วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ใจเดียว กายเดียว หนึ่งเดียวในพระคริสต์

 
ใจเดียว กายเดียว  หนึ่งเดียวในพระคริสต์
        วันนี้วันหยุด เมื่อตื่นขึ้นมาก็เหมือนจะมีภาระใจเขียนๆอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยครับ
ที่จะมีอะไรไหลๆเข้ามา ช่วงนี้อยากจะเขียนอะไรมากมายที่พระเจ้าใส่เข้ามาแม้จะเป็นการเริ่มต้นแต่ก็ ขอบ
คุณพระเจ้า


        จั่วหัวข้อแบบนี้มิได้มีเจตนาจะตำหนิใครนะครับ และไม่ได้มาระบายอะไรด้วย แต่ความรู้สึกแบบนี้
เป็นภาพรวม ของคริสตจักรในประเทศไทยทั้งหมด ซึ่งมีพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่เราเองก็แตกแยกกันไปหลายคณะหลายนิกาย พลังของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวนั้น เราเห็นได้จากการสร้างหอบาเบล นั่นคือภาพของน้ำหนึ่งใจเดียว แต่ผมไม่ได้หมายถึง แนวคิดที่ผิดของคนเหล่านั้น


        ด้วยกำลังและความสามารถที่ผมมี ไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้ไม่สามารถจะทำลายกำแพงนี้ลงได้
คริสตจักรหลายที่มีภาพที่ดูสวยหรู แต่ภายในนั้นไม่ได้เป็นแบบที่ได้แสดงออกมา มีบรรยากาศที่ดูขุ่นๆมัวๆ
ผู้นำเอง สมาชิกเองที่มีความเห็น หรือความคิด และเป้าหมายที่ไม่ตรงกัน ความรู้สึกที่ไม่พอใจกัน
ความอิจฉากัน ความเห็นแก่ตัว แบ่งพรรคแบ่งพวก เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ อันตรายไปกว่านั้นคือ
ยุยง โดยที่คิดและใช้สติปัญญาพยายามไตร่ตรองเอง


คริสตจักรในประเทศไทย ต่างกับโลกนี้อย่างไร เดินทางต่างจากโลกนี้หรือไม่ คริสตจักรเป็นเพียงองค์กร
เท่านั้นหรือ ไม่ใช่เลย เราอยู่ด้วยความไม่ไว้ใจกัน ต่างคนต่างอยู่


ฟิลิปปี 2:3-8 ได้เตือนเราว่า
"อย่าทำสิ่งใดด้วยความมักใหญ่ใฝ่สูง อย่างเห็นแก่ตัว หรือด้วยความถือดี แต่จงทำด้วยความถ่อมใจ
ถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว แต่ละคนไม่ควรมุ่งหาประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่ควรคิดถึงประโยชน์ของ
คนอื่นด้วย ท่านควรมีท่าทีแบบพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพ พระเจ้า แต่ไม่ได้ทรงยึดติดในความเท่าเทียม
กับพระเจ้า พระองค์กลับทรงสละทุกสิ่ง มารับสภาพทาสบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงถ่อมพระองค์ลง  และยอมเชื่อฟังแม้ต้องตายบนไม้กางเขน !"


        มีคำๆหนึ่งซึ่งเป็นคำยอดฮิตที่ผมได้ยินมากที่สุดในคริสตจักรทั่วประเทศที่ เคยได้ยินมา นั่นคือคำว่า
"สะดุด" คนนั้นสะดุดคนนี้ คนนี้สะดุดคนนั้น สะดุด อาจารย์ สะดุดผู้นำ สะดุดพี่น้องกันเอง
สะดุด ไม่มาโบสถ์เพราะ สะดุด ย้ายโบสถ์เพราะสะดุด
ผมเคยคิดขำๆ (ไม่ได้เจตนาดูดหมิ่นนะครับ) พระเจ้าให้เราข้ามอุปสรรคได้ แต่ทำไมเราสะดุดซะล่ะ


พระเยซูเสด็จดำเนินไปขณะเทศนา ก็สะดุด พวกฟาริสี หรือ พระเยซูไม่เคยสะดุดใครพระองค์ก้าวข้าม
ทุกปัญหา ด้วยสติปัญญาจากพระเจ้า ไม่ใช่มาตฐานความคิดของโลกนี้


ปัญหาเรื่องแบบนี้ สะดุด เราเจอกันได้ทุกพื้นที่ ผมเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า มากคนมากความ
ทั้งผู้นำ ทั้งสมาชิก ปะทะกันยิ่งกว่าสงครามการเมืองในปัจจุบันซะอีก เพื่อนผมในหลายคริสตจักร
ก็เอามาระบายบ่อยๆ (ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องดี ที่เอาเรื่องภายในมาพูด)
วันนี้ผมเองไม่ได้มาแก้ตัวให้ผู้นำ หรือใครทั่งสิ้น
วันที่เรารับเชื่อคือพระเยซู เราก็มีเป้าหมายเดียวกัน ปัญหาทุกปัญหา ก็มาจากภายในทั้งสิ้น
เราจะเห็นได้จากคริสตจักรในเมือง โครินธ์ เองก็เช่นกัน บางครั้งเราตัดสินกันเอง พิพากษากันเอง
พูดลับหลังกันเมื่อไม่พอใจ และเกิดการแบ่งฝ่าย ทำให้คริสตจักรหยุดชะงัก เราเห็นภาพเหมือนการเมือง
ในปัจจุบันหรือไม่ครับ


พระคัมภีร์บอกให้เราเชื่อฟังผู้นำ ผู้นำคือคนที่พระเจ้าเจิมตั้งไว้ แน่นอนผมไม่ได้ให้ตะบี้ตะบันเชื่อฟังและ
ทำในสิ่งทีไม่ถูกต้อง แต่การได้คุยอย่างเปิดอกนั่นย่อมดีกว่า (เรื่องการเชื่อฟัง ขออนุญาติ พูดในบทความหน้า)
แต่พระเจ้าเท่านั้นคือผู้พิพากษาและตัดสิน ผู้เดียวเท่านั้น ใครหว่านสิ่งใด ก็จะได้สิ่งนั้น


"อย่าตัดสิน มิฉะนั้นท่านเองจะถูกตัดสินด้วย เพราะท่านตัดสินผู้อื่นอย่างไร ท่านจะต้องถูกตัดสินอย่างนั้น
ท่านตวงไปให้ด้วยทะนานอันใด ท่านก็จะได้รับเท่ากับทะนานอันนั้น
เหตุใดท่านมองดูผงขี้เรื่อยในตาของพี่น้อง แต่ไม่ใส่ใจกับไม้ทั้งท่อนในตาของท่านเอง?
ท่านพูดกับพี่น้องได้อย่างไรว่า ให้เราเขี่ยงผงออกจากตาของท่านเถิดในเมื่อตลอดเวลานั้นท่านเองมีไม้ทั้งท่อน
อยู่ในตา เจ้าคนหน้าซื่อใจคดจงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของเจ้าเองก่อน แล้วเจ้าจะเห็นชัด เพื่อจะเขี่ยผง
ออกจากตาของพี่น้องได้"
มัทธิว 7:1-5
"จงยอมรับผู้ที่อ่อนแอในความเชื่อโดยไม่ตัดสินเขาในเรื่องที่มีความเห็นแตก ต่ากัน
คนหนึ่งเชื่อว่ากินได้ทุกอย่าง แต่อีกคนหนึ่งซึ่งมีความเชื่ออ่อนแอ กินแต่ผักเท่านั้น
คนที่กินทุกอย่าง อย่าดูถูกคนคนที่ไม่กิน และคนที่ไม่กินก็อย่ากล่าวโทษคนที่กิน
เพราะพระเจ้าทรงยอมรับเขาแล้ว ท่านเป็นใครเล่นที่จะตัดสินบ่าวของคนอื่น ?
เขาจะได้ดีหรือเลวก็แล้วแต่นายของเขา และเขาจะได้ดีเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า
ทรงสามารถทำให้เขาได้ดี
คนหนึ่งถือว่าวันหนึ่งศักดิ์สิทธิ์กว่าอีกวันหนึ่ง ส่วนอีกคนถือว่าทุกวันเหมือนกันหมด
แต่ละคนควรแน่ใจในความคิดเห็นของตนอย่างเต็มที่ ผู้ที่ถือวันหนึ่งวันใดเป็นพิเศษก็
ให้ถือเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่กินเนื้อก็กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาขอบพระ
คุณพระเจ้า และผู้ที่ไม่กินก็ไม่กินเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้า"


โรม 14:1-6
ตอนหนึ่งได้บอกว่าแต่ละคนก็มั่นใจในความเห็นของตนอย่างเต็มที่ สิ่งนี้แหละครับทำให้เรา
ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กันและกัน


สิ่งเหล่านี้ก็เป็นปัญหาของคริสตจักรในเมืองโครินธ์ อ.เปาโล ยำเรื่องนี้ให้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน
ในพระกายของพระคริสต์


"จงถ่อมใจและสุภาพอ่อนโยนในทุกด้าน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก
จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในพระวิญญาณโดยมีสันติสุข
เป็นเครื่องผูกพัน มีกายเดียวและพระวิญญาณองค์เดียวเหมือนกับที่ทรงเรียกท่าน
มาสู่ความหวังเดียวเมื่อทรงเรียกท่าน มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว
บัพติศมาเดียว มีพระเจ้าองค์เดียวผู้ทรงเป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือ
ทั้งมวล ทั่วทั้งสิ้น และในทั้งหมด"


1.จงถ่อมใจ
ถ่อมใจคือ ทำให้ต่ำลงให้ต้อยต่ำกว่าความเป็นจริง ถ่อมเกียรติ ลดเกียรติลง ลดตัวลง
แม้มีเกียรติหรือมีความรู้สูง แต่บอกว่ามีน้อยไม่โอ้อวด
โรม 12:16
"จงอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียว อย่าหยิ่งผยอง แต่จงเต็มใจคบค้าสมาคมกับคนที่มี
ฐานะต่ำ*(หรือ เต็มใจทำงานที่ต่ำต้อย) อย่าทะนงตน"


ยากอบ 3:1
"พี่น้องทั้งหลาย อย่าตั้งตัวเป็นอาจารย์กันให้มากนักเลย เพราะรู้อยู่ว่าเราทั้งหลาย
ที่เป็นผู้สอนนั้นจะถูกตัดสินอย่างเข้มงวดกว่าผู้อื่น"


ผมไม่ได้เหมารวมถึงคริสเตียนผู้เชื่อทุกคน ผู้นำบางคนหรือผู้เชื่อบางคนไม่ได้มีใจที่ถ่อม
อย่างแท้จริง มนุษย์จะปกป้องตัวเองเมื่อเจอกับสถานการณ์รอบด้านเขาคิดว่า เกียรติหรือ
ตำแหน่ง หรือความรู้ สามารถปกป้องเขาได้


2.สุภาพอ่อนโยน
สุภาพอ่อนโยนคือ ความเรียบร้อยและความละมุนละม่อม สุภาพเรียบร้อยไม่แข็งกระด้าง
พระเยซูเองเป็นแบบอย่างที่ดีและชัดที่สุดของความสุภาพและอ่อนโยน
และเราเองที่มีพระเยซูคริสต์ภายในล่ะเรามีท่าทีเช่นไร?
เราแตกต่างจากโลกนี้หรือไม่? เราเองแข็งกระด้างต่อกันหรือไม่ เมื่อมีสิ่งใดที่ไม่ถูก
ใจของเราหรือไม่ได้ดั่งใจเรา เรามีความละมุนละม่อมพอ หรืออ่อนโยนพอมั๊ยกับสถานการณ์นี้


อย่าให้เราดำเนินตามสติปัญญาของโลกนี้
ยากอบ 3:15
"สติปัญญา แบบนั้นไม่ได้มาจากสวรรค์แต่เป็นแบบโลก ไม่อยู่ฝ่ายวิญญาณและเป็นของมาร"


มัทธิว 11:29-30
"จงรับแอกของเราแบกไว้ และเรียนรู้จากเรา เพราะเราสุภาพและถ่อมใจ แล้วจิตวิญญาณ
ของท่านจะพักสงบ เพราะแอกของเรานั้นพอเหมาะและภาระของเราก็เบา"
แอกของพระเยซูที่พูดถึงในปัจจุบันนี้ ก็คือเราสามารถรับแบกปัญหาที่เราเจอได้หรือไม่
ในคริสตจักรเองก็เช่นกัน ไม่ว่าแอกนั้นจะหนักแค่ไหน จนแทบจะไม่อยากแบกอีก
พระเยซูหนุนใจเราว่า ให้เรียนจากพระองค์สิ เพราะพระองค์สุภาพ และถ่อมใจ ผมหนุนใจ
ให้เราเรียนรู้ด้วยกันนะครับ


3.จงอดทนอดกลั้นต่อกันด้วยความรัก
ความอดทนอดกลั้น แค่ 5 พยางค์เท่านั้นแต่ทำไมยากเหลือหลายสำหรับเราที่จะ อดทนให้ได้
อดทนอดกลั้นคือ ความพยายามกัดฟันสู้เพื่อระงับยับยั้ง ซาตานเองมักจะใช้อุบายเพื่อให้เราพ่ายแพ้
ในปฐมกาล ผมมองเห็นมุมหนึ่งของเอวา และอาดัม เมื่อเขาโดนซาตานเองล่อลวงด้วยกลอุบายต่างๆ
เขาไม่สามารถยับยั๊งท่าทีและความคิดได้เลย
ในภาพยนต์มักจะใส่คำว่า ยอมไม่ได้ แพ้ไม่ได้ ตัวเอกของเรื่อง มักจะไม่อดทนอดกลั้นอะไรนัก
ในการปล่อยพลัง หรือความโกรธออกมา
การอดทนอดกลั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้ พระเยซูอดทนอดกลั้นขนาดไหน ที่ยอมโดนดูถูก ด่า
หยามเกียรติ ถ่มน้ำลายใส่ เยอะเย้ย ถากถาง โบยตีจนยับไปทั้งตัว สมัยผมเป็นเด็กรวี ผมเคยได้ยิน
พี่ๆบางคนพูดว่า ถ้าพระเยซูไม่อดทนอดกลั้นก็สามารถเรียกกองทัพสวรรค์มาบดขยี้ได้สบายๆ
แบบในภาพยนต์ และนั่นก็จะเป็นชัยชนะแบบโลก แค่นั้นจบ มาตฐานของโลกนี้ ใช่!พระองค์แพ้
แต่นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่สำหรับพระเจ้าพระบิดาผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด เป็นความสำเร็จ ของฟ้าสวรรค์ที่
ฉลองชัยชนะเมื่อพระองค์เป็นขึ้นจากความตาย
(ขออภัยครบที่ออกนอกเรื่องมาเยอะเลย)
และนี่เองเป็นบทเรียนที่เราจะเดินตาม คำว่าแตกแยก คำว่าสะดุด แบ่งพรรคแบ่งพวกยังควรจะมี
ในเราหรือไม่
สิ่งสำคัญ กุญแจตรงนี้คือความรัก บัญญัติข้อใหญ่ที่พระเจ้าให้ไว้ พระองค์ทำสำเร็จเพราะความรัก
เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก (พระคัมภีร์ ยอดฮิตสมัยเราเป็นเด็กๆ) ยอห์น 3:16
ความรักนั้นทนนาน       1 โครินธ์ 13:4 รักที่อดทนต่อมนุษย์ทั้งโลก (ทั้งโลก)


4.จงเพียรพยายามรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว
จงเพียรพยายาม คำคำนี้ไม่ง่ายเช่นกัน แต่ไม่ใช่ด้วยกำลังของเราเองที่เพียรพยายาม แต่โดย
พระวิญญาณที่จะช่วยเราในการครั้งนี้
"ไม่ใชด้วยกำลัง ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์อำนาจ แต่โดยพระวิญญาณของเรา พระยาเวห์ผู้ทรงฤทธิ์ตรัสดังนั้น"


1 โครินธิ์ 1:10
เรื่อง..ความแตกแยกในคริสตจักร
"พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าขอร้องท่านในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเราว่า
ให้ท่านทุกคนปรองดองกัน เพื่อจะไม่มีความแตกแยกใดๆในหมู่พวกท่าน และเพื่อ
ท่านจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ทั้งในความคิดและจิตใจ"


เพลงหนึ่งที่พี่น้องคริสเตียนที่ผมรู้จักได้แต่งไว้
ท่านร้องรับมีเนื้อประมาณว่า
ผูกความสัมพันธ์ทั้งเธอและฉันร่วมเป็นหนึ่งเดียว
คณะไหนก็ไม่เกี่ยวร่วมเป็นหนึ่งเดียวหนึ่งในพระกาย (ประมาณนี้ครับ)


1 โครินธิ์ 12:12-31


ข้อ 12 "กายนั้นเป็นกายเดียวแม้จะประกอบด้วยอวัยวะหลายส่วน
และแม้อวัยวะทั้งหมดจะมีหลายส่วนก็ประกอบกันเป็นกายเดียว พระคริสต์
ก็เช่นกัน เพราะเราทั้งหมดก็รับบัพติศมาโดย พระวิญญาณองค์เดียวเข้า
เป็นกายเดียวกัน ไม่ว่าเราจะเป็นยิวหรือกรีก เป็นทาสหรือไท และเรา
ทั้งหมดก็ได้รับพระวิญญาณองค์เดียวกัน"


เราจะบอกว่าเธอ ไม่จำเป็นสำหรับฉัน ฉันก็ไม่อยากไปยุ่ง เกี่ยวกับเธอ ต่างคนต่างอยู่
ต่างคนต่างทำงาน ต่างคนต่างรับใช้ พวกใครพวกมัน หรือไม่ก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้เพราะ
ต่างฝ่ายก็ เสือด้วยกันทั้งนั้น ยอมกันไม่ได้ หากเท้าจะพูดว่า "เพราะฉันไม่ใช่มือ ฉันจึง
ไม่ได้เป็นของร่างกายนั้น" นั่นไม่ใช่เป็นเหตุผลให้กายนั้นไม่เป็นของกันและกัน
ถ้าทั้งหมดต่างจะเป็นอวัยวะเดียว โดดๆ ร่างกายจะไปอยู่ที่ไหน ? อย่าให้เรามีความคิด
ที่ไม่ต้องการกันและกัน หรือ แบ่งแยกกัน เมื่อมีฝ่ายใดอ่อนแอก็ย่อมมีผลกระทบทั้งหมด
เราร้องเพลงวา เรารักพระองค์ๆๆๆ แต่จริงๆเรารักตัวเองหรือไม่ เรากลัวเจ็บ
แต่พระเยซูเจ็บยิ่งกว่า "ถ้าอวัยวะหนึ่งเจ็บ ทุกส่วนก็พลอยเจ็บด้วย ถ้าอวัยวะหนึ่งมีเกียรติ
ทุกส่วนก็ร่วมชื่นชมยินดีด้วย"


โคโลสี 1:18
"พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือ คริสตจักร ทรงเป็นจุดเริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่เป็นขึ้นจากตาย
เพื่อพระองค์จะทรงเป็นผู้สูงสุดในทุกสิ่ง"


โรม 12:5
"ในพระคริสต์พวกเราซึ่งมีกันหลายคนก็ประกอบเข้าเป็นกายเดียว และแต่ละอวัยวะก็เป็นส่วนหนึ่ง
ของอวัยวะทั้งหมดฉันนั้น"


เราเห็นได้ว่าพระเจ้าเน้นมากเกี่ยวกับเรื่องของอวัยวะเดียว กายเดียวกัน พระเจ้าเน้นในทุกยุคทุกสมัย
ทำไม ?พระเจ้าถึงเน้นเรื่องนี้ด้วยในพระคัมภีร์ เพราะว่าปัญหานี้มีมานานแล้ว และพระองค์ก็ห่วงใย
และหวงแหนในพระกายของพระองค์ พระองค์ต้องการกายที่สมบูรณ์โดยมีพวกเราทุกคนที่เชื่อ
พระองค์ทำสำเร็จแล้วบนไม้กางเขนโดยการที่พระองค์ได้สิ้นพระชนม์ เพื่อเราทุกๆคน
พระองค์อดทนต่อทุกสิ่งที่เผชิญ อดทนอดกลั้น ถ่อมใจลง พระองค์ได้ทำสำเร็จแล้วโดยไม่มีเงื่อนไข


ถ้าโลกนี้เป็นข้อสอบ พระเยซูได้สอบผ่านทุกข้อทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เราเอง คริสตจักรเองไม่ได้ผ่านกับ
สิ่งเหลานี้ พระเยซูมาแบบสภาพมนุษย์เพื่อให้เราทุกคนเชื่อว่าเราจะทำได้ด้วยเช่นกัน
เราต้องผ่านกับความคิดที่ซาตานพยายามยัดเยียดให้เรา


แน่นอนมันยากลำบากมาก มันต้องเจ็บ แต่ให้เราเพ่งมองที่พระเยซูคริสต์ เป็นแบบอย่าง
พระองค์ไม่กลัวเสียเกียรติ พระองค์ถอดการยอมรับและยศถาบรรดาศักดิ์ พระองค์เป็นถึงพระเจ้า
แต่มารับสภาพแบบนี้ ผมหนุนใจเราว่านี่คือชัยชนะของพระเยซู และตอนนี้พระองค์ก็อยู่ในเรา


ผมขอจบตรงนี้ด้วยคำอธิฐานของพระเยซูเพื่อผู้เชื่อทั้งปวง ว่า
"เพื่อพวกเขาทั้งหมดจะเป็นหนึ่งเดียวกัน พระบิดาเจ้า พระองค์ทรงอยู่ในข้าพระองค์
และข้าพระองค์อยู่ในพระองค์อย่างไร ก็ขอให้พวกเขาอยู่ในพระองค์ และอยู่ในข้าพระองค์
อย่างนั้นด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงส่งข้าพระองค์มา เกียรติ พระสิริซึ่งพระองค์
ประทานแก่ข้าพระองค์นั้นข้าพระองค์ได้มอบให้พวกเขาแล้วเพื่อพวกเขาจะได้เป็น หนึ่งเดียวกัน
เหมือนที่พระองค์กับข้าพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกันคือ ข้าพระองค์อยู่ในพวกเขาและพระองค์อยู่
ในข้าพระองค์ ขอให้พวกเขาได้รวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้โลกรู้ว่าพระองค์
ทรงส่งข้าพระองค์มา และ ทรงรักพวกเขาเหมือนดั่งที่พระองค์ทรงรักข้าพระองค์"
ยอห์น 17:21-23
ท้ายสุดนี้ ท้ายสุดจริงๆครับ ของฝากพระคัมภีร์ใน สดุดี 133
“เป็นการดีและน่าชื่นใจยิ่งนัก เมื่อพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน!เหมือนน้ำมันล้ำค่าหลั่งรินบนศีรษะไหลลงมาบนหนวดเครา ไหลลงมาบนหนวดเคราของอาโรนไหลลงบนคอเสื้อของเขา ดั่งน้ำค้างบนภูเขาแห่งเฮอร์โมน ตกลงบนภูเขาศิโยน เพนสะองค์พระผู้เป็นเจ้า ประทานพระพรที่นั่น ประทานม้แต่ชีวิตนิรันดร์”
ผมขอหนุนใจอีกครั้งว่า ให้เราทำลายกำแพงที่ขวางกั้นความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันลง อยากฝากบทเพลงหนึ่งที่อยู่ในความประทับใจ เมื่อนมัสการด้วยบทเพลงนี้ ร่มในคำอธิฐานของพระเยซู และประกาศการเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ในครอบครัว ในคริสตจักร ในจังหวัดนครราชสีมา ในประเทศไทย และทั่วโลก เพื่อพระกายที่สมบูรณ์ในพระเยซูคริสต์ เมื่อถึงเวลานั้น อาณาจักรแห่งความมืดจะไม่มีชัยชนะอีกต่อไป
เราขอสั่งทำลายกำแพง
พระองค์บัญชาพระพรเหนือ  ณ ที่นั่น  
ซึ่งพี่ น้องอาศัยร่วมด้วยกัน
และน้ำมัน แห่งการเจิมพระองค์จะไหลหลั่ง   
เมื่อเราเป็นกายเดียว


พระองค์เลือกเราให้เข้าในพระกาย 
เป็นสหายของพระองค์
รวมพวกเราไว้ในพระวิญญาณบริสุทธิ์      
เป็นนิจนิรันดร์


พระบิดาเราร่วมคำอธิษฐาน พระเยซู
ขอทรงรวมพวกเราเป็นหนึ่งเดียว
ขอทรงให้เรามีนิมิตหมายที่ร่วมกัน
คือ เพื่อความรักของพระบุตร


เราขอสั่งทำลาย กำแพง  เราขอสั่งทำลาย กำแพง
เราขอสั่งทำลาย กำแพง   ใน พระนามของพระบุตร


เรา ขอสั่งทำลายกำแพง เราขอสั่งทำลาย กำแพง
เราขอสั่งทำลาย กำแพง   ให้เราเป็นกายเดียว


ขอบคุณพระเจ้า อาเมน
ข้อพระคัมภีร์จาก NIV

ktm.worship 

2 ความคิดเห็น: