มลพิษ
ถึงกลิ่นปาก
ก่อนเขียนบทความนี้ ก็ลังเลนิดๆว่าจะเอาบทความนี้ไปเพิ่มในบทความเดิมที่เขียนไว้
ก่อนหน้านี้ดีหรือไม่ ตอนนี้ก็ตัดสินสินใจเขียนใหม่เลย แม้จะเป็นบทความสั้นๆก็ตาม
แต่ผมเชื่อว่าแม้จะสั้นๆ แต่ก็ยากที่จะทำ แต่อย่าให้เราท้อถอยเสียก่อน
ปีนี้ 2010 คงไม่มีใครปฏิเสธกับอากาศที่ร้อนอบอ้าวสุดจะทน 40-42 องศา แทบจะลาย
ลายกลายเป็นน้ำเสียให้ได้ อากาศร้อนอารมณ์คนก็ร้อนตามไปด้วย ผลพิสูจน์ออกมาว่า
สภาวะโลกร้อนนี้เกิดจาก มนุษย์เองไม่ใช่ใครที่ไหน ที่ทำลายสภาวะแวดล้อมตลอดจน
ชั้นบรรยากาศ ตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกพื้นที่ป่าสงวน จนโลกเกิการเปลี่ยนแปลง ร้อน
แบบนี้ น้ำตามเขื่อน หรือแม่น้ำสายสำคัญก็แห้งผากจนลงไปเดินเล่นได้ซะแบบนั้น
ร้อนไม่พอ สภาพการเมืองปีนี้ก็ย่ำแย่เน่าเฟอะซะจนเหมือนประเทศจะมาถึงจุดตกต่ำสุดๆ
แต่ยิ่งเราตนะหนักถึงปัญหา และรู้ถึงสาเหตุเราเองก็ไม่เลิดพฤติกรรมแบบเดิมๆซะที
ชีวิตคริสเตียนของเราเองก็เช่นกัน เมื่อแรกที่เรารับเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์เจ้านั้น เราก็
บังเกิดใหม่เป็นโลกที่สดใสเหมือนเมื่อเริ่มแรกสร้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็สร้างมลพิษ
ให้กับชีวิตซะเองและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดและเลิกพฤติกรรมนั้นๆ
ครับมลพิษที่ผมหมายถึง คือมลพิษทางวาจานั่นเอง พระวจนะบอกเราว่า ร่างกายเราก็
เป็นวิหาร นั่นเท่ากับว่าเป็นที่ประทับและสถิตอยู่ของพระเจ้า แต่เราเองก็ปล่อยให้พระ
วิหารหลังนี้เต็มไปด้วยสภาพแวดล้อมและมลพิษที่ไม่ดีเอาซะเลย
คำบ่น ความขมขื่น ความโกรธ คำพูดตัดสิน การทะเลาะ คำพูดนินทา การใส่ร้ายป้ายสี
และอีกมากมาย คงไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายคำเหล่านี้ทีละคำนะครับว่ามีความหมาย
เช่นไร เพราะเราย่อมรู้ดีอยู่แล้ว เราเองถ้าสำรวจตัวเองแล้วเราพบ เราต้องรีบกำจัดมัน
ออกไป แล้วเราจะพบมันได้ยังไง การค้นหาไม่ใช่สิ่งยากแต่การยอมรับ ต่างหากที่ยากยิ่ง
ตัวอย่างมีให้เราเห็นว่า ประชากรอิสราเอล บ่น บ่น และก็บ่น ผลที่ได้คือแทนที่เค้าจะได้
เข้าแผ่นดินแห่งพันธสัญญา 11 วัน กลายเป็น 40 ปี เค้าบ่น และโยนความผิดให้กัน
ทะเลาะกัน และก็มีความขมขื่น ทั้งที่ได้รับการช่วยกู้ออกมาแล้ว
อย่าให้เราเสียเวลาไปเช่นอิสราเอลในช่วงเวลานั้นที่บ่น และบ่น
"อย่าหลุดปากเอ่ยสิ่งที่ไม่สมควร แต่จงกล่าววาจาอันเป็นประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างผู้อื่น
ขึ้น ตามความจำเป็นของเขา จะได้เป็นผลดีแก่ผู้ฟัง"
อ.เปาโลย้ำเตือนให้เราได้ทิ้งตัวเก่าๆของเราที่ได้ติดตามเรามา บางครั้งมนุษย์พยายามใช้
เหตุผลในการวิเคราะห์ เพื่อหาช่องทาง ในการพูด หรือมีอุปนิสัยเช่นนั้น
มาตรฐานของพระเจ้านั้น ตรงๆตัว ว่าอย่าทำก็คืออย่าทำ ไม่ก็คือไม่ เพระพระองค์ทราบ
ดีว่าสิ่งเหล่านี้จะดึงชีวิตเรา และทำให้เราเสื่อมโทรมลง และสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้พระ
วิญญาณบริสุทธิ์เสียพระทัย
ถ้าเรากล้าที่จะทิ้งตัวเก่า หมายถึงเราต้องยอมรับ ถ้าเรามีสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่เราจะได้รับการ
สร้างท่าทีความคิด และจิตใจขึ้นใหม่ เพื่อที่จะสวมตัวตนใหม่ ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้น
ให้เป็นเหมือนพระองค์ ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์ที่แท้จริง
ให้เราต้องกำจัดมลพิษ ความขมขื่น ความเกรี้ยวกราด ความโกรธแค้น การทะเลาะ และ
การใส่ร้ายป้ายสี พร้อมทั้งการมุ่งร้ายทุกรูปแบบ แต่ในทางตรงกันข้าม จงมีความเมตตา
และมีความสงสาร มีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน ให้อภัยกัน การให้อภัยมีพลัง
อย่างมากเหมือนกับที่พระเจ้าทรงให้อภัย แก่ท่าน ในพระคริสต์
มันเป็นการยากที่เราจะเลิกจากสิ่งเหล่านี้ ไม่มีค่อยเป็นค่อยไป และไม่มีการประ
ณีประนอม เราไม่สามารถเลิกได้ด้วยตัวของเรา แรงและกำลังของเรา แต่เราเป็นบุคคล
ที่พิเศษที่เรามีผู้ช่วย
กาลาเทีย 5:16
"ดังนั้นข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองตัณหาของวิสัยบาป"
เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณเราเองจะมีชัยชนะ เพราะตัณหาของวิสัยบาปขัดกับ
พระวิญญาณ และพระวิญญาณขัดกับวิศัยบาป ทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน
ถึงเวลาที่เราต้องเลือกที่เราจะยอมให้ชีวิตเรามีมลพิษต่อไป เราเลือกที่จะป่อยมลพิษออก
มาและทำให้ผู้อื่นได้รับผลกระทบ หรือเราเลือกที่จะให้พระวิญญาณนำเรา นำชีวิตของ
เราให้ออกจากถิ่นทุรกันดาร และไปถึงเป้าหมายและนิมิตภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น