สิ่งเดียวที่คงอยู่
เราเคยได้ยินคำสอนมากมายและเราก็เชื่อแน่ว่า พระเจ้าคือผู้ที่เราต้อง
พึ่งพาเท่านั้น พระคัมภีร์ตอนหนึ่งที่ผมประทับใจคือ
ยอห์น 15:5
"เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและ
เราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเรา
แล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย"
ฉบับ NIV ถ้าผู้ใดคงอยู่ในเรา และเราคงอยู่ในเขา
เพราะเราขาดจากพระองค์ไม่ได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เรามีความสุขสบาย
ตามเนื้อหนังของเรา ความเป็นอยู่ของเราที่ดี เราก็จัดการให้พระเจ้าพัก
ไม่ต้องพึ่งพาพระองค์ โดยที่เราก็เดินไปเองโดยลำแข้งของตัวเอง เราคิด
ว่าเราพึ่งตัวเองได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้า
แต่เมื่อเรากลับมาเจอความทุกข์เมื่อใด หมดกำลังไป และไม่มีคำตอบใน
ชีวิต ไม่พบหนทางที่จะเดินก้าวต่อไป หันไปทางไหนก็มืดมนไปหมด วันนั้น
แหละเราถึงจะกลับมาหาพระองค์และเรียกหาพระองค์ที่เราได้เดินจากมา
และเราถึงจะเชื่อว่าพระองค์จะช่วยเราได้หลังจากที่เราพ่ายแพ้ด้วยกำลัง
ของตัวเองที่พยายามต่อสู้
ถ้าเรากำลังเจอความทุกข์โศกอย่างที่สุด ความยากลำบากที่มีเข้ามาในชีวิต
เราคิดว่าเราไม่เหลืออะไรเลยในความมืด ดังเพลงที่บอกว่า
"เมื่อความมืดมิด คืบคลานเข้ามา เมื่อดวงตาบอด ซ่อนฉันจากพระองค์"
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างได้หลุดลอยไปหมดแล้ว อย่าพึ่งเศร้าใจไป เรายังไม่หมด
หวังเรายังมีแสงสว่างอยู่ "เยซูมา"
เรายังมีพระเยซูที่คอยเราอยู่จากที่ที่เราเดินจากมา และพร้อมจะนำเราไปสู่
ชัยชนะได้ ใน
2 พงศาวดาร 20:3-17
"และเยโฮชาฟัทก็กลัว และมุ่งแสวงหาพระเจ้า และได้ทรงประกาศให้อดอาหารทั่วยูดาห์ และยูดาห์ได้ชุมนุมกันแสวงหาความช่วยเหลือจากพระเจ้า เขาทั้งหลายพากันมาจากหัวเมืองทั้งสิ้นแห่งยูดาห์ เพื่อแสวงหาพระเจ้า
และเยโฮชาฟัทประทับยืนอยู่ใน ที่ประชุมของยูดาห์และเยรูซาเล็ม ในพระนิเวศของพระเจ้า ข้างหน้าลานใหม่ และตรัสทูลว่า “ข้าแต่พระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษ ของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าใน
ฟ้าสวรรค์หรือ พระองค์มิได้ปกครองเหนือบรรดาราช อาณาจักรของประชาชาติหรือ ในพระหัตถ์ของพระองค์มีฤทธิ์และอำนาจ จึงไม่มีผู้ใดต่อต้านพระองค์ได้ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย พระองค์มิได้ทรงขับไล่
ชาวแผ่นดินนี้ออก ไปเสียให้พ้นหน้าอิสราเอลประชากรของพระองค์หรือ และทรงมอบไว้แก่เชื้อสายของอับราฮัมมิตรสหายของ พระองค์เป็นนิตย์ และเขาทั้งหลายได้อาศัยอยู่ในนั้น และได้สร้างสถานนมัสการแห่งหนึ่งในนั้น
ถวายพระองค์ เพื่อพระนามของพระองค์ ทูลว่า 'ถ้าเหตุชั่วร้ายขึ้นมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลายจะเป็นดาบ การพิพากษา หรือโรคระบาด หรือการกันดารอาหาร ข้าพระองค์ทั้งหลายจะยืนอยู่ต่อหน้าพระนิเวศ นี้และต่อ
พระพักตร์พระองค์ เพราะพระนามของพระองค์อยู่ในพระนิเวศ และร้องทูลต่อพระองค์ในความทุกข์ใจของข้าพระองค์ทั้งหลาย และพระองค์จะทรงฟังและช่วยให้รอด' ดูเถิด บัดนี้คนอัมโมนและโมอับ และภูเขาเสอีร์ ผู้
ซึ่งพระองค์ไม่ทรงยอมให้คนอิสราเอลบุกรุก เมื่อเขามาจากแผ่นดินอียิปต์และผู้ ซึ่งเขาได้หลีกไปมิได้ทำลายเสีย ดูเถิด เขาทั้งหลายได้ให้บำเหน็จแก่เรา ด้วยมาขับเราออกเสีย จากแผ่นดินกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ซึ่งพระองค์
ประทานให้แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นมรดก ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงกระทำ การพิพากษาเหนือเขาหรือ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่มีฤทธิ์ที่จะต่อสู้คน หมู่มหึมานี้ ซึ่งกำลังมาต่อสู้กับข้าพระองค์
ทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ทราบว่าจะกระทำประการใด แต่ดวงตาของข้าพระองค์ทั้งหลายเพ่งที่พระองค์”
ในระหว่างนั้นคนทั้งปวงของยูดาห์ก็ ยืนอยู่ต่อพระพักตร์พระเจ้าพร้อมกับภรรยาและลูกหลานของเขา และพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จมา สถิตกับยาฮาซีเอลบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรเยอีเอล ผู้เป็น
บุตรมัทธานิยาห์เป็นคนเลวีเชื้อสายของอาสาฟ เมื่อท่านอยู่ท่ามกลางที่ประชุมนั้น และเขาได้พูดว่า “ยูดาห์ทั้งปวงและชาวเยรูซาเล็มทั้งหลาย กับกษัตริย์เยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระเจ้าตรัสดังนี้แก่ท่านทั้งหลายว่า 'อย่ากลัว
เลย และอย่าท้อถอยด้วยคนหมู่มหึมานี้เลย เพราะว่าการสงครามนั้นไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า พรุ่งนี้เช้าจงลงไปต่อสู้กับเขา ดูเถิด เขาจะขึ้นมาทางขึ้นที่ตำบลศิส ท่านทั้งหลายจะพบเขาที่ปลายหุบเขา ทาง
ตะวันออกของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล ไม่จำเป็นที่ท่านจะต้องสู้รบในสงครามครั้งนี้ โอ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งอยู่และดูชัยชนะของพระเจ้าเพื่อท่าน' อย่ากลัวเลย อย่าท้อถอย พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับเขา
และพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับ ท่าน”
ตอนนี้คนยูดาห์ก็พบเจอปัญหาเช่นเดียวกันกับที่กล่าวมา พวกเขารู้สึกขาด
ปัญญา ขาดเรี่ยวแรง และกำลังที่จะเอาชนะศัตรู แต่เขายังรู้ว่าเขายังมีพระ
เจ้า มุมมองด้านบวกของกษัตริย์เยโฮชาฟัท กับประชากรของพระองค์เชื่อ
ว่านี่คือความหวังเดียวของพวกเขา เขายังไม่หมดหวังในเหตุการณ์นี้ พวก
เขาเพ่งมองที่พระองค์ ในข้อ 12 กล่าวว่า
"ดวงตาของข้าพระองค์ทั้งหลายเพ่งที่พระองค์"
ถ้าเราพิจารณษดูในคำอธิฐานของกษัตริย์เยโฮชาฟัท กษัตริย์เยโฮชาฟัท
ได้วางใจในพระเจ้าสำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการเชื่อว่าพระองค์
เท่านั้นที่สามารถช่วยประเทศนี้ได้ กษัตริย์เยโฮชาฟัทยอมรับว่าพระเจ้า
มีฤทธิ์อำนาจยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง ที่เราคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ พระเจ้าอยู่
เหนือสถานการณ์ในปัจจุบัน นี่คือสิ่งที่พระเจ้าพอพระทัยต่อการตอบ
สนองของ กษัตริย์เยโฮชาฟัท
เราต้องจดจ่อที่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าไม่ใช่กำลังของตัวเราเอง เพราะ
ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับศัตรูมากมาย รวมถึงการทดลองต่างๆ
ความกดดันที่เข้ามา พระเจ้าตรัสว่า พระองค์ได้ประทานวิญญาณใน
เรา คือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เมื่อใดที่เผชิญกับความยากลำบากทุกข์
ยากที่กดดันเข้ามา พระองค์จะต่อสู้แทนเรา และแน่นอนเราจะได้รับชัย
ชนะแน่นอน แต่การที่พระเจ้าจะสู้แทนเรา เราต้องยอมรับว่าศึกนี้เป็นของ
พระองค์ ต้องยอมรับว่าเรามีความจำกัด เรามีความกลัว และอ่อนแอที่ต้อง
มีพระผู้ช่วย
เราต้องเชื่อว่าความหวังเดียวที่เรามี จะไม่สูญเปล่า ความหวังคือ ตั้งใจว่า
จะทำได้ ปองไว้ หมายไว้ คือในพระเจ้า ว่าพระองค์จะกระทำตามพระสัญ
ญาที่พระองค์ยืนยันไว้ พระสัญญาที่เป็นพันธะที่พระเจ้าทรงตรัสแล้วไม่
คืนคำ แม้ขีดๆหนึ่งก็ไม่หายไปจากพระสัญญาของพระองค์
มัทธิว 5:18
"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ตราบใดที่ฟ้าและดินดำรงอยู่
แม้อักษรหนึ่งหรือขีดๆหนึ่งก็จะไม่สูญไปจากธรรมบัญญัติ จนกว่าสิ่ง
ที่จะต้องเกิด ได้เกิดขึ้นแล้ว"
สุดท้ายนี้ ผมหนุนใจให้เราอดอาหารอธิฐาน ไม่ใช่เพราะผมพูด แต่พลัง
ในการอดอาหารจะนำพาคุณในยามที่คุณมองไม่เห็นแม้แสงสว่างในที่
มืด เพื่อเราจะไม่สาละวนกับการทำอาหาร และไม่ต้องรับประทานอาหาร
เราก็จะมีเวลามากขึ้น ที่จะใคร่ครวญ กับพระเจ้าขอความช่วยเหลือจาก
พระองค์ "เมื่อใดที่เราอ่อนแอ เมื่อนั้นเราก็เข้มแข็ง" เพราะในความอ่อน
แอ เราจะพบพระองค์
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น