วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

หัวใจแห่งความสุภาพ

หัวใจแห่งความสุภาพ


เมื่อสมัยที่ผมยังเป็นนักศึกษาและต้องทำโปรเจคหนึ่งร่วมกันเป็นงานกลุ่ม
ผมได้รับเลือกเหมือนเป็นหัวหน้ากลุ่มในการทำโปรเจคครั้งนี้
ในระหว่างการทำงานก็มักมีอุปสรรคเยอะแยะมากมาย ทั้งการที่ไม่เข้าใจ
กัน และการที่ไม่เข้าใจในการแจกแจงงาน ทำให้เหมือนกับว่าเราเองทำงาน
อยู่คนเดียว จริงๆแล้วผมไม่ควรจะใจเย็นอยู่ได้อีก และควรจะระเบิดอารมณ์
ออกมา หรือไม่ก็ต่อว่าอะไรไปสักอย่างแบบเจ็บๆให้เค้ารู้สึก
แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์บอกว่าผมควรระงับยับยั้งอารมณ์นั้นไว้

ในคริสตจักรเองก็เช่นเดียวกัน หลายครั้งที่ผมได้ยินข่าวจากคริสตจักรบางแห่ง
ที่มีการไม่เข้าใจกันภายในคริสตจักร และมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่สิ่งนั้นไม่ใช่
ประเด็น แต่ประเด็นสำคัญที่ผมได้ยินมาคือ แม้ในการประชุมกรรมการของ
คริสตจักรเอง ก็มักมีปัญหาการใช้อารมณ์ที่มีออกมาสาดใส่กัน

พระคัมภีร์บอกว่าเราเป็นทหารของพระเยซูคริสต์ ชีวิตของเราควรสะท้อน
ให้ทุกคนรอบข้างเห็นถึงพระคุณของะรัเยซูคริสต์ที่มี แน่นอนเราควรยืดหยัด
ในความเชื่อ แต่ในขณะเดียวกันเราต้องมีหัวใจของพระเจ้าแห่งความเมตตา
ต่อผู้คนรอบข้างที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับเรา
ใน 2 ทิโมธี สิ่งที่เปาโลได้ให้คำแนะนำต่อทิโมธีคือ "ให้มีใจเมตตา"
ต่อไม่ชอบความรุนแรงอันนำไปสู่การทะเลาะวิวาท แต่ให้มีใจเมตตาคือ
ต้องมีความอดทนอดกลั้น อดทนให้นาน เพื่อจะเป็นครูสอนที่เหมาะสม
ชี้แจงฝ่ายตรงข้ามที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกันด้วยความสุภาพได้

ครั้งหนึ่งที่ผมเองขับรถไปในซอยกลับบ้านซึ่งเป็นเดินรถทางเดียว
รถคันหนึ่งที่ขับสวนทางมาด้วยความเร็ว ได้เกือบจะชนกันที่มุมเลี้ยว
แต่สิ่งที่ผมทำไปโดยอัตโนมัติ คือ รอยยิ้มที่มีไปถึงเค้าและการโค้ง
หัวเล็กน้อยโดยไม่มีการฟ้องผิด หรือทำการใดอันนำไปสู่การทะเลาะ
อย่าให้เสียงใดมาหลอกคุณได้ว่า เค้าทำไม่ถูก เราต้องไม่ยอมถอยรถ
หรือไม่ก็ต้องเปิดหน้าต่างไปบอกสักหน่อย ไม่ก็บีบแตรใส่หน้าไปเลย

"ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท  
แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน   เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน
ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ   ว่าพระเจ้าอาจจะทรง
โปรดให้เขากลับใจ   และมาถึงซึ่งความจริง"
2 ทิโมธี 2::24-25

ผมขอหนุนใจว่าคริสเตียนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณนั้นไม่ได้อยู่ที่
การท่องพระคัมภีร์ได้มากมายหลายข้อ จบปริญญาเอก ดร.
หรือจบมาจากโรงเรียนพระคัมภีร์ นั่นเป็นส่วนประกอบ
แต่แก่นแท้คือ ผลของพระวิญญาณที่มีต่างหาก ว่าเรามี
ผลของพระวิญญาณหรือไม่ นั่นคือ

"ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น   คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ  
สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ
ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรม
บัญญัติห้ามไว้เลย"
กาลาเทีย 5:22-23

ถ้าเราอยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์เราต้องเอาเนื้อหนังของเรา อารมณ์เก่าๆของเรา
ตรึงไว้ที่กางเขนกับพระเยซูคริสต์
ขอพระวิญญาณเตือนเรา ที่เราจะดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2553 เวลา 02:12

    ขอบคุณมากค่ะ ผลของพระวิญญาณสำคัญมากค่ะ วันนี้ได้ระเบิดอารมณ์ออกมาใส่สามี รู้สึกแย่มากเลยค่ะ ทั้งๆที่ตอนเช้าก็อธิษฐานแล้วนะคะตั้งใจว่าจะพูดให้น้อยที่สุดแต่ก็จนได้ค่ะ..บังคับตนไม่อยู่จริงๆ ก็คงมีหลายเรื่องในใจค่ะ เขายังไม่ได้เชื่อด้วย เราก็อดทนกับหลายอย่างในเขาจริงๆ ไม่เป็นไร ยังมีความหวังค่ะ เอาใหม่ค่ะ ขอHSช่วยด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  2. ครับ เราเองที่เป็นมนุษย์เป็นไปได้เสมอที่เราจะพลาดพลั้งไป แต่เราต่างกับโลกตรงที่ว่าเรามีพระเจ้า ที่คอยอยู่เคียงข้างกับเรา สอนเรา ปลอบใจเรา พระเจ้าดูที่หัวใจของลูกพระองค์ต่างหาก แม้เราจะพลาดไป พระเจ้าทอดพระเนตรดูที่จิตใจ คุณบอกว่าได้พยายามแ้ล้ว นั้นแหละครับ ครั้งหน้าเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ ขอบคุณพระเจ้าครับ

    ตอบลบ