วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2553

จะตอบสนองเช่นไร?

                                               
จะตอบสนองเช่นไร?


คริสตจักรในปัจจุบันนี้ ต้องพบเจอกับปัญหาเรื่องของการ กระทบกระทั่งกันเองในคริ


สตจักร ผมเคยเขียน เรื่อง "ใจเดียว กายเดียวในพระเยซูคริสต์" ที่พูดถึงความเป็นน้ำหนึ่ง


ใจเดียวกัน แต่เราจะตอบสนองต่อสถานการณ์เช่นไร ถ้าเราไม่ผิด แต่เราโดนกล่าวโทษ


โดนปรักปรำล่ะ เราโดนใส่ร้ายล่ะ โดยที่เราก็ไม่ได้ผิด เราจะเงียบโดยไม่พูดอะไรเลย


โดยยอมอดทนทุกครั้งไป เพราะรู้ว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์ ยอมแพ้ดีกว่า อยากคิดอะไร


ก็คิดไป เราก็เอาไปนอนเจ็บปวดอยู่ หรือเราเลือกที่จะโต้ตอบบางสิ่งบางอย่างออกไป


ด้วยอารมณ์ หรือด้วยความรักเหตุผล


“การลงโทษ” ในภาษากรีกนอกจากแปลว่า “การลงโทษ” แล้วยังหมายถึง “การกล่าว


โทษ, การตัดสินว่าเป็นคนใช้ไม่ได้, ด่าว่า, ตำหนิ. ตราหน้า” ด้วย


ผมเองเคยได้ยินเรื่องราวของผู้รับใช้หลายคนที่ต้องออกจากคริสตจักร  เหตุเพราะ


ถูกกล่าวโทษและถูกตัดสินจากสมาชิก หรือเพื่อนผู้นำด้วยกัน
1 เปโตร 7:1
"อย่าตัดสิน มิฉะนั้นท่านเองจะต้องถูกตัดสินด้วย"
บางคนมีความเข้าใจและความคิดว่า  การโต้ตอบเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และไม่ควรทำการ


โต้ตอบออกไป แต่ในบางครั้งเราก็ต้องกล้าเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความรัก และ


กล้าปฏิเสธคำตัดสินผิดๆ และการปรักปรำที่ไม่สมเหตุสมผลด้วย


การเงียบโดยไม่พูดอะไรเลยไม่ใช่ทางออกที่จะใช้ทุกครั้งไป แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือให้เรา อธิ


ฐานและถามกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ว่าควรจะทำเช่นไรในสถานการณ์นั้น การที่เราจะ


ถามพระวิญญาณบริสุทธิ์ หมายความว่าชีวิตเราต้องมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าด้วย


แต่ถ้าเรารู้สึกเสียหน้า เสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรี และต้องการปกป้องตัวเองจากสถานการณ์


ตอนนั้น ขอหนุนใจให้เราระลึกเสมอว่า เกียรติศักดิ์ศรี นั้นเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้า


เราถูกและไม่ได้เป็นแบบที่ถูกกล่าวหา เราจะไปโมโหและโกรธเพื่ออะไร พระเจ้าเท่า


นั้นที่จะมีสิทธิ์ตัดสินได้ ในส่วนของเราก็ให้เรายั้งลิ้นของเราไว้
"อย่าหลุดปากเอ่ยสิ่งไม่สมควร แต่จงกล่าววาจาอันเป็นประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างผู้อื่น


ขึ้นตามความจำเป็นของเขาจะได้เป็นผลดีแก่ผู้ฟัง"
เอเฟซัส 4:19


ผมหนุนใจให้เราลองถ่อมใจลงและมองดูที่ตัวเอง กลับมาที่ตัวเราเอง อธิฐานขอพระ


วิญญาณ สำแดงแก่เราถ้าเรามีสิ่งนั้นโดยไม่รู้ตัว


ถ้าเรามีความรู้สึกดังต่อไปนี้ควรจะ
-ถ้ารู้สึกพูดอะไรออกไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
   ก็ขอเงียบไว้
-ถ้ารู้สึกมีอารมณ์ เสียหน้า เสียเกียรติ ถูกดูหมิ่น
   ก็ขอเงียบไว้
-ถ้ารู้สึกต้องการให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และเข้าใจในตัวเรา เพื่อเห็นแก่คน   นั้น


ที่จะไม่ถูกพิพากษา
   ก็จงอธิบายด้วยความรัก และเหตุผล


ในความเป็นจริงแล้วการนิ่งเฉยจะเป็นการตอบสนองที่ดีที่สุดเสมอไปหรือไม่ ? ในบาง


ครั้ง เราเองก็ต้องพูดอะไรอะไรออกไปบ้างด้วยท่าทีแห่งความรักที่มีต่อกัน ไม่ใช่การทุ่ม


เถียง หรืออารมณ์โกรธ


พระเยซูเองก็เป็นแบบอย่างที่ดีในการตอบสนองต่อคำกล่าวโทษและปรักปรำ


1.มาระโก 14:60-61 (53-61)
ต่อหน้าสภาแซนเฮนริน
พวกปุโรหิตพยายามปรักปรำพระเยซู โดยการใส่ร้าย แต่ก็ต้องพบกับพระเยซูที่ไม่แก้ต่าง


หรือแก้ตัวใดๆเลย จึงได้ถามพระองค์ว่า "ท่านจะไม่ตอบอะไรเลยหรือ ?"
พระเยซู พระองค์แสดงออกด้วยอาการเงียบและนิ่ง


ในสถานการณ์เช่นนั้นพระเยซูเองพระองค์ทรงรู้ดีว่า โต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร


และพระองค์ทรงรู้ดีว่าพระองค์ต้องมารับสภาพแบบนี้อยู่แล้ว พระองค์รู้ดีว่าพระองค์


ต้องพบเจอกับสิ่งเลวร้ายอะไรบ้าง เพื่อไปสู่ชัยชนะที่ไม้กางเขน
พระองค์ไม่ได้ทรงแก้ต่างเพื่อศักดิ์ศรี และปกป้องตัวเองเลย
พระวจนะตอนหนึ่งในอิสยาห์ที่เผยถึงพระองค์ว่า
"เขาถูกกดขี่ข่มเหงและทนทุกข์ทรมาน แต่ไม่เคยปริปากเลย เขาถูกนำตัวไปเหมือนลูก


แกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เงียบอยู่ต่อหน้าคนตัดขน เขาก็ไม่ปริปากเช่นกัน"
อิสยาห์ 53:7


มหาปุโรหิตตรัสถามพระองค์อีกครั้งว่า "ท่านคือพระคริสต์พระบุตรขององค์ผู้ทรงเป็น


ที่สรรเสริญหรือ?"


ครั้งนี้พระองค์ตรัสตอบว่า "เราเป็น และท่านจะเห็นบุตรมนุษย์นั่งอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์


ขององค์ผู้ทรงฤทธิ์ และเสด็จมาบนหมู่เมฆแห่งสวรรค์"


ผมประทับใจในการตอบสนองที่พระเยซูมีมาก ครั้งแรกพระองค์เงียบ และไม่ได้


ปฏิเสธคำกล่าวหาเพื่อปกป้องพระองค์เอง
แต่พระองค์ก็ไม่นิ่งเฉยที่จะตรัสถึงความเป็นจริง เพื่อให้โลกได้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็น


พระบุตรของพระเจ้า


ผมขอเสริมข้อพระคัมภีร์การสนทนาของพระเยซูกับพวกยิวใน
ยอห์น 8:13-59


ซึ่งพระเยซูได้สนทนาโต้ตอบกับพวกยิวในตอนนี้พระองค์ได้สอน และท้าทายให้พวก


เขาพิสูจน์ว่าพระองค์ทำบาปหรือไม่?


2.การขอโทษ
การขอโทษถ้าค้นในพระคัมภีร์เราจะไม่พบ แต่ผมอยากพูดถึงการถ่อมใจลง
ขอโทษคือการ ขอให้ยกโทษให้ เมื่อผมอ่านและรู้ความหมายตรงนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้


เลยที่เราจะใช้ความคิดของโลก และกล้าที่จะพูดว่าขอโทษ ทั้งที่เราไม่ได้มีความผิด แน่


นอนมันยากมาก ถ้าเราสวมใจเนื้อหนัง แต่ถ้าเรามีพระทัยแบบพระเยซูคริสต์และถ่อมใจ


ลง ถ่อมใจ คือลดตัวลง มีเกียรติหรือมีความรู้สูง แต่บอกว่ามีน้อย ไม่โอ้อวด เรากล้าที่


จะถอดเกียรติ ความรู้ของเราลงหรือไม่ ?
"ท่านควรมีท่าทีแบบเดียวกับพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพพระเจ้า แต่ไม่ได้ยึดติดในความ


เท่าเทียมกับพระเจ้า พระองค์กลับทรงสละทุกสิ่ง มารับสภาพทาสบังเกิดเป็นมนุษย์ และ


เมื่อทรงปรากฏเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงถ่อมพระทัยลง และยอมเชื่อฟังแม้ต้องตายบน


ไม้กางเขน"
ฟิลิปปี 2:5-6
การมารับสภาพทาสหรือเป็นเหมือนทาส และรับเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่ผมหนุนใจว่า


เราเองแม้เราจะขอโทษ ก็ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้รับโทษมาซะเอง แต่พระเยซูที่อยู่


ในเราได้รับแบกทุกอย่างไว้บนพระกายของพระองค์แล้ว
และนี่คือชัยชนะของพระเยซูคริสต์ และพระเยซูคริสต์อยู่ในเราและเราเองก็มีชัยชนะด้วย


ขอบคุณพระเจ้า

ktm.worship 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น