วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตรงต่อเวลา (บุคลิกภาพ ตอน 2)

ตรงต่อเวลา (บุคลิกภาพ ตอน 2)


**อ่านบทความ บุคลิกภาพ ตอนที่ 1
เรื่องของการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่ เอาแค่ในสังคมไทยก็เป็นปัญหามากพอสมควร
ผมเองเกิดในครอบครัวที่ถูกสอนเรื่องการตรงต่อเวลามาอย่างมาก ซึ่งเรื่องที่จะพูดถึง
วันนี้ ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องอยู่ในกรอบของกฏเกณฑ์จนมากเกินไป ซึ่งผมเองก็มี
กรอบตรงนี้ เป็นตัวผูกมัด แต่พระเจ้าทำให้ผมเองพ้นจากสิ่งนี้ออกมาได้

บทความนี้มิได้มีเจตนาจะต่อว่าใคร แต่เพื่อหนุนใจใครต่อหลายคนที่ยังไม่ตรงต่อเวลา
อยู่ พระเจ้าสร้างเราขึ้นมาตามพระฉายาของพระองค์ และต้องการให้เรามีลักษณะ
นิสัยชีวิต ตามแบบของพระองค์ นิสัยก็คือบุคลิกภาพนั่นเอง
ผมเคยทำงานข้างนอก เรื่องของการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่ทำให้ผมหงุดหงิดใจเป็นอย่าง
มาก หลายคนเมื่อมาสาย และแก้ตัว จะมีเหตุผลข้ออ้าง ที่มีเหตุมีผลสำหรับเขามากๆ
และก็ยังเป็นซ้ำ แล้วซ้ำอีก สิ่งที่ผมสังเกตุได้คือ บางครั้งมันก็เป็นเพียงข้อแก้ตัว และการ
มาสายไม่ตรงต่อเวลา ก็กลายเป็นบุคลิกภาพของเขาไปเสียแล้ว

การที่มันกลายเป็นบุคลิกภาพนั้นมาจาก นิสัยที่ได้บ่มเพาะจากการที่มีวินัย หรือขาดวินัย
และทำซ้ำๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนทำให้คนคาดหวังว่าเราจะเป็นไปตามนั้นจริงๆ และเป็นเอก
ลักษณ์ไปด้วย ถ้าเราเป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ คนก็จะคาดหวังให้เราตรงต่อเวลาเสมอ
นี่จึงกลายเป็นบุคลิกภาพของเรานั่นเอง
สมมุติถ้าเรานัดคนคนเดียวกัน 9.00 น. ก็จะมา 9.30น.
ถ้าเรานัด 13.00 น. ก็จะมา 13.45 น.
ถ้าเรานัด 18.00น. ก็จะมา 19.00 น. และบางครั้งถึงแม้มาทันตามเวลานัด กว่าจะเริ่มงาน
กันได้ คนคนนี้ก็จะเป็นตัวแปรในการที่เริ่มงานได้ช้า
อีกภาพหนึ่งนั้นเราเองก็ได้ผิดคำพูดอีกด้วย คือความไม่มั่นคง ไม่แน่นอน ไม่จริงจัง ไม่มีความ
คาดหวัง เราอาจจะมาช้าในบางครั้ง แต่นั่นต้องไม่เป็นนิสัย และบุคลิกภาพของเรา

จริงอยู่ที่เราไม่ควรจะยึดกฎในเรื่องนี้มากนัก แต่เราเองก็ควรปรับปรุงบุคลิกภาพของเราในส่วน
ที่ยังมี ปัญหาไม่ใช่แต่เฉพาะ การตรงต่อเวลาเท่านั้น
เรื่องนี้ผมไม่ได้จะมาโต้เถียงในทุกๆเรื่อง บางเรื่องก็ต้องให้เป็นไปตามการเคลื่อนไหวของ
พระวิญญาณ เช่น การเทศนาหรือการนมัสการ ที่เกินเวลา แรกๆผมหงุดหงิดมากที่การเทศนา
และนมัสการเกินเวลามา แค่ไม่กี่นาที แต่ตอนนี้ผมเข้าใจ ว่า ในบางครั้งถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์
ทรงนำเราตอบสนอง หรือต่อเนื่องอะไรไปในบางอย่าง นั่นเป็นอีกกรณี

เราเองต้องยอมรับ และไม่เพียงแค่นั้นเราต้องปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพจุดด้อยของเรา จนเป็นนิสัย
ถ้าเรายอมรับว่าเราเป็นคนไม่ตรงต่อเวลาเราจะต้องพัฒนานิสัยในส่วนนี้ เมื่อเรารับปากหรือพูด
อะไร ออกไปเราเองก็ต้องรักษาคำพูด
ย้ำนะครับผมไม่ได้หมายถึงยึดเป็นกฎที่ผูกมัด เป็นวิญญาณศาสนา เช่นนอนป่วยจนลุกไม่ขึ้น
แต่ก็ฝืนลุกขึ้นเดินทางไปตามนัด กรณีนั้นเราโทรบอกกันได้ แต่อย่าให้มันกลายเป็นเบุคลิกของเรา
จนคนเรียกเรา แบบนั้น ถ้าเราไม่ปรับปรุงไม่พัฒนาสักที เราเองจะเรียกได้ว่า วึมซับบุคลิกภาพของ
พระเจ้าได้อย่างไร คริสเตียนบางครั้งบางคนก็จะไม่คิดว่าการตรงต่อเวลา จะเกี่ยวข้องกับเรื่องฝ่าย
วิญญาณตรงไหน ?

เรื่องฝ่ายวิญญาณเป็นเรื่องของอีกมิติหนึ่งเท่านั้นหรือ คือชีวิตฝ่ายวิญญาณส่วนตัวภายใน
เท่านั้นหรือ บุคลิกภาพที่จะพัฒนาไปสู่ตามแบบของพระเจ้านั้น เกี่ยวกับนิสัยเราโดยตรง
รวมไปถึงวินัยในชีวิตด้วย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เราที่เป็นพี่น้องกายเดียวกัน จงเชื่อใน
ส่วนดีของกันและกัน อธิฐานเผื่อกัน งดเว้นการติเตียน คำพูดส่อเสียด ว่าร้ายนินทาลับหลัง
ขอเราที่จะมีความรัก เช่นเดียวกับลักษะบุคลิกภาพที่พระเยซูมี
เพราะพระองค์ก็ไม่เคยสายและไม่ทรงล่าช้า และทันเวลาเสมอ

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

เอเสเคียล 12:25
แต่เราคือพระเจ้าจะพูดคำที่เราจะพูด   และจะต้องเป็นไปตามคำนั้นจะไม่ล่าช้าต่อไปอีก  
แต่พระเจ้าตรัสว่า   พงศ์พันธุ์ที่มักกบฏเอ๋ย   ในสมัยของเจ้านี่แหละ   เราจะลั่นวาจาและ
กระทำตามนั้น

เอเสเคียล 12:28
เพราะฉะนั้นจงกล่าวแก่เขาว่า   พระเจ้าตรัสดังนี้ว่าบรรดาถ้อยคำของเราจะ ไม่ล่าช้าอีกต่อ
ไปเลย   แต่วาจาที่เราลั่นออกมานั้นจะต้องเป็นไปจริง   พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
 

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ21 กรกฎาคม 2554 เวลา 12:15

    รู้สึกว่าบทความจะคุ้นกับหลายๆคนที่เรารู้จักน๊า

    ตอบลบ
  2. แม้จะคุ้นกับหลายคนที่เรารู้จัก เมื่อเราชนะเหตุการณ์ที่ผ่านมาได้ สิ่งเหล่านั้นไม่ได้เป็นบาดแผล แต่มันทำให้เราเติบโตขึ้นต่างหาก ถ้าเรายังไม่ผ่าน เราก็เก็บยมันเป็นบาดแผลหรือเอาไปนินทา แต่เมื่อเราชนะ มันทำให้เราเติบโตขึ้น และมันคือคำพยานของเราครับ

    ตอบลบ