หว่านอะไรก็ได้สิ่งนั้น
การที่เราจะปลูกอะไรสักอย่าง เราต้องได้เมล็ดพันธุ์มาเพื่อที่เราจะหว่านลงไป
และก็แน่นอนที่เมื่อเราจะปลูกอะไร ก็ต้องหว่านเมล็ดพันธ์นั้นลงไป และเราก็
จะได้เฝ้ารอ อดทน และเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น
ผมสมมุติว่าถ้าเราจะทานข้าว เราก็ต้องหว่านข้าว อดทนดูแล ด้วยความยาก
ลำบาก แต่มันก็คุ้มค่าเมื่อถึงเวลาเก็บเกี่ยว แน่นอนเราสามารถเดินไปในร้าน
สะดวกซื้อ และถือถุงข้าวที่สำเร็จ และเดินไปจ่ายเงินที่เคาร์เตอร์ บางครั้งชีวิต
คริสเตียนที่เราดำเนินเราก็เหมือนต้องการหลายสิ่งหลายอย่างในทันทีทันใด
เราอยากเดินไปร้านสะดวกซื้อ และซื้อ ความสุข สันติสุข ความรู้ความสามารถ
ทางพระวจนะ อยากประกาศเก่งๆ อยากเสรีภาพจากความกลัว แต่เราก็จะได้คำ
ตอบว่า "เราไม่ได้ขายที่ผลลัพธ์ แต่ขายเมล็ดเท่านั้น"
อาจารย์เปาโลตอกย้ำความสำคัญของการหว่านเมล็ดพันธุ์ แห่งพฤติกรรมที่ถวาย
เกียรติแด่พระเจ้าของเรา
"เพระว่าผู้ใดหว่านอะไรลงไปก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น"
กาลาเทีย 6:7
เราต้องเห็นความสำคัญในส่วนที่เราต้องทำ ถ้าเรายังเหมือนเดิม ตัวเก่าๆ เราก็จะไม่
ได้เห็นพระพร ตัวอย่างที่ยกได้บ่อยๆก็คือ ชนชาติอิสราเอลที่เดินในถิ่นทุรกันดาร
พระเจ้าได้ให้ความหวัง พระเจ้าได้ให้การช่วยเหลือ พระเจ้าได้อดทนอดกลั้น
หลายครั้ง ในชีวิตเดิมๆที่เขาได้กระทำ พระเจ้าเอาเขาเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
ก็เพื่อเขาจะได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อ และเข้าไปเก็บเกี่ยวมันในแผ่นดิน
ที่ทรงมอบไว้ แต่เขาต้องการแบบสำเร็จรูปเลย เดี๋ยวนั้นเลย เขาไม่ต้องการเป็น
ผู้หว่าน แต่จะรอเป็นผู้ซื้อ
เราอาจจะไม่อยากเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เราอาจะเห็นคนที่ไม่ค่อยโกรธ
พูดจาสุภาพอ่อนน้อม ใน
กาลาเทีย 5:22-23
"ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข
ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม
การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย"
"ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข
ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม
การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย"
บางครั้งเราก็มักมีข้อแก้ตัวว่า "ก็ผมเป็นแบบนี้ เค้าเป็นแบบนั้น ผมเป็นตัวของ
ผมเองใครคบได้ก็คบ รับได้ก็รับสิ.."
เราต้องรู้ว่า เราไม่ได้เป็นตัวของตัวเองแต่เราได้สวมตัวใหม่ ชีวิตใหม่ๆแบบพระเยซูคริสต์
คนที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง แม้มีคนที่หวังดี ตักเตือน เขาอาจจะอ้างว่าก็ฉผมเป็น
ของผมแบบนี้ ทำไมไม่ดูจากภายในล่ะ แต่ในความเป็นจริงแล้วภายในนั่นแหละที่
เป็นปัญหา เขาไม่ต้องการจะอดทนฝ่าฟันอุปสรรคและช่วงเวลาที่ดูยากลำบาก แต่คนที่
คุณอาจจะอ้างว่าเขาเป็นแบบนั้นอยู่แล้วไอ้บุคลิกดีๆแบบนั้น เขาก็ อดทนฝ่าฟันอุปสรรค
และช่วงเวลาที่ดูยากลำบาก มาก่อนเช่นเดียวกัน และหากเราเป็นแบบนั้นเราก็จะมีชัยชนะ
ด้วยเช่นกัน
จงทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า และเริ่มต้นหว่านเมล็ดพันธุ์พฤติกรรมและท่าทีใหม่ๆ
และเมื่อถึงฤดูกาลเวลาอันเหมาะสม พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เมล็ดพันธุ์ที่หว่านนั้น
เติบโตขึ้น
ผลที่จะได้ในชีวิตเรา ก็ขึ้นอยู่กับการหว่าน
ถ้าคุณเป็นคนพูดจาโผงผาง กระโชกโฮกฮาก และดูเหมือนไม่ถ่อมใจเอาวะเลย คุณเองอย่าคิดว่า
ผมเป็นของผมแบบนี้ ใครรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้
แต่คุณเองต้องสำแดงความรัก ยอมที่จะอดทนต่อตัวเอง ฝืนในสิ่งที่ควนฝืน และรอเก็บเกี่ยวผล
ที่จะตามมาเถิดเมื่อถึงเวลา มันคุ้มค่าแน่นอน
"อย่าหลงเลย ท่านจะหลอกลวงพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าผู้ใดหว่านอะไรลง ก็จะเกี่ยวเก็บสิ่งนั้น
ผู้ที่หว่านในย่านเนื้อหนังของตน ก็จะเกี่ยวเก็บความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่ผู้ที่หว่านในย่าน
พระวิญญาณ ก็จะเกี่ยวเก็บชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี
เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร"
กาลาเทีย 6:7-9เรื่องที่เกี่ยวข้อง อ่านเรื่อง บุคลิกภาพ ที่
http://missionkorat.blogspot.com/2010/06/blog-post_30.html
ของคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น