วันอังคารที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เมื่อต้องเผชิญกับความ (ไม่) จริง

เคยไหมครับ ที่เราโดนแซว หรือโดนเหน็บแนมในบางเรื่องทั้งที่
เราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเลย แหม..มันน่าแค้นใจจริงๆ
อยากจะโต้ตอบแบบ ให้ตายกันไปข้างว่า ฉันไม่ได้เป็นแบบ
ที่คุณพูดเลย
ผมเองก็เคยเจอครับ แน่นอนอดีตเราอาจจะเคยเป็น แต่
พระเจ้า พระบิดาผู้ทรงยิ่งใหญ่ได้เปลี่ยนเราแล้ว พระองค์
เชื่อใจและไว้ใจเราแล้ว แม้เราจะอาจจะมีนิสัยเดิมๆเหลืออยู่
แต่เราก็ดีขึ้นเยอะแล้วนี่ คุณเป็นใครเล่า ถึงได้มาพูดให้ฉัน
เจ็บอยู่ แบบนี้

ผมเองก็เจอเรื่องแบบนี้บ่อยเหมือนกัน ทั้งที่ต่อหน้าและลับหลัง
แต่ก่อนคงทนไม้ได้ต้องเอาคืน และพยายามมองหาจุดผิดของคน
คนนั้น แต่สิ่งที่พระเจ้าให้ผมได้เรียนรู้ และได้สอนผมก็คือ ถ้าเรายัง
โกรธ หรือไม่พอใจอยู่ลองสำรวจตัวเองก่อนว่าเป็นจริงอย่างที่เค้าพูด
หรือไม่ คำเตือนและคำสอนอาจจะไม่ได้มาจากคนที่สมบูรณ์ที่สุดใน
โลกนี้  ถ้าเรามีใจถ่อมและยอมรับคำเตือน หรือแม้แต่กระทั่ง คำกล่าว
โทษ คำพูดเหน็บแนม เสียดสีหรือเยาะเย้ยก็จะไม่มีอิทธิพลต่อความ
มั่นคงของเรา ถ้าเราไม่เป็นอย่างที่เค้าพูดก็ให้เรามีใจถ่อม และกล่าว
ถ้อยคำที่สุภาพด้วยความรัก หรือแม้แต่กระทั่งเราอาจจะมีส่วนเสี้ยวหนึ่ง
เป็นจริงอย่างที่เค้าพูดก็ถ่อมใจฟัง และสารภาพกับพระเจ้า

มีเรื่องเล่าคำพยานหนึ่งที่ผมอยากหยิบยกมา
วันหนึ่งนายบียืนคุยเรื่องบอลโลกกับพี่ซี ซึ่งเป็นการคุยกัน
นอกรอบที่โต๊ะอาหาร ตามประสาผู้ชายที่ชอบกีฬา
เมื่อนายเอฟ อีกคนหนึ่งเดินเข้ามาและกล่าวว่า
"ฟุตบอลอีกแล้วหรือ " และทำหน้าตาแบบ ฉันไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้เลย
นายบีจึงตอบว่า "ผมดูแต่รอบหัวค่ำพี่ รอบดึกผมไม่ดูหรอก"
พี่เอฟจึงตอบว่า "ไม่ดูน้อยล่ะสิ" ประมาณว่า ฉันไม่เชื่อ
สิ่งที่ผมได้เรียนรู้ ท่าทีที่ถูกต้องต่อสถานการณ์นี้ก็ คือ
นายบีบอกว่า ผมไม่ได้ดูจริงๆเพราะมันดึกเกินไป แต่ดูผลเอา
ในเมื่อผมไม่ได้ดูจริง ทำไมผมต้องโกรธ ด้วย
และนายบีพูดตอบว่า ถ้าเป็นสมัยก่อนเค้าคงจะโต้ตอบ นายเอฟไปด้วย
อาการอย่างเดียวกันว่า ทำไมพี่ไม่ดูไม้ในตาของพี่ ก่อนจะมาเขี่ยงผงใน
ตาคนอื่น ทั้งที่ตัวเองก็เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ใน facebook บ่อยๆทุกคืน
จนเกือบเช้า แถมยังดูละครชุดเกาหลีจนดึกจนดื่นทุกๆคืน

"เหตุไฉนท่านมองดูผงที่ในตาพี่น้องของท่าน   แต่ไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่าน  
ท่านก็ไม่รู้สึก เหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องว่า ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของเธอ
แต่ที่จริงไม้ทั้งท่อนมีอยู่ในตาของท่านเอง ท่านคนหน้าซื่อใจคด   จงชักไม้ทั้งท่อน
ออกจากตาของท่านก่อน   แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด   จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้อง
ของท่านได้"
มัทธิว 7:3-5

การมีทัศนคติว่าตัวเองชอบธรรม ไม่ควรมีอยู่ในชีวิตของคริสเตียน
ซึ่งควรเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน
เราจึงควรเห็นใจมากกว่าที่จะโกรธคนประเภทนี้ เพราะเค้าน่าสงสารมาก
เหลือเกิน

ใช่ครับจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราจะตอบโต้ ไม่ได้หมายความว่า
เราจะไม่อธิบายเลย เมื่อมีคนเข้าใจเราผิด แต่ท่าทีของเราจะตอบ
สนองด้วยท่าทีที่ถ่อมใจ และสุภาพ หรือความแค้นเคือง
การโต้ตอบกันด้วยอารมณ์โกรธก็ไร้สาระ

"ทางของคนทุกทางก็ถูกต้องในสายตา
ของตน  แต่พระเจ้าทรงชั่งใจ"   (พระจ้าประเมินที่จิตใจ)
สุภาษิต 21:2
เราไม่จำเป็นต้องพยายามอธิบายกับคนที่ไม่เชื่อในส่วนดีของเรา
เมื่อเราอธิบายไปแล้วต่อไปก็เป็นส่วนของพระเจ้า
พระเจ้าทอดพระเนตรและดูที่จิตใจของเราที่อยู่ภายใน

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น