วยการทำทีถ่อมใจและด้วยการนมัสการพวกทูตสวรรค์ พวกเขาใฝ่ฝันอยู่ในนิมิต หยิ่งผยองอย่างไม่มีเหตุตามความคิดฝ่ายเนื้อหนังของเขา
สิ่งที่กล่าวถึงในข้อ 18 สิ่งเหล่านั้นคือกฎหมายของมนุษย์ รวมไปถึง ธรรมเนียม ประเพณีของมนุษย์ต่างๆ เช่นการบูชาเทวดา และการอ่อนน้อมถ่อมตนเท็จ
กท. 4:3 เราก็เหมือนกัน เมื่อเป็นเด็กอยู่ เราก็เป็นทาสอยู่ใต้บังคับของภูตผีที่ครอบงำของจักรวาล
กท. 4:9 แต่บัดนี้ เมื่อพวกท่านรู้จักพระเจ้าแล้ว หรือที่ถูกก็คือ พระเจ้าทรงรู้จักพวกท่านแล้ว ทำไมท่านทั้งหลายจึงกลับไปหาภูตผีที่ครอบงำของจักรวาลซึ่งอ่อนแอและอเนจอนาถ และอยากจะเป็นทาสของสิ่งเหล่านั้นอีก?
กท. 4:10 ท่านทั้งหลายถือวัน เดือน ฤดู และปี
ท่านจะ ถือวันพิเศษ ฤดูกาล (เทศกาล) และปี ของพวกภูตผีหรือ ?
สิ่งที่กาลาเทียพูดถึงคือ ปฏิทินและวันหยุดที่กำหนด มันรวมไปถึง ของพวกคนนอกรีต หรือนอกศาสนา เมื่อเราถูกปลดปล่อยให้มีเสรีภาพและเป็นอิสระ ไม่ใช่เราจะใช้เสรีภาพและตัวของเราที่ได้รับการไถ่ด้วยเลือดของพระเยซู ทำสิ่งตามใจชอบของธรรมชาติบาปอันเดิม แต่เราต้องเดินในธรรมบัญญัติผ่านพระเยซูและการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และไม่ได้ใช้เวลาตามต้นแบบของโลกนี้
ในดาเนียล
ดนล. 7:25 ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และจะคิดเปลี่ยนแปลงวาระและธรรมบัญญัติต่างๆ และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน ตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ กับครึ่งวาระ
ซาตานพยายามบิดเบือนเทศกาล วันเวลานัดพบของพระเจ้า และมันก็ทำได้ โดยเอาไปเป็นของมันเองและใส่หลายสิ่งจนวันเวลาดังกล่าวผิดเพี๊ยนไปเช่น คริสมาส และอีสเตอร์
แต่ในทางกลับกัน มนุษย์ก็พยายามอะลุ่มอะหล่วย เอาวันเวลาประเพณีที่มนุษย์สร้างขึ้นมา บูชานมัสการภูตผี ซาตานมาบิดเบือนให้เป็นวันเวลาที่ดีของพระเจ้า และพยายามเอาวันดังกล่าวมาเป็นวันของพระเจ้า เช่น สงกรานต์ สงกรานต์ผู้เชื่อหลายคนรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ และใช้คำว่าอธิษฐานอวยพระผู้หลักผู้ใหญ่ ด้วยรูปแบบของสงกรานต์
หลายคนออกไปเล่นน้ำในดง ของการเฉลิมฉลอง และบอกว่ามันแค่การละเล่นคลายร้อน คลายเครียดสนุกๆ แต่ในภาพฝ่ายวิญญาณ มันอยู่ในเวลาใดเราย่อมรู้ดี
และหลายคนบอกว่า ถ้าคริสเตียนทำตัวจำศีล หรือทำตัวโฮลี่ เราจะประกาศกับคนอื่นได้อย่างไร สงกรานต์ก็ไม่เอา ลอยกระทงก็ไม่เอา ฉันรับไม่ได้แน่ๆ
ถ้าเราเข้าใจคำว่าวันบริสุทธิ์ และเข้าใจคำว่า บริสุทธิ์ที่มาจากคำว่า คาโดช (Kadosh) ว่าหมายถึง การแยกออกมา แยกไว้โดยเฉพาะเพื่อพระยาห์เวห์โดยเฉพาะ
และพระเจ้าก็หวงแหนเราเช่นนั้นและแยกเราไว้เพื่อพระองค์โดยเฉพาะเช่นกัน พระองค์ประสงค์ให้เราบริสุทธิ์ (Kadosh )
รม. 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
คือไม่ปล่อยให้ตัวเองไปเป็นไปตามมาตรฐานของโลกนี้
ภาษาเดิมจะใช้คำว่า อย่าให้ตัวเองถูกบีบอัดเข้ากับแม่พิมพ์ของโลกนี้ (เพราะโลกนี้พยายามบังคับเราให้ดำเนินตามค่านิยมของมัน) แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ (ให้เหมือนพระองค์)
บทความนี้ผมไม่ได้ประสงค์สิ่งใดนอกเหนือจากจะหนุนใจว่า เราไม่อาจห้ามวันเวลาดังกล่าวให้มาถึง เราไม่อาจจะห้ามหรือกล่าวโทษผู้ใด เพราะเราเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา แต่เราจะหนุนใจกันอย่างไร และเราจะพิจารณาอย่างไร ในท่าทีของเราในเทศกาลต่างๆของโลกนี้ เมื่อพระเจ้าให้เราแยกตัวและสงวนจิตวิญญาณของเราไว้เพื่อพระเจ้าโดยเฉพาะ
บทความที่เกี่ยวข้อง http://missionkorat.blogspot.com
ชาโลม
ขอพระเจ้าอวยพระพร
Ktm.shachah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น