วันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553

ชัยชนะเหนือความคิด





ชัยชนะเหนือความคิด


เมื่อได้อ่านหนังสือ สนามรบในความคิดทำให้มีความรู้สึกเลยว่า แท้จริงแล้ว
ความคิดของเราเองนี่แหละที่เราต้องต่อสู้
ใน 2 โครินธ์ 10:4-5
เพราะว่าศาสตราวุธของเราไม่เป็นฝ่ายโลกียวิสัย แต่มีฤทธิ์เดชจากพระเจ้า
อาจทำลายป้อมได้
คือทำลายความคิดที่เหตุผลจอมปลอม และทิฐิมานะทุกประการที่ตั้งตัวขึ้น
ขัดขวางความรู้ของพระเจ้าและน้อมนำความคิดทุกประการ ให้เข้าอยู่ใต้บัง
คับจนถึงรับฟังพระคริสตร์


จริงอยู่ครับที่ว่า พระเจ้าให้มนุษย์มีความคิดที่อิสระ เรามีอิสระในการที่จะคิด
แต่เราเองก็ต้องมีความระวังในเรื่องที่เราจะคิดด้วย เพราะความคิดของเรานั้น
เร็วมากๆ


สุภาษิต 23:7 บอกไว้ว่าเมื่อเราคิดยังไงในใจ เราเองก็จะเป็นแบบนั้น
เราเลือกที่จะคิดแบบไหน ?
นี่เองเป็นอุปสรรค ที่ทำให้ชีวิตเราไปไม่ถึงเป้าหมายจุดหมาย ที่พระเจ้าได้
ประทานให้กับเรา


จิตใจความคิดของเราก็เปรียบเสมือนทูตที่คอยนำเราไปข้างหน้า
วันๆหนึ่งเราปักใจอยู่กับสิ่งใด โรม 8:5
ได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า
ถ้าเราปักใจอยู่กับเนื้อหนัง เราเองก็ได้อยู่ฝ่ายเนื้อหนัง
แต่คนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายพระวิญญาณ ก็สนใจในสิ่งซึ่ง
เป็นของพระวิญญาณ


เมื่อเราคิดและกระทำการใดออกมา การกระทำของเราที่ได้แสดงออกมานั้น
ก็เป็นผลจากความคิดของเราก่อนนั่นเอง


ขอหนุนใจว่า ถ้าเราคิดในแง่ลบ ชีวิตของเราก็จะเป็นแบบนั้น
เพราะเหตุนี้ เราเองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับความคิดเลย
เราเองต้องให้ความสำคัญกับความคิดให้มาขึ้น


เราเคยได้ยินบ่อยๆว่าเพียงแค่คิดก็บาปแล้ว ซาตานเองพยายามอย่างเต็มที่
เพื่อยัดเยียดความคิดผิดๆให้กับเรา


แต่..เราสามารถเลือกได้ เลือกที่จะเอาหรือไม่เอา รับหรือไม่รับ
และเราต้องเรียนรู้และเข้าใจว่า ความคิดแบบไหนเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้า


เราจะหาได้จากที่ไหนล่ะ ? ก็พระวจนะยังไงล่ะครับ
พระเจ้าเองใช้ และดลใจผู้เขียนหลายๆคนได้บันทึก และทุกถ้อยคำล้วนมาจากพระเจ้า
แต่คริสเตียน (บางคน)กลับคิดว่า
-ทำไมต้องบังคับ ให้อ่านพระคัมภีร์
-การอ่านพระคัมภีร์เป็นภาระอันหนักอึ้งของเรา
-น่าเบื่อและน่าง่วงนอน
-อ้างว่าไม่มีเวลาเป็นต้น
เชื่อพระเจ้าก็รอดแล้ว จะอ่านพระคัมภีร์ไปทำไม ?
เป็นคริสเตียนนี่ยุ่งยากจริงๆ
แต่การอ่านพระคัมภีร์ไม่ได้ทำให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ และพ้นความยากลำบาก
แต่เพื่อให้เราได้รู้จักและเข้าใกล้ชิด สนิทสนมกับพระเจ้าที่สมบูรณ์แบบ


ยอห์น 15:4-5
พระวจนะที่บอกว่า จงเข้าสนิทอยู่ในเรา...


ด้วยเหตุนี้เราจึงจำเป็นต้องรู้จักพระวจนะของพระเจ้า ให้ดีพอเพื่อจะได้
สามารถเปรียบเทียบความคิดต่างๆที่เข้ามาได้


เพื่อรู้ว่าความคิดที่เข้ามานั้นเป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้าหรือไม่ จะได้รู้ว่าความคิดไหน
กำลังยกตัวขึ้น เพื่อรู้ทันและกำจัดมันออกไป


1.สงครามในความคิด
คริสเตียนบางคนไม่ชอบสงคราม หลายครั้ง ที่ผมได้ยินเค้าพูดถึง ว่าทำไมคริสตจักร
ต้องประกาศสงคราม รบกับฝ่ายวิญญาณ เราอยู่อย่างสันติไม่ได้เชียวหรือ ?


อย่าไปยุ่งกันเลย พระเจ้าจะจัดการเอง


เอเฟซัส 6:12 ได้บอกเราว่า
เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอง
ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพ ในโมหะความมืด แห่งโลกนี้ ต่อสู้กับ
เหล่าวิญญาณชั่วในสถานฟ้าอากาศ


เราเองจึงอยู่ในสงสรามตลอดเวลา สงครามในความคิดที่มารพยายามยัดเยียดให้กับเรา
ศัตรูของเราคือ ซาตาน นั่นเอง
ซาตานเองพยายามเพื่อให้เราพ่ายแพ้ไปด้วยกับมัน โดย อุบาย กลลวงต่างๆ
และมันเป็นนักวางแผนชั้นยอด


ในพระคัมภีร์ ยอห์น ได้เรียกมันว่า พ่อของการมุสา
พระเยซูเรียกมันว่าผู้มุสา


เรื่องอะไรที่ไม่จริงเกี่ยวกับตัวเรา การกล่าวโทษ โทษตัวเอง
ดูถูกตัวเอง ความคิดผิดๆ ให้นินทาคนอื่น ใส่ร้ายคนอื่น
ตัดสินคนอื่น


มารจะไม่โกหกทั้งหมด และมีความจริงเล็กน้อยเพื่อเป็นเหตุผลของมนุษย์


อย่าให้เราตั้งอยู่ในความประมาท มารเองคอยศึกษาเราแต่ละคน และ
คอยเฝ้าจับตาเรามาโดยตลอด รู้ถึงอารมณ์และจุดอ่อนของเรา
มันอยู่มาก่อนที่จะมีมนุษย์เสียอีก


การเป็นคริสเตียนมา 10 ปี บางครั้งทำไมนิสัยเก่าๆ เดิมๆยังมีอยู่
-เรายังนินทา เพื่อนบ้าน
-เรายังมีอารมณ์ที่รุนแรง
-เรายังพูดหยาบคาย อยู่
เราเองก็ไม่ต่างจากโลกนี้เลย


โรม 12:2
อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลง
จิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อนท่านจะได้
ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบ
พระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม


ยอห์น 8:31 32
ได้บอกว่าสัจจะจะทำให้เราเป็นทัย เมื่อเราอยู่ในพระองค์


อาวุธของเราคือ พระวจนะ คำเทศนา


2.คิดแบบไหนก็เป็นแบบนั้น
ในใจคิดยังไงก็เป็นแบบนั้น สุภาษิตบอกไว้
ความคิดเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก และมีพลังอย่างมากด้วย
ความคิดเป็นจุดเริ่มต้นเราก็ควรคิดอย่างถูกต้อง คิดให้มีความสัม
พันธ์ และสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า


ความคิดที่ถูกต้องนั้น
เราจะปักใจในเนื้อหนัง หรือสนใจปักใจในพระวิญญาณ
-หลายครั้งเราสับสน
-หลายครั้งเราสงสารตัวเอง
-หลายครั้งเราปักใจกับวัตถุฝ่ายโลก รถ บ้าน เงินทอง
ไม่ผิดครับที่เรามีความต้องการสิ่งเหล่านี้ แต่เราต้องการเพื่อสนองสิ่งใดต่างหาก
อย่าให้สิ่งนั้นเป็นรูปเคารพในใจเราเลย
(คำนี้ทำให้คริสเตียนที่ไม่ยอมรับ เจ็บปวดมามาก .. ไม่ควรใช้คำนี้ตรงๆนะครับ)


ถ้าเรากำลังมีความคิดแบบนั้น เราก็กำลังเดิน แะใช้ชีวิตอยู่ในสภาพของเนื้อหนัง


หนุนใจนะครับให้เรามีความมุ่งมั่น คือมุ่งมั่นในพระวิญญาณ
เราไม่สามารถอาศัย แรงกำลังของตัวเราเองได้


ปีนี้ (5770) เป็นปีแห่งดวงตา ที่พระเจ้าเฝ้ามองเรา
ตัวอักษร Ayin ของฮีบรู ลักษณะคล้ายแขนที่เหยีดออก และ
การช่วยเหลือของพระเจ้าจะมาอย่างรวดเร็ว


เมื่อผมตั้งใจว่าจะอ่านพระคัมภีร์ให้จบ ทุกครั้งจะมีอุปสรรค
ผมพยายามมากเท่าไรก็มีแต่เหนื่อย ง่วงนอน มีธุระ หลายๆอย่าง
อย่าให้เราพยายามด้วยกำลังเลยครับ


เศคาริยาห์ 4:6
มิใช่ด้วยกำลัง มิใช่ด้วยฤทธานุภาพ แต่ด้วยพระวิญญาณของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ


ความคิดของเราก็คือผลของมัน ความคิดออกผลได้ คิดไม่ดีผลก็เลว คิดดีผลด็ดี
 มัทธิว 12:33 บอกว่า
ต้นดีผลก็ดี ต้นเลวผลก็เลวด้วย


3.คิดดี คิดบวก
ความคิดนั้น ถ้าเราคิดในแง่บวก ชีวิตของเราจะเต็มไปด้วยความเชื่อ และ
ความหวัง


อาจจะขัดกับความเป็นจริง ซึ่ง ในสถานการณ์ของโลกมันเป็นไปไม่ได้เลย
จะคิดในมุมบวกได้อย่างไร แต่นั่นคือความคิดมุมมองของโลก


ขอให้มีความเชื่อและความหวัง


เคยมั๊ยครับที่เราเจอสถานการณ์เลวร้าย
ตายแน่ๆ ! ซวยแน่ๆ! แย่แน่ๆ! งานเข้าอะไรประมาณนี้
การคิดในแง่บวกไม่ใช่การโกหกตัวเอง หรือพยายามใช้เหตุผล หรือวิเคาระสถานการณ์เพื่อ
ตัวเอง แต่ด้วยความเชื่อ อ.เปาโลบอกเราว่า "เมื่อใดที่เราอ่อนแอ เมื่อนั้นเราจะเข้มแข็ง"


เราอาจจะมีความกลัวที่เราจะหมดหวัง เจ็บจนไม่กล้าหวังอีก
นำเราไปสู่ความคิดแง่ลบ


พระเจ้าเองมีด้านบวกกับเราเสมอ พระองค์หวังในการเปลี่ยนแปลงของเรา แม้จะผิดหวัง
กับเราซ้ำแล้ว ซ้ำอีก


ให้เราฝึกเป็นคนคิดในแง่สร้างสรรค์ กับสถานการณ์ต่างๆในชีวิต คาดหวังในสิ่ง
ที่พระเจ้ากระทำ


เมื่อวันหนึ่ง ผมกำลังจะขับรถออกไปข้างนอกเพื่อทำธุระ แต่เมื่อสตาร์ทรถ
โอว ไม่ๆๆ รถสตาร์ทไม่ติด เอาตอนนี้ สิ่งที่ผมตอบสนองในตอนนั้นคือ
บ่นออกมา อะไรวะ ซวยจริงๆ ระเบิดอารมณ์ออกมา (หลายท่านอาจจะคล้ายกัน)
เมื่อยู่ในสถานการณ์นั้นๆคนเดียว
สุดท้ายผมขาดสันติสุขตลอดทั้งวัน พาลคนรอบข้าง ไปซะเลย


แต่สถานการณ์เดียวกันอีกครั้งล่ะ มีคำๆหนึ่งแล่นเข้ามาจากการเฝ้าเดียวตอนเช้า
และการอ่านพระคัมภีร์ "จงขอบคุณในทุกกรณี"
ผมเถียงพระเจ้าว่า ตอนนี้ด้วยหรือ สถานการณ์แบบนี้หรือ ? ใช่ ความรู้สึกนั้นบอก


จงขอบพระคุณในทุกกรณี แม้ในเวลาหรือสถานการณ์ที่เรายากที่จะขอบพระคุณ
คิดในแง่บวก มุมบวกว่า ขอบคุณพระเจ้าที่รถไม่ไปเสียข้างนอก
วันนี้พระเจ้าอาจจะอยากให้เราได้พักผ่อน อยู่บ้านแบบมีความสุขก็ได้
หรือซ่อมก่อนแล้วค่อยไป
 ครับ อารมณ์เสียไม่ได้ช่วยให้สถานการ์ดีขึ้น แต่ทำให้แย่ลง


อ.เปาโลบอกว่า
ท่านให้เราเตรียมพร้อมปรับตัวเข้ากับสถานการณ์แวดล้อม เพื่อว่าเมื่อเราวางแผนอะไรไป
จะได้ไม่หมดหวัง ถ้าแผนไม่เป็นแบบที่เราคิดวางไว้


คนที่คิดในแง่บวก ก็ปรับตัวเองและ ยอมรับเหตุการณ์นันๆได้อย่างมีสันติสุข มีความสุข
แม้เหตุการณ์นั้นจะคับขัน หรือแย่เพียงไร
แต่คนที่คิดในแง่ลบ
จะไม่พอใจในสถานการณ์เดียวกันนั้นๆ
2โครินธ์ 5:17
เหตุฉะนั้นผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดเก่าๆก็ล่วงไป นี่แหนะ
กลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น


ให้เรายอมรับความจริง และกลับใจที่ต้องการจะเปลี่ยนใหม่ พระวิญญาณจะคอยช่วยเราเตือนเรา
เพราะพระวิญญาณรับรู้ถึงความบาปนั่นเอง


ผมประทับใจอับราฮัม ที่มีความคิดในแง่บวก
เมื่อเขาดูสังขารตัวเอง อายุที่มากแล้ว เหมือนคนที่ได้ตายไปแล้ว ซาราห์เองก็เช่นกัน
มีเหตุผลใดครับ ทฤษฎีใดครับ ที่จะทำให้เขาทั้งสองมีความหวังได้


แต่อับราฮัม เชื่อ และรอคอยด้วยความหวัง


เราเองจะเปิดประตูเพื่อให้มารแทรกตัวเข้ามา โดยการที่เราคิดในแง่ลบต่อไป
หรือเราจะเลือกขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี ทุกสถานการณ์


พระเจ้าเองมีข้อสอบให้เราที่จะผ่านสิ่งนี้ไปให้ได้ เราจะผ่านได้หรือไม่ ?
เราต้องฝ่าไปและคว้าเอาแผ่นดินของพระเจ้า ที่เรามองเห็นเหมือนอิสราเอล
ที่มองเห็น คานาอ ัน ที่พระเจ้าสัญญาไว้ แต่คว้าเอาไว้ไม่ได้ในรุ่นนั้น !


ให้เราก้าวออกมาจากถิ่นทุรกันดารที่มีแต่ความคิดในแง่ลบ ความคิด
ผิดๆ ความคิดแย่ๆ ขาดความเชื่อในพระเจ้า และหันไปหารูปเคารพ


เราพร้อมจะเดินอกจากภูเขาลูกเดิมมั๊ย ...
40 ปีในถิ่นทุรกันดารมันนานพอแล้ว เวลาที่ผ่านมาเรคิดในแง่ลบๆมานานพอหรือยัง ?


จงคาดหวังที่จะได้เห็นการอัศจรรย์เกิดขึ้นในชีวิตของเรา


ปัญหาเราใหญ่เพราะเรามองที่ตัวเราเอง เราเอาตัวเองไปเปรียบ
เช่นวัตถุอะไรที่ใหญ่กว่าเรา เราก็ว่า อู้หู๋ใหญ่จัง


แต่สำหรับพระเจ้าทุกอย่างเล็กไปหมด เพราะพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่


ขอบคุณพระเจ้า อาเมน


ktm.worship 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น