วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิต

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิต
1 ยอห์น

          ครั้งหนึ่งผมเคยดูสารคดีที่เกี่ยวกับเรื่องของธรรมชาติ และผมก็พบว่าต้นไม้บางต้นนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาของการผลัดใบ ใบไม้ก็จะร่วงจนหมด จนเหมือนต้นไม้ที่ตายแล้ว หรือบางครั้งก็อาจเกิดจากปัจจัยบางประการซึ่งทำให้ต้นไม้นั้นใบร่วงหล่นจนหมด บางคนอาจจะคิดว่าต้นไม้ต้นนั้นได้ตายไปแล้วเพราะไม่มีใบและไม่สามารถเกิดผลได้อีกแล้ว

          เราจะบอกถึงความแตกต่างได้อย่างไร ระหว่างต้นไม้ชนิดนี้ที่ยังไม่ตาย กับต้นไม้ที่ตายไปแล้วจริงๆ บางครั้งก่อนหน้าที่จะมีเครื่องมือที่ทันสมัยเช่นในปัจจุบัน อาจะใช้วิธีการขุดหรือโค่นต้นไม้นั้นเพื่อดูเนื้อไม้ว่าต้นนี้ตายแล้วหรือยังไม่ตาย เราอาจจะโค่นต้นไม้ที่ยังไม่ตายที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ได้ อะไรล่ะคือความแตกต่าง และเราจะรู้ถึงความแตกต่างได้อย่างไรโดยที่ไม่ต้องโค่นด้วยวิธีรุนแรง

          ในคริสตจักรอาจจะมีคริสเตียน 2 กลุ่มนี้คือคริสเตียนที่หลับอยู่ เช่นต้นไม้ที่ยังไม่ตาย และ
คริสเตียนที่ตายสนิท แต่สิ่งที่เหมือนกันหรือคล้ายกันก็คือ ทั้งสอง ไม่มีการเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ ถ้าผู้นำคริสตจักรนิ่งนอนใจว่าเขาไม่เป็นไร ไม่ต้องช่วยเหลือหรือดูแล เราก็อาจะไม่ได้พบกันอีกที่สวรรค์ก็ได้

          การที่จะรู้ว่าต้นม้นั้นจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้นทำได้โดย การรดน้ำ ใส่ปุ๋ยเอาใจใส่และดูแลต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้ที่หลับอยู่หรือใกล้ตายก็จะตื่นขึ้นมาและผลิดอกออกผลมีใบใหม่เกิดขึ้น การออกผลเป็นการยืนยันถึงการมีชีวิตที่สมบรณ์

          เราต้องท้าทายกลุ่มคริสเตียนที่ไม่มีการเติบโตฝ่ายวิญญาณ เพื่อที่จะให้เขามีการเติบโตและออกผล คือเกิดผลในฝ่ายวิญญาณ เช่นเดียวกันเมื่อมีผลฝ่ายวิญญาณก็หมายความว่า ชีวิตฝ่ายวิญญาณที่มีชีวิต ชีวิตที่ยังคงอยู่คือชีวิตที่เกิดผลฝ่ายวิญญาณ

          ยอห์น 15:5 เราเป็นเถาองุ่น   ท่านทั้งหลายเป็นแขนง   ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา   ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก   เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย
การไม่เกิดผลเลยก็เหมือนกับารที่ตายไปแล้ว หลายครั้งเราเข้าสนิทผิดคนทำให้เราไม่เกิดผลและเหี่ยวแห้งตายไป การมีชีวิตนี้รวมไปถึงการมีชีวิตนิรันดร์ด้วย บางคนสงสัยในความรอดของตัวเอง
          ในพระคัมภีร์ 1 ยอห์น ได้อธิบายถึงครูเทียมเท็จที่สอนเรื่องไม่จริงว่า ร่างกายเป็นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นเมื่อร่างกายทำผิดบาป จิตวิญญาณภายในก็ยังชอบธรรมอยู่ หลายคนที่เชื่อคำสอนเท็จนี้จึงเดินและใช้ชีวิตในความบาปอย่างเปิดเผย ใน 1 ยอห์น ยอห์น ได้ชี้ให้ผู้อ่านพบว่า คำสอนแบบนี้เป็นคำสอนเท็จ และต้องการให้ผู้อ่านมีความมั่นใจในความรอด บททดสอบ 3 อย่างใน 1 ยอห์น คือ
1.ทดสอบเรื่องความบาป 1:5  - 2:2
          เราต้องรู้ก่อนเยว่าเราเป็นคนบาป พวกนอกรีตเทียมเท็จที่อ้างตัวว่าไม่บาป คนพวกนี้ก็เป็นพวกลวงตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตกเป็นทาสของความบาปนะครับ หลายคนไม่ยอมรับและลวงตนเองก็ยิ่งถลำลึกเข้าไปลึกเรื่อยๆในความบาป โดยพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เราก็ได้รับการชำระแล้ว ถ้าเราสารภาพบาปของเรา เราก็ได้รับการอภัย บาปที่ทำบ่อยๆซ้ำๆซากๆก็นำไปถึงความตายและไม่ได้เกิดจากพระเจ้าแต่มาจากมาร
เราต้องมั่นใจ คือการมั่นใจว่า….
เราได้รับการอภัยโทษความบาป 1 ยอห์น 1:9-10
ถ้าเราสารภาพบาปของเรา   พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม   ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา   และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น 10ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่ได้ทำบาป   ก็เท่ากับเราทำให้พระองค์เป็นผู้ตรัสมุสา   และพระดำรัสของพระองค์ก็มิได้อยู่ในเราทั้งหลายเลย

2.ทดสอบเรื่องความรัก 2:2-11
ความรักที่พระเจ้าให้บัญญัติแก่เรานั้น เราเป็นคนที่ประพฤติตามหรือไม่ พระเจ้าให้เรามีความรัก เราอาจจะอ้างว่าเราอยู่ในความสว่าง แต่พระคัมภีร์บอกว่าถ้าเราเกลียดพี่น้องของตน เราก็อยู่ในความมืด นั่นก็คือได้ตายไปแล้ว การรักซึ่งกันและกันเป็นบัญญัติของพระเจ้า คือการรักด้วยการกระทำและความจริงใจ ไม่ใช่แค่คำพูดและปากเท่านั้น
เราประพฤติตามพระวจนะแห่งความรักหรือไม่ หรือเพียงแค่บอกว่าเรารู้จักพระเจ้าแต่ไม่ได้ประพฤติตาม พระคัมภีร์บอกว่าความจริงไม่ได้อยู่ในคนคนนั้นเลย (2:4-5) เราต้องสำรวจตัวเองดูว่าเรารักพี่น้องหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะดีกับเราหรือไม่เราต้องรักโดยไม่มีเงื่อนไข และข้อแม้ ถ้าเราทำไม่ได้เราก็ไม่ได้มาจากพระเจ้า ความรักนั้นตรงข้ามกับความเกลียด
ถ้าผู้ใดว่าข้าพเจ้ารักพระเจ้าแต่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้ เมื่อเรารักพระเจ้า เราต้องรักพี่น้องด้วยเพราะว่าพระเจ้าเป็นความรัก และสถิตอยู่ในเรา

3.ทดสอบเรื่องพระเยซู
          เราต้องรู้ว่าเราเชื่อพระเยซู เราเชื่ออะไรในพระองค์ เราต้องเชื่อว่าพระเยซูในสภาพมนุษย์ กับพระเยซูในฐานะพระเจ้าเป็นบุคคลคนเดียวกัน เราเชื่อแบบนั้นหรือไม่?
คำสอนหรือความเชื่อที่ปฏิเสธเรื่องนี้ ว่าพระองค์ไม่ใช่คนเดียวกัน คือคำสอนความเชื่อจอมปลอม เราต้องเชื่ออีกด้วยว่าพระองค์มาในสภาพมนุษย์ ถ้าเรายอมรับและเชื่อเช่นนี้ เราก็มีวิญญาณที่มาจากพระเจ้า หากเราไม่เชื่อเราก็เป็นปฏิปักษ์กับพระคริสต์
           นอกจากนี้เราต้องยอมรับและมั่นใจว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้า การยอมรับความจริงนี้ พระเจ้าจะสถิตในเราและเราก็อยู่ในพระเจ้า ที่มีชีวิต (4:15)

ผลของพระวิญญาณ
ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น  
คือความรัก   ความปลาบปลื้มใจ   สันติสุข   ความอดกลั้นใจ   ความปรานี   ความดี   ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม   การรู้จักบังคับตน   เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
กาลาเทีย 5.22-26

เราสามารถดูคนที่มีชีวิต และความเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ไม่ใช่แค่ภายนอกว่าเขาดูดี มีความรู้สูง จบศาสนาจารย์ หรือเก่ง แต่ตัววัดถึงชีวิตที่แท้จริงก็คือผลของพระวิญญาณ

ต้นไม้ที่ยังมีชีวิตจะสามารถผลิดอกและออกผลได้ คริสเตียนที่มีผลฝ่ายวิญญาณก็เป็นผู้ที่มีชีวิต ผลฝ่ายวิญญาณใน 1 ยอห์น คือ
-ความชอบธรรม คือมีชีวิตในความชอบธรรมของพระองค์และไม่ทำบาป
-ความรู้ (เชื่อ) เชื่อว่าพระองค์ทรงเป็นพระคริสต์และพระบุตรของพระเจ้า
-ความรัก คือมีความรักเหมือนดั่งที่พระองค์ทรงมีด้วยการกระทำและด้วยจริงใจ

จงมั่นใจเมือท่านผ่านการทดสอบเหล่านี้ ว่าเราได้รับชีวิตนิรันดร์แล้ว (5:13) คริสเตียนที่หลับใหลจงตื่นขึ้น เราไม่ใช่ต้นไม้ที่ตายแล้ว จงตื่นขึ้นและเติบโตขึ้นในฝ่ายวิญญาณ ขอพระเจ้าช่วยเรา

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย

 ถ้าใครตบแก้มขวาของท่านก็จงหันแก้มอีกข้างหนึ่งให้เขาด้วย มัทธิว อย่าต่อสู้คนชั่ว มธ. 5:39 ส่วนเราบอกพวกท่านว่า อย่าต่อสู้คนชั่ว ถ้าใครตบแ...