วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คริสตจักรถุงหนังใหม่

คริสตจักรถุงหนังใหม่

คริสตจักรถุงหนังใหม่
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายท่านคงได้ยินคำว่า คริสตจักรถุงหนังใหม่
ผมเองก็เคยได้ยิน และก็มีหลายเสียง หลายความคิดที่วิจารณ์
ไปต่างๆ หลายมุมด้วยกัน ส่วนเราเองก็ได้รับคำชมเหล่านั้นมาก
มาย บ้างก็ชมเราว่าบ้า บ้างก็ชมเราว่าเพี๊ยน บ้างก็ชมเราหลงทิศ
หลงทางเสียแล้ว จุดที่โดนโจมตีมักเป็นจุดที่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สักเท่าไร เช่นการเป่าเขาสัตว์ การไม่จัดวันอีสเตอร์ การยกเลิกที่
จะไม่จัดวันคริสต์มาส ไม่มีการหาไข่ การจัดเทศกาลแบบยิว เช่น
อยู่เพิง การดูและถือปฏิทินของพระเจ้า
บางครั้งก็ว่าเราในเรื่องเก่าๆในอดีต ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ผมเชื่อ
ว่าพระเจ้าสามารถเปลี่ยนเราได้
ครั้งนี้จึงอยากเขียนบทความเกี่ยวกับถุงหนังใหม่เพื่อ ให้เป็นประโยชน์
ไม่มากก็น้อยสำหรับทุกท่านที่ผ่านเข้ามาใน Blog น้อยๆนี้ เท่าที่จะ
สามารถถ่ายทอดได้

ในยุคปัจจุบันนี้พระเจ้ากำลังเร่งทำงานของพระองค์เพราะเวลานั้น
ใกล้เข้ามาแล้ว ที่พระองค์จะเทการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลงมา
พระองค์กำลังรื้อฟื้นคริสตจักรให้เข้าสู่แผนการต้นแบบของพระองค์
นั้นคือแผนการแรกเริ่มตามพระประสงค์
เมื่อมีการเคลื่อนไหวและการเจิมใหม่ๆ ตามที่เราร้องขอว่า
"พระเจ้า ขอเทเหล้าองุ่นของพระองค์มาให้เรา"
หลายคนรอคอยและบ่น แต่พระเจ้าไม่เคยล่าช้า แต่ที่พระองค์ช้าก็เพราะ
ความรักความอดทนที่มีต่อเราให้โอกาสเราที่จะเปลี่ยน
"พระเจ้า ขอเทเหล้าองุ่นของพระองค์มาให้เรา" นั่นก็คือพระสิริของพระเจ้า
แต่สิ่งที่พระองค์ถามกลับเราคือ "ถุงหนังใหม่อยู่ที่ไหนล่ะ ?" พระเจ้า
กำลังรอคอยที่จะเทเหล้าองุ่นนั้นลงมาพระองค์ต้องการถุงหนังใหม่
ที่จะรักษาเหล้าองุ่นใหม่ของพระองค์
ในสมัยก่อนนั้นถุงหนังแท้ใช้ในการเก็บเหล้าองุ่นหมักเมื่อใดก็ตามที่เรานำ
ถุงหนังเก่ามาใส่เหล้าองุ่นหมัดใหม่ถุงก็จะรั่วไม่สามารถเก็บเหล้าองุ่นนั้นได้
เพราะถ้าใส่เหล้าองุ่นหมักใหม่ลงไปถุงหนังเก่าที่ใช้แล้วจะไม่สามารถขยาย
ตัวได้มันจะแข็งและแตกออกจนเหล้าองุ่นรั่วออกมาหมด และถุงหนังก็ไม่
มีประโยชน์ต่อไป
เหล้าองุ่นหมักใหม่จึงต้องเทลงในถุงหนังใหม่นั่นคือพระสิริของพระเจ้า
ที่จะเทลงมาสู่คริสตจักร คริสตจักรถุงหนังใหม่นั้นจึงจะสามารถเก็บเหล้า
องุ่นได้ (คริสตจักรคือถุงหนัง)

มัทธิว 9:17
"และเขาไม่เอาน้ำองุ่นหมักใหม่   มาใส่ในถุงหนังเก่า   ถ้าทำอย่างนั้นถุงหนัง
จะขาด   น้ำองุ่นจะรั่ว   ทั้งถุงหนังก็จะเสียไปด้วย   แต่เขาย่อมเอาน้ำองุ่นหมัก
ใหม่ใส่ในถุงหนังใหม่   แล้วทั้งสองอย่างก็อยู่ดีด้วยกันได้"
ลูกา 5:37-39
"ไม่มีผู้ใดเอาน้ำองุ่นหมักใหม่มาใส่ไว้ในถุงหนังเก่า   ถ้าทำอย่างนั้นน้ำองุ่นหมักจะทำ
ให้ถุงหนังเก่าขาดไป   และน้ำองุ่นจะรั่ว   ถุงหนังก็จะเสียไปด้วย แต่น้ำองุ่นหมักใหม่
ต้องใส่ในถุงหนังใหม่ ไม่มีผู้ใดเมื่อกินเหล้าองุ่นเก่าแล้ว   จะอยากได้น้ำองุ่นหมักใหม่
เพราะเขาย่อมว่า   ของเก่านั้นดีแล้ว"
ในพระคัมภีร์บอกเราว่าเราจะเป็นถุงหนังใหม่ที่จะเก็บเหล้าองุ่นแห่งพระสิริ
ที่จะเทลงมาได้อย่างไร ?

เอเฟซัส 4:11-12
"ของประทานของพระองค์   ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต   บางคนเป็นผู้เผย
พระวจนะ   บางคนเป็นผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ   บางคนเป็นศิษยาภิบาลและ
อาจารย์ 12เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้   เพื่อเสริมสร้างพระกาย
ของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น"

นี่คือคริสตจักรถุงหนังใหม่ที่พระเจ้ารอคอยและมองหามานาน และทรงเรียกให้เราเป็น
องค์ประกอบ 5 ประการ ของคริสตจักรถุงหนังใหม่
1.อัครทูต
2.ผู้เผยพระวจนะ
3.ครู อาจารย์
4.ศิษยาภิบาล
5.ผู้ประกาศข่าวประเสริฐ


พระเจ้าได้ออกแบบคริสตจักรที่มีการร่วมกันของของประทานทั้ง 5 อย่าง
จากคนในคริสตจักร ขงประทานทั้ง 5 อย่างนี้มีจุดประสงค์เดียวกัน
มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ เพื่อเตรียมธรรมิกชนในการทำพระราชกิจ

นั่นคือไม่ใช่คนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นมามีตำแหน่ง
ในคริสตจักรเท่านั้น แต่แผนการของพระเจ้าคือเพื่อทั้งคริสตจักร
เต็มไปด้วยผู้รับใช้ซึ่งทุกคนสามารถทำการเทศนา รักษาโรค
ทำการปลดปล่อย ขับผี และเผยพระวจนะได้

สิ่งที่เราเห็นในพระคัมภีร์คือ
1.พวกเขาทุกคนสามารถออกไปและเทศนา
กิจการ 8:4
"ฝ่ายศิษย์ทั้งหลายซึ่งกระจัดกระจายไป   ก็เที่ยวประกาศพระวจนะนั้น"


2.พวกเขาทุกคนสามารถรักษาโรค
มาระโก 16:17-18
"มีคนเชื่อที่ไหนหมายสำคัญเหล่านี้จะบังเกิดขึ้นที่นั้น   คือเขาจะขับผีออก
โดยนามของเรา   เขาจะพูดภาษาแปลกๆ 18เขาจะจับงูได้  
ถ้าเขากินยาพิษอย่างใด   จะไม่เป็นอันตรายแก่เขา   และเขาจะวาง
มือบนคนไข้คนป่วย   แล้วคนเหล่านั้นจะหายโรค"


3.พวกเขาทุกคนสามารถทำการอัศจรรย์
ยอห์น 14:12
"เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า   ผู้ที่วางใจในเราจะกระทำกิจการ
ซึ่งเราได้กระทำนั้นด้วย   และเขาจะกระทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก  
เพราะว่าเราจะไปถึงพระบิดาของเรา"

4.พวกเขาทุกคนสามารถเผยพระวจนะ
1 โครินธ์ 14:3
"ฝ่ายผู้ที่เผยพระวจนะนั้น   พูดกับมนุษย์ทำให้เขาเจริญขึ้น  
เป็นที่หนุนจิตชูใจ"

5.ทุกคนควรสั่งสอน
ฮีบรู 5:15

แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ได้พบเจอในคริสตจักรส่วนใหญ่ในสมัยนี้เลย
ทุกวันนี้เรามักคิดว่า ศิษยาภิบาล คือคนเดียวที่ลุยและสมาชิกแบบเรา
ก็คือผู้ชม คริสตจักรในปัจจุบันจึงไม่ได้ถูกฝึกฝน

สิ่งที่พระเจ้าต้องการให้คริสตจักรทำ
ทุกคนมีหน้าที่แต่ละอย่างที่สำคัญ
1.อัครทูต
จัดระเบียบ สถาปนา และส่งออกไป

2.ผู้เผยพระวจนะ
ให้นิมิต และทิศทาง

3.ครูอาจารย์
สั่งสอนและฝึกฝน

4.ศิษยาภิบาล
ปลอบโยน ดูแลและปกป้อง

5.ผู้เผยแพร่ข่าวประเสริฐ
นำคนมาถึงความรอด หมายสำคัญ และการอัศจรรย์

............


เราเรียกว่าพันธกรทั้ง 5
เอเฟซัส 4:12-16
"เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้   เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
ให้จำเริญขึ้น จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ  
และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า   จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่  
คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป  
ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง 
และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง แต่ให้เรายึด
ความจริงด้วยใจรัก   เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ  
คือพระคริสต์ คือเนื่องจากพระองค์นั้น   ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและ
ประสานกันโดยทุกๆข้อต่อที่ทรงประทาน   ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก  
เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว"

ผลของพันธกรทั้ง 5
1.เพื่อพระกายขององค์พระเยซูคริสต์จะถูกสร้างขึ้น
2.เราทั้งหมดจะไปถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในความเชื่อ
และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า
3.เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
4.เราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปาก
5.เราจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์

แต่คริสตจักรในระบบเดิมนั้น
เมื่อสมาชิกมาประชุมวันอาทิตย์ ได้นมัสการพระเจ้า
ได้ถวายทรัพย์ เรียนรวีศึกษา เรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตอย่างมีศีลธรรม
ไม่ได้ฝึกฝน พันธกรทั้ง5 ไม่ได้เรียนเยียวยารักษา เผยพระวจนะ และรับใช้

โครงสร้างคริสตจักรระบบเดิม
..............
 เราอยู่ในระบบนี้มา 500 ปีแล้ว คริสตจักรดั่งเดิมไม่ได้มีระบบแบบนี้
คริสตจักรที่พระเจ้าสถาปนาในดั่งเดิมไม่ได้มีระบบแบบนี้
คริสตจักรแบบนี้ไม่ได้เคลื่อนแบบพันธกรทั้ง 5
แม้จะมีก็มีแต่ในส่วนของผู้นำเท่านั้นที่จะทำได้
งานของ ศิษยาภิบาลนั้นทำเกือบจะทุกอย่าง
ศิษยาภิบาล ทำงานคริสตจักรบริหารงาน
ศิษยาภิบาล ทำงานรับใช้ในคริสตจักรด้วยตัวเอง
ศิษยาภิบาล ต้องรับปัญหาของคริสตจักรและสมาชิกคนเดียว
รับผิดชอบพิธีต่างๆ มหาสนิท บัพติศมา งานแต่งงาน งานศพ
งานประกาศ พันธกิจปลดปล่อยต่างๆ และการให้คำปรึกษา อื่นๆอีกมากมาย

เมื่อเราเข้าไปในคริสตจักรสิ่งแรกที่เรามักได้ยินเป็นคำถามคือ
ใครคือศิษยาภิบาล ?
ใครดูแลรับผิดชอบคริสตจักร ?
แน่นอนศิษยาภิบาลมีสิ่งดีๆหลายอย่างและมีความสำคัญ
เราไม่ได้จะทิ้งศิษยาภิบาล แต่ยังไม่ใช่รูปแบบถุงหนังใหม่ที่พร้อมจะรองรับ
เหล้าองุ่นใหม่ของพระเจ้า

ทำไมคริสตจักรถึงต้องเปลี่ยน ?
เพราะถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงมันก็เป็นการยากมาก และเป็นไปไม่ได้เลย
ด้วยซ้ำที่จะรับเหล้าองุ่นใหม่ในถุงหนังเก่า โครงสร้างเก่า คริสตจักร
ที่เป็นระบบ ศิษยาภิบาล ก็จะไม่สามารถรับโครงสร้างใหม่ๆที่ใส่ข้ามาได้

ความแตกต่างของ 2 ระบบ
...............



การพยายามเอา คริสตจักร ศิษยาภิบาลมาดำเนินการในแบบพันธกรทั้ง 5
ก็เหมือนเอาโปรแกรม Apple ไปใส่ใน IBM มันก็ทำงานร่วมกันไม่ได้

คริสตจักรแบบ ศิษยาภิบาลจึงมักคิดว่าสมาชิกเป็น ฆราวาส วกเขาจึงไม่ได้ถูกฝึกฝน
และกลายเป็นแกะที่ช่วยตัวเองไม่ได้ และต้องการให้มีคนดูแล

คริสตจักรแบบอัครทูต
มีความรู้และเข้าใจว่า สมาชิกทุกคนถูกเรียกให้รับใช้ (เป็นผู้รับใช้)
การทรงเรียกและเป้าประสงค์ในชีวิตนั้นก็คือ
การได้ทำพระราชกิจของพระเยซู แต่ละคนทุกคนต้องได้รับการเตรียมเพื่อที่จะรับใช้
ด้วยฤทธิ์อำนาจอย่างมีประสิทะภาพทุกคน

จุดประสงค์ของคริสตจักรแบบศิษยาภิบาลนั้นคือ
การปลอบโยน ดูแล แก้ไขปัญหาชีวิต เลี้ยงดูลูกแกะ ให้พวกเขาสุขสบาย
มันดีแน่นอน แต่ผลที่จะได้นั้นคือ สมาชิกต้องพึ่งพาผู้นำ คนมากมายถูก
สอนให้พึ่งพาผู้นำ เพื่อเขาจะแข็งแรงฝ่ายวิญญาณ

จุดประสงค์ของคริสตจักรแบบอัครทูต (คริสตจักรถุงหนังใหม่)คือ
เตรียมผู้เชื่อทุกคนให้รับใช้
เอเพซัส 4
"เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้   เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์
ให้จำเริญขึ้น จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ  
และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า   จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่  
คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์ เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป  
ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง  
และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง
แต่ให้เรายึดความจริงด้วยใจรัก   เพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะ  
คือพระคริสต์ คือเนื่องจากพระองค์นั้น   ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและประสาน
กันโดยทุกๆข้อต่อที่ทรงประทาน   ได้จำเริญเติบโตขึ้นด้วยความรัก  
เมื่ออวัยวะทุกอย่างทำงานตามความเหมาะสมแล้ว"

เราต้องเปลี่ยนวิธีคิด เพื่อจะเป็นคริสตจักรถุงหนังใหม่ คริสเตียนมากมายมีวิธีคิด
และหาเหตุผลที่จะกันเราออกจากการเปลี่ยนแปลงสู่อัครทูต ความคิดเชิงศาสนา
อย่างที่เราได้รับตกทอดมา ทำให้เรามีกรอบความคิดที่ว่า ศิษยาภิบาลคือ
ตำแหน่งสูงสุดในคริสตจักร

แล้วถ้าเราเปลี่ยน ศิษยาภิบาลจะทำอย่างไร ?
เราก็ยอมให้ศิษยาภิบาลเป็นในสิ่งที่พวกเขาเป็นกันอยู่
ศิษยาภิบาล บางคนก็ไม่ใช่ศิษยาภิบาลจริงๆ พวกเขาบางคนอาจจะเป็นอัครทูต
ผู้เผยพระวจนะ ครูอาจารย์ ผู้ประกาศ

แต่ถุงหนังเก่าจะบีบบังคับให้ทุกๆอย่างมาอยู่ในแม่พิมพ์เดียวกัน
ทำอะไรอย่างเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วเราต้องรู้ว่าพวกเขาเป็นอะไร ?
และยอมให้พวกเขาที่จะก้าวมาทำสิ่งที่พระเจ้าให้ของประทานแก่พวกเขา
ที่จะทำ และทุกๆของประทานที่มีความหลากหลายก็จะทำงานร่วมกันได้

เมื่อเราเข้าไปในคริสตจักรและยังมีคำถามในใจว่า ?
"ใครคือศิษยาภิบาล" แต่เราความตั้งคำถามในใจใหม่ว่า
ใครคือ อัคทูต ผู้เผยพระวจนะ ครูอาจารย์ ผู้ประกาศ
พระเจ้าต้องการนำเราไปสู่วิธีการคิดแบบใหม่ พระองค์สอนหนทางใหม่ๆ
แก่เราสำหรับการทำคริสตจักร
1.อัครทูต และผู้เผยพระวจนะ จะทำการวางตำแหน่งพื้นฐานต่างๆ
ท่านได้ถูกประดิษฐานขึ้น   บนรากแห่งพวกอัครทูตและพวกผู้เผยพระวจนะ  
พระเยซูคริสต์ทรงเป็นศิลามุมเอก
เอเฟซัส 2:20

2.ครูอาจารย์ ให้รากฐานในพระวจนะ และทำารฝึกฝนผู้คนให้สำเร็จตาม
เป้าประสงค์ในชีวิตของพวกเขา

3.ผู้ประกาศ พาคนหลงหายมาสู่พระเยซู

4.ศิษยาภิบาล มีศิษยาภิบาลมากมายที่รักษาเยียวยา ปลอบโยน และทำให้ฝูงแกะ
เข้มแข็งขึ้น

จะได้พันธกรทั้ง 5 ได้อย่างไร ?
1 โครินธ์ 12:28 ได้วางลำดับ
"และพระเจ้าได้ทรงโปรดตั้งบางคนไว้ในคริสตจักร   คือหนึ่งอัครทูต   สองผู้เผยพระวจนะ  
สามครูบาอาจารย์   แล้วต่อจากนั้นก็มีผู้กระทำการอันเป็นอิทธิฤทธิ์   ผู้รักษาโรค  
ผู้อุปการะ   ผู้ครอบครอง   และผู้รู้ภาษาแปลกๆ"

พระเจ้าทรงแต่งตั้ง
1.อัคทูต
2.ผู้เผยพระวจนะ
3.ครูอาจารย์
ต่อจากนั้น ผู้ทำการอิทธิฤทธิ์ ผู้รักษาโรค ผู้อุปการะ และอื่นๆ
พระเจ้าได้เริ่มต้นด้วยอัครทูต อัครทูตมีการเจิมเพื่อจัดตั้ง พันธกรทั้ง5
ผลที่ได้คือธรรมิกชนเริ่มทำการรับใช้
เอเฟซัส 4
เมื่อคริสตจักรมีพันธกรทั้ง 5
- พระกายพระคริสต์ถูกสร้างขึ้น
- เราทั้งหมดได้ไปถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อ และในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า
- เราเติบโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์
- เราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไป ถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปาก
- เราจะจำเริญขึ้นทุกอย่าง สู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์

นี่คือคริสตจักรแบบถุงหนังใหม่ที่ได้อธิบายอย่างคร่าวๆ

เพิ่มเติม

จักรพรรดิคอนสแตนติน นักปกครองเจ้าคนหนึ่งในสมัยนั้นที่ใช้จิตวิทยาทางศาสนา
ครอบงำคริสตจักรเพื่อง่ายต่อการปกครอง เขาได้ทำการเปลี่ยนแปลงวิธีการและรูป
แบบของพระเยซูคริสต์มาเป็นรูปแบบของตัวเขาเอง โดยมีพื้นฐานของพวกบูชาพระอาทิตย์
ทุกอย่างจึงเน้นไปที่วันอาทิตย์
สิ่งที่ จักรพรรดิคอนสแตนตินกำหนดขึ้นมาใหม่
1. ยกเลิกคริสตจักรตามบ้าน ทุกคนต้องมาโบสถ์
2. ยกเลิกกิจกรรมคริสตจักรตามบ้าน
3. ยกเลิกตำแหน่งงานของประทานทั้ง5 เหลือแค่ศิษยาภิบาล บาทหลวง
4. ต้องสารภาพบาปกับบาทหลวงเท่านั้น
เรื่องสำคัญๆจะถูกรายงานให้จักรพรรดิคอนสแตนตินทราบ
4. วันอาทิตย์เป็นวันสะบาโต
5. เปลี่ยนวันฟื้นคืนพระชนม์ เป็นวันอีสเตอร์วันอาทิตย์
6. กำหนดประสูติของพระเยซูเป็นวันที่ 25 ธันวาคม (วันเกิดพระอาทิตย์)
7. เปลี่ยนชื่อเทพของกรีกหรือโรมัน เป็นบุคคลในพระคัมภีร์ เช่น ใครบูชาเทพไอรีสก็ให้บูชาพระแม่มารี

เมื่อรวมทุกศาสนาทุกลัทธิมาไว้ภายใต้ศาสนาคริสเตียนของ จักรพรรดิคอนสแตนตินแล้ว
จักรพรรดิคอนสแตนตินก็ตั้งตนเองเป็นผู้นำศาสนาใหญ่สูงสุด

นี่เป็นเพียงข้อมูลคร่าวๆซึ่งรายละเอียดจะทยอยลงเรื่อยๆครับ
ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้หมายความว่า เราต้องเปลี่ยนไปนมัสการวันเสาร์ แต่พันธกรทั้ง 5 ที่หายไปเราต้อง
รื้อฟื้นและเรียกกลับมาคืน
คริสตจักรเราก็ยังจัดเฉลิมฉลองในวันที่ 25 แต่เราไม่ประกาศและสื่อสารว่าเป็นวันประสูติ
เรายังมีการรับประทานอาหารร่วมกัน นมัสการร่วมกัน


ศึกษาข้อมูลจากงานสัมนาคริสตจักรถุงหนังใหม่ครั้งแรกๆ
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น