วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

บันไดสู่ชีวิต 6 ขั้น (6จง)





บันไดสู่ชีวิต 6 ขั้น (6จง)


1.จงมีความคิดด้านบวก
คิดให้มีความสอดคล้องกับพระทัยพระเจ้า พระเยซูมีแต่ความคิดในแง่บวกเสมอ
ถ้าเรามีพระทัยแบบพระคริสต์เราก็จะมีแต่ความคิดที่มีแต่ด้านบวก การมีความคิดลบๆ
เราเองก็ไม่ได้มีพระทัยแบบพระเยซุคริสต์ เราต้องรู้ว่าซาตานพยายามทำให้เราตกต่ำ
และมีความกดดัน


อย่างที่ได้กล่าวไปในบทความก่อนๆคือ ควาคิดในด้านบวกบางครั้งก็อาจจะขัดกับสถานการณ์นั้นๆ
ไม่มีความสมเหตุสมผลที่จะคิดบวกๆเลย แต่หนุนใจนะครับ
การที่จะเอาชนะความกดดันได้นั้น คืออย่ามีความรู้สึกกดดัน จนนานเกินไป รีบกำจัดมันออกไป ยิ่งปล่อยไว้
นานก็ยิ่งกำจัดยาก เหมือนรากที่หยั่งลึก ให้เราลองเปลี่ยนความคิดดู เมื่อเราพบกับสภาวะความกดดัน


2.จงมีใจจดจ่อที่พระเจ้า
การจดจ่อ นี้ถ้าเราต้องการรู้จักหรือสนทนากับใคร เราจะสนทนาแบบไม่จดจ่อไม่ได้เลย
ขอนำไปดูอะไรนิดหน่อยนะครับ ว่าเราเองจดจ่อที่อะไรในวันๆหนึ่ง
พระเจ้าเองต้องการความสัมพันธ์ ต้องการสนทนากับเรา แต่บางครั้งที่ผมเองเคยจดบันทึกกิจกรรมในแต่ละวัน
วันหนึ่งเราดูโทรทัศน์วันล่ะ  4 ชม (คร่าวๆนะครับ)
คอมพิวเตอร์อีก                 4 ชม
เอาแค่นี้พอนะครับ ผ่านไปแล้ว 8 ชม และกิจกรรมต่างๆผมขอ 2 ชม
รวมเป็น 10 ชม แต่บางครั้งเราอ่านพระคัมภีร์ 20 นาที เฝ้าเดี่ยว 10 นาที
ช่างต่างกันเยอะจริงๆ เราเองจดจ่อกับพระเจ้าพอหรือไม่ ?
ให้เราภาวนา (ภาวนาคือการจดจ่อ)ถึงพระองค์ มันจะเป็นการชูใจอย่างมาก
ถ้าเราเติมความคิดของเราด้วยพระองค์ อย่าให้มีช่องว่างให้มารเข้ามาแทรกซึม
ระลึกถึงพระองค์ สามัคคีธรรมกับพระองค์
นี่คือกุญแจในการนำความยินดี สันติสุข และชัยชนะมาสู่เรา


3.จงคิดว่าพระเจ้ารักเราเสมอ
เชื่อมั๊ยครับว่า พระเจ้ารักเรา นี่เป็นสิ่งที่พระองค์ยืนยันในพระวจนะของพระองค์
พระองค์สำแดงความรักแก่เรามากมาย
แม้ต้องสิ้นพระชนม์ เพื่อรับบาปของเรา บางครั้งเราอาจคิดในแง่ลบ
คิดว่าพระเจ้าไม่พอพระทัย ไม่สนใจเราแล้ว ไม่รักเราแล้ว เพราะเราโดนใส่ความคิด
ดังที่กล่าวมาจากซาตานเอง ว่าเราเป็นคนบาป และพระเจ้าเกลียดบาป
พระเจ้าเกลียดบาปแต่ไม่ได้เกลียดเรา
อย่าสูญเปล่ากับความคิดแบบนั้น ?
พระเจ้าทรงทำให้เราชอบธรรม ถ้าเรามัวแต่คิดแย่ๆ
มันจะแย่ และแย่ลงเรื่อยๆ ขอให้เราคิดเสมอว่าพระเจ้ารักเรา เราเองเป็นคนชอบธรรมในพระเยซูคริสต์
ให้เราเชื่อในความรักที่มีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก ผู้อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็
สถิตอยู่ในผู้นั้น ให้เรารับความรักจากพระเจ้า ไม่ใช่การหลอกลวงจากซาตาน ความรักของพระเจ้าจะนำ
เราฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ และจะมีพลังอย่างมาก


ผมชอบที่ อ เปาโลหนุนใจว่า
ใครจะให้เราทั้งหลายขาดจากความรักของพระคริสต์ได้เล่า
จะเป็นความทุกข์หรือ ความยากลำบากหรือ การเคี่ยวเข็ญหรือ
การกันดารอาหารหรือ การเปลือยกายหรือ การถูกโพยภัยหรือ
การถูกคมดาบหรือ
แต่ในเหตุการณ์ทั้งปวงเหล่านี้ เราจะมีชัยชนะอยากมากมายเหลือล้น โดยพระองค์ผู้ได้ทรงรักเราทั้งหลาย


ในความรักไม่มีความกลัว แต่ในความรักที่บริบูรณ์นั้นก็ได้ขจัดความกลัวเสีย
1 ยอห์น 4:18


4.จงมีความคิดที่หนุนใจ
หนุนใจคือการเรียกคนๆหนึ่ง สั่งสอนหรือเตือนสติ หรือเข้ามาอยู่เคียงข้างกับใครคนหนึ่ง
เพื่อให้เขายืนหยัดได้


บางคนมีของประทานในการหนุนใจ แต่บางคนไม่มี แล้วจะทำยังไงล่ะ ?
ไม่ใช่การเฉยเมยแน่นอน
ผมขออนุญาติหนุนใจว่า เราเรียนรู้ได้ที่จะหนุนใจผ่านความรักของพระเยซูคริสต์ได้


ในคริสตจักรแน่นอน ที่ผมพบเจอมาย่อมมีการไม่ถูกใจกัน เขาอาจประพฤติตัวไม่เหมาะสมนัก (สำหรับเรา)
เราควรอธิฐานเพื่อเค้า ขอพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำการ และเปลี่ยนแปลงเค้า


ขณะนั้นเราก็รอคำตอบจากพระเจ้า แล้วเคยมั๊ยครับ เอ...ทำไมไม่ได้รับคำตอบ
พระเจ้าไม่ตอบเราสักที
และเราก็นินทาเค้า ตัดสินเค้า กล่าวโทษเค้า ก่อนพระเจ้าจะทำการ
เราเอง..เป็นคนลบล้างคำอธิฐานของเราเอง


เราอธิฐานให้พระเจ้าเปลี่ยนเค้า แต่เราก็ขาดความเชื่อคิดในด้านลบๆของเค้า
ว่าเค้าไม่มีทางที่จะเปลี่ยนได้


จงเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ พระคัมภีร์ข้อนี้ไม่ต้องคิดให้ลึก ไม่ต้องตีความ ขอบคุณพระเจ้า
พระเจ้าเองก็เชื่อในส่วนดีของเราเช่นกัน


5.จงขอบพระคุณพระเจ้า
ถ้าเราเองมีชีวิตที่มีพระทัยพระคริสต์ เราจะมีแต่การขอบพระคุณเสมอๆ
ผมพบว่าการบ่นก็เป็นโรคชนิดหนึ่ง โรคเรื้อรังรักษาหายยากมาก
ชีวิตเราจะเต็มด้วยฤทธิ์เดช ถ้าเราขอบพระคุณพระเจ้า
การบ่นนำไปสู่ความตาย แต่การขอบพระคุณนำสู่ชีวิต
ขอบพระคุณและสรรเสริญทุกๆด้านของชีวิต การขอบพระคุณทำให้เราได้รับชัยชนะ
และซาตานเองไม่สามารถควบคุมเราได้


จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา
เอเฟซัส 5:20


จงขอบพระคุณในทุกกรณีเพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฎอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อ
ท่านทั้งหลาย
1เธสะโลนิกา 5:18


6.จงจดจ่อพระวจนะ
พระวจนะพระเจ้าคือความจริง พระคัมภีร์ทุกตอนก็ได้รับการดลใจจากพระเจ้า
เป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี
และการอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้า จะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง


จดจ่อหรือภาวนา คือการเอาใจใส่ เข้ามาใกล้ ฝึกฝน
ผมอยากเปรียบกับการเคี้ยวเอื้อง การคิดรำพึงพระคำของพระเจ้าคือ การเคี้ยวเอี้ยง
เหมือนกับโคกินหญ้า ผมจิตนาการภาพวัวที่กินหญ้าอยู่ (เคยเห็นของจริง)
มันใช้เวลาในการเคี้ยวนานมากๆ จากนั้นก็สำรอกออกมา แล้วเคี้ยวกลับเข้าไปอีกครั้ง
กระบวนการนี้เพื่อย่อยสิ่งที่มีประโยชน์เข้าไปเปลี่ยนเป็นน้ำนมเข้มข้น
มันใช้เวลามาก ผมยืยดูจนเมื่อย แต่!มันไม่เปล่าประโยชน์ ถ้าจะได้น้ำนมที่มีคุณภาพ


ลองใช้เวลากับ สดุดี 119
ไม่อ่อนข้อต่อความบาป (11)
จดจำพระวจนะไส้ในใจและไม่ทำบาปต่อพระองค์


ยินดีในการรู้จักพระเจ้ามากยิ่งขึ้น (15-16)
เพราะเราใครครวญพระวจนะของพระองค์ และวิถีทางของพระองค์


พบความจริงฝ่ายวิญญาณอันมหัศจรรย์ (18)
เพราะทรงเปิดตาของเราเพื่อจะเห็นสิ่งมหัศจรรย์ ทั้งหลายของพระองค์


พบที่ปรึกษามหัศจรรย์ (24)
พระวจนะของพระองค์ก็เป็นที่ปรึกษาของเรา


การใคร่ครวญไม่เพียงแต่อ่านพระคัมภีร์และเชื่อเท่านั้น แต่คือการนำไปปฏิบัติด้วย


พระวจนะของพระเจ้าไม่ใช่อหารจานด่วนจะใช้เวลาบดเคี้ยวอย่างละเอียด
อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัติห่างจากปากท่าน
โยชูวา 1:8


พระวจนะปกป้องเราจากสงครามประจำวัน
เป็นคำปลอบใจ สำหรับความหวังที่แตกสาย
และเป็นชีวิต
ขอบคุณพระเจ้า


ktm.worship 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น