วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

กลับมาที่รักแรกของคุณ เลี้ยวกลับมาที่พระเจ้า

                                            กลับมาที่รักแรกของคุณ
เลี้ยวกลับมาที่พระเจ้า
           เราเคยขับรถแล้วเรา หาที่กลับรถหรือไม่ครับ บางครั้งเราขับเลยจุดหมายไป มั่วแต่คุย แล้วก็ไม่ทันได้สังเกต เพราะเราไม่ได้จดจ่อ หรือมีบางสิ่งทำให้เราเผลอ รู้ตัวอีกที แหม เลยมาถึงไหนนี่ ต้องหาที่กลับรถ วันนี้เราจะมากลับรถกันนะครับ….. เพื่อกลับสู่ที่ที่เราควรจะไป
“การหันกลับคือ หันกลับจากทางที่ผิดมาสู่จุดที่ถูก”
นี่เป็นช่วงเวลาที่เราจะเลี้ยวกลับมาที่ความรัก ของพระเจ้ากลับมาหาพระองค์
เป็นช่วงเวลาที่เราต้องสำรวจตัวเองมันอาจจะยาก และรู้สึกอัปยศที่จะยอมรับ
ข้อบกพร่องหรือความบาปในตัวเอง
เฉลยธรรมบัญญัติ 30:1-6
โมเสสได้บอกชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเขาต้องการกลับมาหาพระเจ้า
พระองค์ก็พร้อมจะรับพวกเขา พระเมตตาของพระเจ้านั้นช่างอัศจรรย์
แม้เราจะจงใจละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็พร้อมที่จะรับเรากลับมาอีกครั้ง
พระองค์ต้องการให้อภัยเราและนำเรากลับ
ไม่ว่าคุณจะหลงไปไกลเพียงใดก็ตามเพียงแต่เราเลี้ยวกลับมาหารักแรก
ของเรา ยังไม่สายเกินไป
“พระองค์เรียกเราให้กลับมาได้แล้ว เพื่อจะรักษาเราให้หาย”
…..เราต้องกลับใจจากบาปไม่ใช่ เพราะความกลัวการลงโทษ ซึ่ง
ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า
พระเจ้าเรียกเรากลับด้วย  ความรัก และให้เรากลับใจด้วยความรัก
อย่าให้เราคิดว่า เรามาหมกมุ่นแต่บาปๆๆๆ จะสารภาพอะไรกันมากมาย
เราอาจจะไม่ได้รับผลในทันทีทันใด และเราก็คิดว่ามันไม่ผิด พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงกริ้วช้า ความจริงแล้ว พระองค์ รอคอย และเชิญชวนให้เรากลับใจ โอเอล 2:13 , โฮเชยา 14:1
โรม 2:4
บอกเราว่าพระคุณของพระองค์ มุ่งให้เรากลับใจใหม่
ในช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่แค่การกลับใจเท่านั้น แต่ยังเป็น การแก้ตัวใหม่ และ
การเริ่มต้นใหม่ด้วย อยากเตรียมเข้าสู่ช่วงแห่งการเลี้ยวกลับมานี้
ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 1 Tishrei เทศกาลเสียงแตร (9 กย) – 10 Tishrei (18 กย) วันลบมลทิน
กลับใจด้วยความรัก เป็นยังไง ดู
***ใน ลูกา 7:36.....
เมื่อฟาริสีเชิญพระเยซูไปที่บ้าน มีหญิงที่ เคยชั่ว  คนหนึ่งมาใกล้ที่
พระบาทพระองค์ ร้องไห้น้ำตาเปียกพระบาท เอาผมเช็ด และจูบพระบาท
เอาน้ำมันนั้นชโลม (ราคาแพงมาก) ฟาริสีคิดว่านางชั่วและเป็นมลทิน
แต่....พระเยซู ตรัสตอนท้ายว่า 47 ความผิดของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกแล้ว
เพราะนางรักเรามาก !! ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้ารอด จงเป็นสุขเถิด
4 ขั้นตอนของการเลี้ยวกลับ
ตัวอย่างคำอุปมาของพระเยซู 

เกี่ยวกับการหันกลับของบุตรน้อยหลงหาย
ใน ลูกา 15:11-32


1.เสียใจ
เสียใจต่อความสัมพันธ์ในการละเมิด ระหว่างเรากับพระเจ้า
ลูกา 15:17-19
เมื่อเขารู้สำนึกตัวแล้ว   จึงพูดว่า   'ลูกจ้างของบิดาเรามีมาก   ยังมีอาหารกินอิ่มและเหลืออีก   ส่วนเราจะมาตายเสียที่นี่เพราะอดอาหาร
18จำเราจะลุกขึ้นไปหาบิดาเรา   และพูดกับท่านว่า   “บิดาเจ้าข้า   ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
19ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป   ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด”
-พระคัมภีร์ตอรนนี้เตือนเราว่า หยุด ! มองเสียก่อนที่คุณจะตกต่ำจนถึงที่สุด
และก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้
สดุดี51
ดาวิดเสียใจอย่างมากที่เขาได้ล่วงประเวณีกับบัทเชบา และฆ่าสามีของเธอเพื่อปกปิดเรื่องนี้
เมื่อดาวิดเสียใจและกลับใจพระเจ้าจึงทรงเมตตายกโทษให้เขา
ไม่มีบาปใดใหญ่เกินกว่าที่พระเจ้าจะทรงอภัย
มนุษย์เกิดมาในความบาปดังนั้นจึงชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าที่จะให้พระเจ้าพอพระทัย
พระเจ้าเองต้องการจิตใจที่ชอกช้ำและสำนึกผิด เราต้องสำรวจตัวเองว่า
-เราเสียใจหรือไม่ที่เราทำผิดบาป
-เราตั้งใจจริงหรือไม่ที่จะหยุดทำบาป นี่คือความถ่อมใจที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
อย่าให้เราสับสนในระหว่างความดีและความสำเร็จ
การทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นดี
เช่นบางคนเล่นการพนันจนเป็นเซียนพนัน
จงสำรวจโดยการประเมินทุกสิ่งด้วยกฏเกณฑ์ตามพระวจนะของพระเจ้า
ไม่ใช่ว่าเราทำดีเพียงไร เราไม่ได้เสียใจในสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง แต่เสียใจแบบที่ชอบพระทัยพระเจ้า
เสียใจแบบที่ชอบพระทัยเป็นอย่างไร เรามาดูกัน
2 โครินธ์ 7:9-11
           แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี   มิใช่เพราะท่านเสียใจ   แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่   เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า   ท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย
10เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า   ย่อมกระทำให้กลับใจใหม่   ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ   แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย
11จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า   กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว   ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทน   ความตื่นตัว   ความอาลัย   และความกระตือรือร้น   และการลงโทษ   ในทุกสิ่งเหล่านี้   ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด
-ความเศร้าเสียใจที่อยู่ในทางของพระเจ้านี้ ส่งผลให้กลับใจใหม่
หมายถึงการเสียใจในบาป หลายคนเสียใจ เพราะว่าได้รับผลของบาป หรือถูกจับได้
(มันคือความเสียใจอย่างโลก) เปโตรกับยูดาส ทั้ง 2 ปฏิเสธพระคริสต์เหมืนกัน แต่..
คนหนึ่งกลับใจกลับมาและได้กลับคืนสู่ความเชื่อและเส้นทางเดิม
อีกคนกลับใจ และฆ่าตัวตาย
สุภาษิต 28:13  ผู้ที่ปกปิดบาปของตนจะไม่เจริญ
แต่ผู้ที่สารภาพผิดและละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา

2.ละทิ้ง
คือการละทิ้งความบาป กลับใจด้วยความจริงใจ
ลูกา 15:20
20แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน   แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล   บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา   จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขา
นี่เป็นภาพให้เราเห็นว่า ไม่ต้องมีการลังเลใดๆทั้งสิ้น เขารีบลุกและกลับไปหาบิดาของเขา
การละทิ้ง คือการกลับใจใหม่ ในภาษากรีกนั้นคือคำว่า metanoeo = เปลี่ยนใจ การเลือกละทิ้งหรือกลับใจ ไม่ใช่แค่การพยักหน้า หรือเห็นด้วย และยังดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ
กิจการ 26:12-13
บอกว่าให้เราหันกลับใจใหม่คือการละทิ้งแล้วมาหาพระเจ้า และดำเนินชีวิตให้สมกับที่กลับใจใหม่

กิจการ 3:19
19เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่  
เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย  
เพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า  (ดูเพิ่มเติมใน กิจการ 8:22)
-เมื่อเราหันกลับ พระเจ้าไม่ได้ทรงสัญญาแค่ จะลบบาปเท่านั้น
แต่จะทรงประทานความชุ่มชื่นแก่วิญญาณ
…อย่าให้เราหันกลับมา แต่ไม่ยอมละทิ้งความบาป
เอเสเคียล 33:11-12 (11-20)
11จงกล่าวตอบเขาว่า  พระเจ้าตรัสว่า   เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด   เราไม่พอใจในความตายของคนอธรรม   แต่พอใจในการที่คนอธรรมหันจากทางของเขาและมีชีวิตอยู่   จงหันกลับ  จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า  โอ   พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย  ยอมตายทำไม
12เจ้าบุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย   เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาติของเจ้าว่าความชอบธรรมของ ผู้ชอบธรรมจะไม่ช่วยกู้เขาให้พ้นเมื่อเขากบฏ   ส่วนความอธรรมของคนอธรรมนั้นจะไม่กระทำให้เขา ล้มลงเมื่อเขาหันกลับจากความอธรรมของเขา   และคนชอบธรรมจะไม่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความชอบธรรม   เมื่อเขากระทำบาป
สุภาษิต 28:13
13บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ  
  แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา
NIV ผู้ที่ปกปิดความบาปของตนจะไม่เจริญ แต่ผู้ที่สารภาพผิด
และละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา
เป็นธรรมดาที่มนุษย์จะซ่อน หรือมองข้ามความผิดของตนเอง
แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะเรียนรู้ และยอมรับความบาปหรือความผิด ที่กำลังทำอยู่
การจะเรียนรู้จากการผิดพลาดได้นั้นเราต้อง ยอมรับ สารภาพในความบาปนั้น
และหันกลับมาปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อที่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก
อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อต้าน เพื่อไม่ให้เรายอมรับความผิดบาป
บางครั้งเราก็ชื่นชมในคนที่ทำผิดบาป และก็ยอมรับมัน เพราะบางครั้งเราก็เหมือน
กับเขาและเราก็ไม่ยอมรับว่ามันผิด
อีกครั้งนะครับ จงหันกลับมาพิจารณาตัวเองอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เกมมาจับผิดและมาประจาน
เมื่อเราเจอก็ทิ้งมันไป และไม่ต้องกลับไปมองมันอีก ละ คือทิ้งไป
เมื่อเราทิ้งขยะ เราก็ไม่ไปดูมันอีกและไปคิดถึงหรือเสียดายมันอีก
2 โครินธ์ 4:2
2เราได้ละทิ้งเล่ห์เหลี่ยมต่างๆที่น่าอับอายไปหมดสิ้นแล้ว   เราไม่ทำกลอุบายและไม่ได้พลิกแพลงพระกิตติคุณของพระเจ้า   แต่โดยสำแดงสัจจะ   เราเสนอตัวเราให้กับจิตสำนึกผิดชอบของคนทั้งปวงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า
1 เธสะโลนิกา 1:9
9เพราะคนเหล่านั้นก็ได้รายงานเกี่ยวกับเราว่า   เราได้รับการต้อนรับจากพวกท่านอย่างไร   และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า   เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้
2 ทิโมธี 2:19
19แต่ว่ารากฐานซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้นั้นมีตราประทับไว้ว่า   “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์”     และ   “ให้ทุกคนซึ่งออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่วเสีย”
ทิตัส 2:11-12
เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว   เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้รอด 12สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา   และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ   สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม
ฮีบรู 12:1
1เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว   ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่   และบาปที่เกาะแน่น   ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม   ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา
-พระคัมภีร์หนุนใจเราว่า อย่าบอกว่าทำไม่ได้ เพราะในความเป็นมนุษย์
ไม่ใช่เราคนแรกที่เจอกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เราคนแรกที่ต่อสู้แบบนี้
ชีวิตในความสัตย์ซื่อของหลายคนได้หนุนใจเรา คำพยานในการ
วิ่งแข่งและได้รับชัยชนะ ของพวกเขาได้หนุนใจเราด้วย
(คงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนเป็นอาจารย์เปาโล)
อ่าน สดุดี 51

3.สารภาพ
คือสารภาพความผิดบาป
หมายถึง การพูดตรงกัน การเห็นพ้อง และการยอมรับ ความจริง
คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจ การปฏิเสธในการสารภาพ ยิ่งทำให้บาปหยั่งลึกลงในชีวิต
กันดารวิถี 5:6-7
1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์จะยกโทษบาปนั้นให้กับเราไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน
ลูกา 15:21
21ฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า   'บิดาเจ้าข้า   ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน   ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป
เรื่องเล่าสุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอก เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง
ในเมืองหนึ่งที่สุนัขจิ้งจอกได้บุกเข้ามาในเมืองเพราะการ
แผ่ขยายความเจริญเข้าไป เขาคิดว่าสัตว์ตัวเล็กๆไม่น่าจะ
มีพิษมีภัยอะไรมากมายนัก แต่แทนที่มันจะหนีไปมันกลับปรับ
ตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและชินกับมัน มันได้ขุดคุ้ยขยะใบ
เล็กๆตามบ้าน ทำลายสวนที่สวยงาม รื้อข้าวของต่างๆ ตามบ้าน
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้อาจจะเป็นปัยหาร้ายแรง สำหรับคริสเตียนที่
อยากถวายเกียรติพระเจ้า บาปืที่เราคิดว่า “เล็กน้อย” หรือ “ไม่อันตราย”
และเราปล่อยให้เป็นความเคยชิน เช่นโกหกเล็กน้อย นินทา เป็นต้น

*** หากเราปล่อยให้สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้ เข้ามาในสวนหลังบ้านแห่งชีวิต
และจิตวัญญาณ  มันถึงเวลาแล้วที่เราจะจัดการกับมันเสียที
ด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรายอมรับและสารภาพ
กำจัดมันเสียก่อนที่มันจะทำลายชีวิตทั้งหมดของเรา
1 ยอห์น 1:9
9ถ้าเราสารภาพบาปของเรา   พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม   ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา   และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
ยากอบ 5:16
16เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน   และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน   เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย   คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล

มัทธิว 3:5
5ขณะนั้นชาวกรุงเยรูซาเล็ม   และคนทั่วแคว้นยูเดีย   และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ออกไปหายอห์น   สารภาพความผิดบาปของตน 6และได้รับบัพติศมา(พิธีที่ใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์   เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป)    จากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน
มัทธิว 5:23-24
23เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว   และระลึกขึ้นได้ว่า   พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน
24จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา   กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน   แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
25จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล   เกลือกว่าคู่ความนั้นจะอายัดท่านไว้กับผู้พิพากษา   แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม   และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ
-ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์
สามารถขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่าง  เรากับพระเจ้า
หากเรามีปัญหา หรือเรื่องบาดหมางกับเพื่อน
เราควรแก้ไขโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
หากเราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เกลียดผู้อื่น
เราก็เป็นคนหน้าซื่อใจคด
+ท่าทีของเราต่อผู้อื่น สะท้อนถึงความ
สัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า 20ถ้าผู้ใดว่า   “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า”   และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน   ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา..เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้
1 ยอห์น 4:20
ก่อนจะถึง วันลบบาป อีกไม่กี่วันนี้ (เออฟยมคิปปูร์ ก่อนวันลบบาป)
ในเทศกาลยิวนั้น วันที่เขาถือว่าบริสุทธิ์ที่สุดในรอบปีก็คือ ยมคิปปูร์
หรือวันลบมลทินบาป (ที่ใกล้จะถึงในเดือนหน้านี้) เป็นวันซึ่งชาวยิวจะ
ขออภัยโทษบาปจากพระเจ้า ทั้งบาปส่วนตัวและบาปของประเทศ
แต่.....ก่อนจะถึงยมคิปปูร์ คือ เออฟยมคิปปูร์ เป็นวันที่เรียกว่าโอกาส
สุดท้ายที่เราจะได้ขอการอภัยโทษจากผู้อื่นก่อน ยมคิปปูร์จะมาถึง
นี่เป็นหมายสำคัญในความคิดของคนยิวเนื่องจากเราต้องขออภัยโทษ
จากผู้อื่นก่อน จึงจะขอการอภัยจากพระเจ้าได้
          
ในวันนี้พระเจ้าได้เรียกเราให้ทำเช่นเดียวกัน พระเยซูตรัสว่า
เราต้องจัดการกับเรื่องขัดเคืองของเรากับผู้อื่นก่อน จึงจะนมัสการพระองค์
อย่างสิ้นสุดใจได้
มันอาจจะขัดกับความรู้สึกและเหตุผลบางอย่างนะครับ แต่พระองค์ให้เรา
ทำทุกวิถีทางเพื่อคืนดีกับผู้อื่นเสียแต่วันนี้ เพื่อการนมัสการของเราจะเป็นที่พอ
พระทัยและโปรดปรานของพระเจ้า
*** ถ้าเราถ่อมใจลง กับพี่น้อง ไม่ว่าเราจะผิด หรือเราจะถูกต้องเพียงไร อย่าให้ความรู้สึกผิดถูกมาเป็นกำแพงขวางกั้น เมื่อเราทำไปแล้ว แม้เขาไม่คืนดี นั่นเป็นเรื่องของเขากับพระเจ้า เราวะวาบแล้ว
และใครจะพูดยังไงก็ตาม “เห็นไหม เขามาขอโทษฉัน แสดงว่าฉันไม่ผิด และเม้าต่อๆไป” ก็ช่างเขาเถอะ
อ่าน 


4.แก้ไข
แก้ไข และก้าวต่อไปกับพระเจ้า
ลูกา 15:22-23,24
22แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า   'จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา   และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ   กับเอารองเท้ามาสวมให้เขา
23จงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน   เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด
24เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว   แต่กลับเป็นอีก   หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก'   เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี  
เลวีนิติ 26:40-42
40“แต่ถ้าเขาทั้งหลายสารภาพกรรมบาปของเขา   และกรรมบาปของบรรพบุรุษซึ่งเขาทั้งหลายกระทำ ผิดต่อเราด้วยความทรยศของเขานั้น   และที่ได้ประพฤติขัดแย้งเรา
41เราจึงดำเนินการขัดแย้งเขาทั้งหลาย   และได้นำเขาเข้าแผ่นดินแห่งศัตรูของเขา   ถ้าเมื่อนั้นจิตใจอันนอกรีตของเขาถ่อมลง แล้วและเขาได้แก้ไขในเรื่องกรรมบาปของเขาแล้ว
42เราจึงจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ ยาโคบ   และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ อิสอัค   และพันธสัญญาของเราต่อ อับราฮัม   และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น
**พระองค์ทรงให้โอกาสพวกเขาอีกที่จะหันกลับมาหาพระองค์
พระเจ้าไม่ได้ต้องการทำลายพวกเขา แต่ต้องการให้พวกเขาเติบโตขึ้น
สุดท้ายเราต้องแก้ไขและปรับปรุงสิ่งเก่าๆที่ผ่านมา พระคัมภีร์บอกเราว่า
เมื่อเราได้แก้ไขในเรื่องบาปของเขาแล้ว พระองค์จะระลึกถึงพระสัญญา
ของพระองค์ที่มีต่อเรา


เยเรมีย์ 35:15
15เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของ เราคือผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า   ส่งเขามาอย่างไม่หยุดยั้งกล่าวว่า   'บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตน   และ แก้ไข การกระทำของเจ้าทั้งหลายเสีย   อย่าไปติดสอยห้อยตามพระอื่นเพื่อปรนนิบัติพระเหล่านั้น   แล้วเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน   ซึ่งเราได้ประทานแก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า'   แต่เจ้ามิได้เงี่ยหูหรือฟังเรา

*** พระคัมภีร์ได้บอกเราว่า พระองค์ได้ส่งผู้เผยพระวจนะของพระองค์มา
และมาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เราแก้ไข การกระทำเสีย คำเผยในปัจจุบันนี้
เองมากมาย ที่เตือนเราให้แก้ไขด้วย

1 เปโตร 5:10
10และเมื่อท่านทั้งหลายได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว   พระเจ้าผู้ทรงพระคุณล้ำเลิศ   ผู้ได้ทรงเรียกให้ท่านทั้งหลายเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในพระคริสต์   พระองค์เองก็จะทรงโปรดปรับปรุงท่านให้มั่นคง   และมีกำลังขึ้น

ฟีลิปปี 3:13-14 บากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย
13ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย   ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว   แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง   คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย   และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
14ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย   เพื่อจะได้รับรางวัล   ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน   ให้เราไปรับ

สรุปก่อนจบ เดือนแห่งการสำรวจตัวเอง ค้นพบ กำจัด และรบพระเมตตาจากพระเจ้า
มองที่ตัวเอง สำรวจที่ตัวเราเองก่อน ใคร่ครวญในชีวิตของตนเองก่อน
จดจ่อตรงนี้ก่อนที่จะไปจดจ่อที่สิ่งรอบตัว
นิทานที่ดัดแปลง
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์และมักจะปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ
วันหนึ่งเขาได้ประกาศว่าจะให้รางวัลอย่างงามแก่คนที่สามารถรักษาอาการปวดศีรษะของเขาได้มีหลายๆ
คนรวมทั้งหมอที่เชี่ยวชาญต่างก็มาและเสนอแนะวิธีรักษาโรคปวดศีรษะของเศรษฐีผู้นี้
แต่ไม่มีใคร สามารถทำให้เขาดีขึ้นได้
อยู่มาวันหนึ่ง มีเพื่อนคนหนึ่งมาเยี่ยมท่านเศรษฐี
เศรษฐีได้บอกเกี่ยวกับโรคประจำตัวของเขาให้เพื่อนทราบ เพื่อนคนนี้ จึงบอกกับท่านเศรษฐีว่า

"โธ่เอ๊ย! วิธีรักษาอาการปวดหัวของเจ้ามันง่ายนิดเดียว
นั่นก็คือเจ้าจะต้องมองทุกอย่างให้เป็นสีเขียวตลอดเวลา
แล้วอาการโรคของเจ้าจะหายไป"
เศรษฐีดีใจมากและคิดว่าสิ่งที่เพื่อนคนนี้ แนะนำเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก
วันรุ่งขึ้น ท่านเศรษฐีจึงจ้างช่างทาสี หลายร้อยคนมาช่วยกันทาสีของหมู่บ้านให้เป็นสีเขียวทั้งหมด
นอกจากนี้ด้วยความที่รวยมาก ยังซื้อเสื้อผ้าสีเขียว ให้กับคนในหมู่บ้านทุกคนใส่
ในตอนนี้ไม่ว่าท่านเศรษฐีมองไปทางใด ก็จะเป็นสีเขียวตลอดเวลา ตามคำแนะนำของเพื่อนคนนั้น
สองสามเดือนถัดมา ท่านเพื่อนคนนี้ ได้กลับมาเยี่ยมเศรษฐีอีกครั้งหนึ่ง แต่เศรษฐี  ร้องตะโกนว่า
"หยุด หยุด ท่านเข้ามาในหมู่บ้านนี้ในชุดนี้ไม่ได้
เดี๋ยวผมจะทาสีท่านให้เป็นสีเขียวก่อน"
เพื่อนคนนี้ จึงตะโกนตำหนิ เศรษฐีว่า............
"ทำไมเจ้าถึงเสียเงินทองและเวลามากมายเพื่อเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัวเจ้าเล่า
เราไม่ได้บอกให้เจ้า ไป ทาสีทุกอย่างให้เป็นสีเขียวเลย
เจ้าเพียงแค่สวมแว่นตาสีเขียว เท่านั้น เจ้าก็จะมองเห็นทุกสิ่ง รอบตัวเป็นสีเขียวแล้ว"
จงกลับมาหาเรา พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
โฮเชยา 6:1
เอเสเคียล 14:6
เศคาริยาห์ 1:3-4
มัทธิว 3:2
1 ยอห์น 1:9

ขอบคุณพระเจ้า
KTM.WORSHIP

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น