วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2553
คริสเตียนต้องมีวินัยหรือ?
คริสเตียนต้องมีวินัยหรือ?
ถ้าพูดถึงวินัยของคริสเตียน ผมอยากบอกว่าเป็นคนล่ะเรื่องกับการเคร่งศาสนา หรือเป็นแบบฟาริสี ที่ทำทุกอย่างในแบบศาสนา
ผมกำลังพูดถึงวินัยในฝ่ายวิญญาณของเรา และแน่นอนก็เป็นการดีถ้าจะมีวินัยเรื่องอื่นๆในชีวิตด้วย แต่คริสเตียน (บางคน)ก็ไม่ได้สนใจในวินัยฝ่ายวิญญาณเท่าใดนัก
เมื่อเวลาผมทำธุรอะไรสักอย่างแล้วมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาแทรกแทรงในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ หรือสิ่งอื่นๆ ผมมักจะปฏิเสธอยู่เสมอเพื่อให้ธุรนั้นเสร็จก่อน "ติดธุรอยู่"
มักเป็นคำพูดเสมอเวลาปฏิเสธไป
แต่เมื่อเราอธิฐาน หรือเฝ้าเดี่ยว หรืออ่านพระคัมภีร์ ช่วงเวลานั้นเป็นของพระเจ้า เราเคยให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดมาแทรกแทรงหรือไม่ แน่นอนผมเองก็เคยที่จะผละจากเวลานั้นไปทำสิ่งอื่นๆ
เรากลับปล่อยให้ให้บางสิ่งมาแทรกแทรงได้อยู่บ่อยครั้ง เรามีตารางในการทำงานแต่บางครั้งก็ไม่ได้มีตารางที่แน่นอนให้กับพระเจ้าเลย
เรากล้าที่จะบอกกับตัวเองว่า "นี่เป็นเวลาของพระองค์" หรือไม่ เรากล้าที่จะบอกกับเนื้อหนังของเราหรือไม่ว่า "นี่เป็นเวลาของพระองค์ อย่างอื่นเอาไว้ก่อน"
วินัยในภาษาฮีบรู คือ Musar หมายถึงการตรวจสอบ ความถูกต้อง การอยู่ในระเบียบวินัย หลักข้อเชื่อ / ปฏิบัติ และคำตักเตือนสั่งสอน
แน่นอนครับอย่างที่กล่าวไปว่า เราไม่ได้ทำเพื่อพิธีการ หรือศาสนา แต่เพื่อที่เราเองจะไม่ละเลยฝ่ายวิญญาณ และความสัมพันธ์กับพระเจ้า
1 โครินธ์ 14:40
"แต่จงทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ"
สุภาษิต 12:1
"ผู้ที่รักวินัยก็รักความรู้ แต่บุคคลที่เกลียดการตักเตือนก็เป็นคนโฉด"
ในสำนวน NIV ใช้คำว่า"คำสอน" วินัยคือคำสอนนั่นเอง
วินัยที่อยากแบ่งปันในตอนนี้ก็คือ การให้เวลากับพระเจ้า การให้เวากับพระอจ้าอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง บางครั้งสิ่งนี้ก็ถูกมองข้ามและไม่ได้ให้ความสำคัญและคิดว่าเป็นเรื่องที่ยาก ทำไมเราต้องมีวินัยกับพระเจ้าด้วย ?
ในการสนทนาหรือถ้าโดนตักเตือนเรื่องวินัย หลายคนยอมรับไม่ได้ในเรื่องนี้ และมีข้ออ้าง
ผมอยากยกตัวอย่างหนึ่งซึ่งไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิผู้ใด ว่า
- คนไทยไม่มีวินัยในการเข้าซื้อของ หรือการเข้าแถว
- คนไทยไม่มีวินัยในการขับรถ และกฏจราจร จะขับย้อนศร ขับมอเตอร์ไซค์บน ฟุตบาททางเท้า ขับกลางถนนตามใจฉันก็ได้
- โดยเฉพาะเรื่องการนัดหมาย และการนัดเวลา นี่เป็นข้อเสียที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
ที่ผมยกตัวอย่างแบบนี้ขึ้นมาก็เพราะมันสะท้อนสภาพฝ่ายวิญญาณของเราได้เป็นอย่างดี
ผมเคยอ่านบทความประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันนี้ญี่ปุ่นมีการพัฒนาไปมาก อยู่ในอันดับต้นๆของโลก ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และกีฬา ทั้งๆที่สมัยก่อนนี้ญี่ปุ่นเอง อยู้ล้าหลังประเทศไทยเสียด้วยซ้ำ เรานำหน้าเค้าด้วยซ้ำ
และซ้ำยังมาเจอสงครามโลก และระเบิดในฮิโรชิมา อีกด้วย
แต่ตอนนี้ญี่ปุ่นเองก้าวพ้นความตกต่ำ เข้าสู่ความสมบูรณ์ ด้วยระเบียบวินัยของพวกเขาเอง และนี่คือผลตอบแทนที่ได้ ไทยเองกลับล้าหลังอยู่หลายช่วง แถมยังโดนหลายประเทศพัฒนาก้าวข้ามไปด้วยซ้ำ เราอยู่กับที่หรือไม่ ? เราถอยหลังกลับไปหรือไม่ ?
ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราเองก็เช่นกัน ถ้าเราไม่มีวินัยเลย เราเองก็จะไม่ไปไหน และอยู่กับที่ที่เดิม การมีวินัยคือการทำสิ่งที่สมควรทำ ไม่ว่าอยากทำหรือไม่อยากทำ
ในชีวิตของเราฝ่ายวิญญาณเราควรมีวินัยอะไรบ้าง พระเจ้าได้ให้เราเยอะมาก แต่หลักๆท ผมขอยกตัวอย่างวินัย 4 อย่างในชีวิตคริสเตียนต้องมี และเป็นวินัยในชีวิต
1.การใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า
2.การอธิฐาน
3.พระวจนะคืออาหาร
4.การประกาศข่าวประเสริฐ
1.การใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้า
การใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้าหรือ เราอาจเรียกว่าเฝ้าเดี่ยว ซึ่งในบางคนเฝ้าเดี่ยวอาจจะไม่เพียงพอด้วยซ้ำ ผมยกตัวอย่างถ้าเราอยากรู้จักใครสักคน และต้องการมีความสัมพันธภาพที่ดีกับคนคนนั้น เราเองก็อยากที่จะมีเวลาที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง ในพระคัมภีร์ใหม่พระเจ้าเองก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
"แต่พระเยซูมักจะทรงปลีกตัวไปอยู่ในที่สงบและอธิฐาน"
ลูกา 5:16
โมเสสเองก็มีวินัยเช่นกันในเรื่องนี้ ลองอ่านในชีวิตของโมเสส ในอพยพ
วินัยในการอธิฐานของโมเสส
2.การอธิฐาน
จากผลสำรวจที่หนึ่งพบว่าผู้นำเองใช้เวลาในการอธิฐานน้อยมาก ชีวิตในแต่ละวันของเราต้องพบเจอกับการล่อลวงต่างๆมากมาย พระธรรม มาระโก พระเยซูได้พูดถึงการอธิฐานเป็นการเฝ้าระวังด้วยเช่นกัน เราเองต้องถูกทดลองด้วยสิ่งต่างๆมากมาย
"จงเฝ้าระวังและอธิฐาน เพื่อท่านจะไม่ตกเข้าไปอยู่ในการทดลอง จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริงแต่กายยังอ่อนกำลัง"
3.การอ่าน พระวจนะ
หรือการจดจ่อที่พระวจนะ
พระวจนะพระเจ้าคือความจริง พระคัมภีร์ทุกตอนก็ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี
และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้า จะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
จดจ่อหรือภาวนา คือการเอาใจใส่ เข้ามาใกล้ ฝึกฝน
ผมอยากเปรียบกับการเคี้ยวเอื้อง การคิดรำพึงพระคำของพระเจ้าคือ การเคี้ยวเอี้ยง
เหมือนกับโคกินหญ้า ผมจิตนาการภาพวัวที่กินหญ้าอยู่ (เคยเห็นของจริง)
มันใช้เวลาในการเคี้ยวนานมากๆ จากนั้นก็สำรอกออกมา แล้วเคี้ยวกลับเข้าไปอีกครั้ง
กระบวนการนี้เพื่อย่อยสิ่งที่มีประโยชน์เข้าไปเปลี่ยนเป็นน้ำนมเข้มข้น
มันใช้เวลามาก ผมยืยดูจนเมื่อย แต่!มันไม่เปล่าประโยชน์ ถ้าจะได้น้ำนมที่มีคุณภาพ
ลองใช้เวลากับ สดุดี 119
ไม่อ่อนข้อต่อความบาป (11)
จดจำพระวจนะไส้ในใจและไม่ทำบาปต่อพระองค์
ยินดีในการรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น (15-16)
เพราะเราใครครวญพระวจนะของพระองค์ และวิถีทางของพระองค์
พบความจริงฝ่ายวิญญาณอันมหัศจรรย์ (18)
เพราะทรงเปิดตาของเราเพื่อจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ ทั้งหลายของพระองค์
พบที่ปรึกษามหัศจรรย์ (24)
พระวจนะของพระองค์ก็เป็นที่ปรึกษาของเรา
การใคร่ครวญไม่เพียงแต่อ่านพระคัมภีร์และเชื่อเท่านั้น แต่คือการนำไปปฏิบัติด้วย
พระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่อหารจานด่วนจะใช้เวลาบดเคี้ยวอย่างละเอียด
อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัติห่างจากปากท่าน
โยชูวา 1:8
พระวจนะปกป้องเราจากสงครามประจำวัน
เป็นคำปลอบใจ สำหรับความหวังที่แตกสาย
และเป็นชีวิต
ขอบคุณพระเจ้า
4.การประกาศ
จริงๆแล้วการประกาศอาจจะไม่ใช่วินัยประจำในแต่ล่ะวัน แต่อยากให้เรา (ในความเป็นจริงก็อยากให้ เป็นประจำ)
ในพระคัมภีร์ผมประทับใจหัวข้อของพระคัมภีร์ตอนนี้มากเพราะใช้คำว่า
"พระมหาบัญชา"
"สิทธิอำนาจทั้งสิ้นในสวรรค์และในแผ่นดินโลกทรงมอบไว้แก่เราแล้ว ดังนั้นจงไปสร้างสาวกจากมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาใน พระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ และแน่นอน เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค"
มัทธิว 28:18-20
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
-
คริสเตียนกับงานรับใช้เป็นอะไรที่คู่กัน เมื่อเป็นคริสเตียนเราต้องรับใช้ เราเองก็ต้องมีเป้าหมายในการรับใช้ตามของประทานทางใดทางหนึ่ง หลายคนไม...
-
YAHWEH Rapha ยาห์เวห์ ราฟา (เราเป็นพระเจ้าแพทย์ของเจ้า) สวัสดีครับพี่น้องที่รักในพระคริสต์ วันนี้เมื่อได้เข้าสู่เดือน Iyar หรือ อิยาห์...
-
การถวายผลแรก (Bikkurim) สภษ. 3:9 จงถวายพระเกียรติแด่พระยาห์เวห์ด้วยทรัพย์สินของเจ้า และด้วยผลแรกแห่งผลิตผลทุกอย่างของเจ้า ผลแรกใ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น