เลี้ยวกลับมาที่พระเจ้า
“การหันกลับคือ หันกลับจากทางที่ผิดมาสู่จุดที่ถูก”
นี่เป็นช่วงเวลาที่เราจะเลี้ยวกลับมาที่ความรัก ของพระเจ้ากลับมาหาพระองค์
เป็นช่วงเวลาที่เราต้องสำรวจตัวเองมันอาจจะยาก และรู้สึกอัปยศที่จะยอมรับ
ข้อบกพร่องหรือความบาปในตัวเอง
เฉลยธรรมบัญญัติ 30:1-6
โมเสสได้บอกชาวอิสราเอลว่า เมื่อพวกเขาต้องการกลับมาหาพระเจ้า
พระองค์ก็พร้อมจะรับพวกเขา พระเมตตาของพระเจ้านั้นช่างอัศจรรย์
แม้เราจะจงใจละทิ้งพระองค์ พระองค์ก็พร้อมที่จะรับเรากลับมาอีกครั้ง
พระองค์ต้องการให้อภัยเราและนำเรากลับ
ไม่ว่าคุณจะหลงไปไกลเพียงใดก็ตามเพียงแต่เราเลี้ยวกลับมาหารักแรก
ของเรา ยังไม่สายเกินไป
“พระองค์เรียกเราให้กลับมาได้แล้ว เพื่อจะรักษาเราให้หาย”
…..เราต้องกลับใจจากบาปไม่ใช่ เพราะความกลัวการลงโทษ ซึ่ง
ไม่ใช่พระประสงค์ของพระเจ้า
พระเจ้าเรียกเรากลับด้วย ความรัก และให้เรากลับใจด้วยความรัก
อย่าให้เราคิดว่า เรามาหมกมุ่นแต่บาปๆๆๆ จะสารภาพอะไรกันมากมาย
เราอาจจะไม่ได้รับผลในทันทีทันใด และเราก็คิดว่ามันไม่ผิด พระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและทรงกริ้วช้า ความจริงแล้ว พระองค์ รอคอย และเชิญชวนให้เรากลับใจ โอเอล 2:13 , โฮเชยา 14:1
โรม 2:4
บอกเราว่าพระคุณของพระองค์ มุ่งให้เรากลับใจใหม่
ในช่วงเวลานี้จึงไม่ใช่แค่การกลับใจเท่านั้น แต่ยังเป็น การแก้ตัวใหม่ และ
การเริ่มต้นใหม่ด้วย อยากเตรียมเข้าสู่ช่วงแห่งการเลี้ยวกลับมานี้
ซึ่งอยู่ในช่วงเวลา 1 Tishrei เทศกาลเสียงแตร (9 กย) – 10 Tishrei (18 กย) วันลบมลทิน
กลับใจด้วยความรัก เป็นยังไง ดู
***ใน ลูกา 7:36.....
เมื่อฟาริสีเชิญพระเยซูไปที่บ้าน มีหญิงที่ เคยชั่ว คนหนึ่งมาใกล้ที่
พระบาทพระองค์ ร้องไห้น้ำตาเปียกพระบาท เอาผมเช็ด และจูบพระบาท
เอาน้ำมันนั้นชโลม (ราคาแพงมาก) ฟาริสีคิดว่านางชั่วและเป็นมลทิน
แต่....พระเยซู ตรัสตอนท้ายว่า 47 ความผิดของนางซึ่งมีมากได้โปรดยกแล้ว
เพราะนางรักเรามาก !! ความเชื่อของเจ้าทำให้เจ้ารอด จงเป็นสุขเถิด
4 ขั้นตอนของการเลี้ยวกลับ
ตัวอย่างคำอุปมาของพระเยซู
เกี่ยวกับการหันกลับของบุตรน้อยหลงหาย
ใน ลูกา 15:11-32
ตัวอย่างคำอุปมาของพระเยซู
เกี่ยวกับการหันกลับของบุตรน้อยหลงหาย
ใน ลูกา 15:11-32
1.เสียใจ
เสียใจต่อความสัมพันธ์ในการละเมิด ระหว่างเรากับพระเจ้าลูกา 15:17-19
เมื่อเขารู้สำนึกตัวแล้ว จึงพูดว่า 'ลูกจ้างของบิดาเรามีมาก ยังมีอาหารกินอิ่มและเหลืออีก ส่วนเราจะมาตายเสียที่นี่เพราะอดอาหาร
18จำเราจะลุกขึ้นไปหาบิดาเรา และพูดกับท่านว่า “บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
19ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด”
-พระคัมภีร์ตอรนนี้เตือนเราว่า หยุด ! มองเสียก่อนที่คุณจะตกต่ำจนถึงที่สุด
และก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้
สดุดี51
ดาวิดเสียใจอย่างมากที่เขาได้ล่วงประเวณีกับบัทเชบา และฆ่าสามีของเธอเพื่อปกปิดเรื่องนี้
เมื่อดาวิดเสียใจและกลับใจพระเจ้าจึงทรงเมตตายกโทษให้เขา
ไม่มีบาปใดใหญ่เกินกว่าที่พระเจ้าจะทรงอภัย
มนุษย์เกิดมาในความบาปดังนั้นจึงชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าที่จะให้พระเจ้าพอพระทัย
พระเจ้าเองต้องการจิตใจที่ชอกช้ำและสำนึกผิด เราต้องสำรวจตัวเองว่า
-เราเสียใจหรือไม่ที่เราทำผิดบาป
-เราตั้งใจจริงหรือไม่ที่จะหยุดทำบาป นี่คือความถ่อมใจที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
อย่าให้เราสับสนในระหว่างความดีและความสำเร็จ
การทำบางสิ่งบางอย่างได้ดีไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นดี
เช่นบางคนเล่นการพนันจนเป็นเซียนพนัน
จงสำรวจโดยการประเมินทุกสิ่งด้วยกฏเกณฑ์ตามพระวจนะของพระเจ้า
ไม่ใช่ว่าเราทำดีเพียงไร เราไม่ได้เสียใจในสิ่งที่เป็นเนื้อหนัง แต่เสียใจแบบที่ชอบพระทัยพระเจ้า
เสียใจแบบที่ชอบพระทัยเป็นอย่างไร เรามาดูกัน
2 โครินธ์ 7:9-11
แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดี มิใช่เพราะท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจใหม่ เพราะว่าท่านได้รับความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้ผลร้ายจากเราเลย
10เพราะว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า ย่อมกระทำให้กลับใจใหม่ ซึ่งนำไปถึงความรอดและไม่เป็นที่น่าเสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำไปถึงความตาย
11จงพิจารณาดูว่าความเสียใจอย่างที่ชอบพระทัยพระเจ้า กระทำให้เกิดความกระตือรือร้นมากทีเดียว ทำให้เกิดความขวนขวายที่จะแก้ตัวใหม่และการเดือดร้อนแทน ความตื่นตัว ความอาลัย และความกระตือรือร้น และการลงโทษ ในทุกสิ่งเหล่านี้ ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าท่านก็ไม่ได้กระทำผิด
-ความเศร้าเสียใจที่อยู่ในทางของพระเจ้านี้ ส่งผลให้กลับใจใหม่
หมายถึงการเสียใจในบาป หลายคนเสียใจ เพราะว่าได้รับผลของบาป หรือถูกจับได้
(มันคือความเสียใจอย่างโลก) เปโตรกับยูดาส ทั้ง 2 ปฏิเสธพระคริสต์เหมืนกัน แต่..
คนหนึ่งกลับใจกลับมาและได้กลับคืนสู่ความเชื่อและเส้นทางเดิม
อีกคนกลับใจ และฆ่าตัวตาย
สุภาษิต 28:13 ผู้ที่ปกปิดบาปของตนจะไม่เจริญ
แต่ผู้ที่สารภาพผิดและละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา
2.ละทิ้ง
คือการละทิ้งความบาป กลับใจด้วยความจริงใจลูกา 15:20
20แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขา
นี่เป็นภาพให้เราเห็นว่า ไม่ต้องมีการลังเลใดๆทั้งสิ้น เขารีบลุกและกลับไปหาบิดาของเขา
การละทิ้ง คือการกลับใจใหม่ ในภาษากรีกนั้นคือคำว่า metanoeo = เปลี่ยนใจ การเลือกละทิ้งหรือกลับใจ ไม่ใช่แค่การพยักหน้า หรือเห็นด้วย และยังดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ
กิจการ 26:12-13
บอกว่าให้เราหันกลับใจใหม่คือการละทิ้งแล้วมาหาพระเจ้า และดำเนินชีวิตให้สมกับที่กลับใจใหม่
กิจการ 3:19
19เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงหันกลับและตั้งใจใหม่
เพื่อพระเจ้าจะทรงลบล้างความผิดบาปของท่านเสีย
เพื่อวาระพักผ่อนหย่อนใจจะได้มาจากพระพักตร์พระเจ้า (ดูเพิ่มเติมใน กิจการ 8:22)
-เมื่อเราหันกลับ พระเจ้าไม่ได้ทรงสัญญาแค่ จะลบบาปเท่านั้น
แต่จะทรงประทานความชุ่มชื่นแก่วิญญาณ
…อย่าให้เราหันกลับมา แต่ไม่ยอมละทิ้งความบาป
เอเสเคียล 33:11-12 (11-20)
11จงกล่าวตอบเขาว่า พระเจ้าตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เราไม่พอใจในความตายของคนอธรรม แต่พอใจในการที่คนอธรรมหันจากทางของเขาและมีชีวิตอยู่ จงหันกลับ จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ยอมตายทำไม
12เจ้าบุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาติของเจ้าว่าความชอบธรรมของ ผู้ชอบธรรมจะไม่ช่วยกู้เขาให้พ้นเมื่อเขากบฏ ส่วนความอธรรมของคนอธรรมนั้นจะไม่กระทำให้เขา ล้มลงเมื่อเขาหันกลับจากความอธรรมของเขา และคนชอบธรรมจะไม่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยความชอบธรรม เมื่อเขากระทำบาป
สุภาษิต 28:13
13บุคคลที่ซ่อนการละเมิดของตนจะไม่จำเริญ
แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา
NIV ผู้ที่ปกปิดความบาปของตนจะไม่เจริญ แต่ผู้ที่สารภาพผิด
และละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา
เป็นธรรมดาที่มนุษย์จะซ่อน หรือมองข้ามความผิดของตนเอง
แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะเรียนรู้ และยอมรับความบาปหรือความผิด ที่กำลังทำอยู่
การจะเรียนรู้จากการผิดพลาดได้นั้นเราต้อง ยอมรับ สารภาพในความบาปนั้น
และหันกลับมาปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อที่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก
อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อต้าน เพื่อไม่ให้เรายอมรับความผิดบาป
บางครั้งเราก็ชื่นชมในคนที่ทำผิดบาป และก็ยอมรับมัน เพราะบางครั้งเราก็เหมือน
กับเขาและเราก็ไม่ยอมรับว่ามันผิด
อีกครั้งนะครับ จงหันกลับมาพิจารณาตัวเองอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เกมมาจับผิดและมาประจาน
เมื่อเราเจอก็ทิ้งมันไป และไม่ต้องกลับไปมองมันอีก ละ คือทิ้งไป
เมื่อเราทิ้งขยะ เราก็ไม่ไปดูมันอีกและไปคิดถึงหรือเสียดายมันอีก
2 โครินธ์ 4:2
2เราได้ละทิ้งเล่ห์เหลี่ยมต่างๆที่น่าอับอายไปหมดสิ้นแล้ว เราไม่ทำกลอุบายและไม่ได้พลิกแพลงพระกิตติคุณของพระเจ้า แต่โดยสำแดงสัจจะ เราเสนอตัวเราให้กับจิตสำนึกผิดชอบของคนทั้งปวงจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า
1 เธสะโลนิกา 1:9
9เพราะคนเหล่านั้นก็ได้รายงานเกี่ยวกับเราว่า เราได้รับการต้อนรับจากพวกท่านอย่างไร และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้
2 ทิโมธี 2:19
19แต่ว่ารากฐานซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้นั้นมีตราประทับไว้ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักคนเหล่านั้นที่เป็นของพระองค์” และ “ให้ทุกคนซึ่งออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่วเสีย”
ทิตัส 2:11-12
เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้รอด 12สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม
ฮีบรู 12:1
1เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา-พระคัมภีร์หนุนใจเราว่า อย่าบอกว่าทำไม่ได้ เพราะในความเป็นมนุษย์
ไม่ใช่เราคนแรกที่เจอกับสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เราคนแรกที่ต่อสู้แบบนี้
ชีวิตในความสัตย์ซื่อของหลายคนได้หนุนใจเรา คำพยานในการ
วิ่งแข่งและได้รับชัยชนะ ของพวกเขาได้หนุนใจเราด้วย
(คงไม่มีใครอยากจะเปลี่ยนเป็นอาจารย์เปาโล)
อ่าน สดุดี 51
3.สารภาพ
คือสารภาพความผิดบาปหมายถึง การพูดตรงกัน การเห็นพ้อง และการยอมรับ ความจริง
คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจ การปฏิเสธในการสารภาพ ยิ่งทำให้บาปหยั่งลึกลงในชีวิต
กันดารวิถี 5:6-7
1 ยอห์น 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์จะยกโทษบาปนั้นให้กับเราไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน
ลูกา 15:21
21ฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า 'บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป
เรื่องเล่าสุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอก เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง
ในเมืองหนึ่งที่สุนัขจิ้งจอกได้บุกเข้ามาในเมืองเพราะการ
แผ่ขยายความเจริญเข้าไป เขาคิดว่าสัตว์ตัวเล็กๆไม่น่าจะ
มีพิษมีภัยอะไรมากมายนัก แต่แทนที่มันจะหนีไปมันกลับปรับ
ตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและชินกับมัน มันได้ขุดคุ้ยขยะใบ
เล็กๆตามบ้าน ทำลายสวนที่สวยงาม รื้อข้าวของต่างๆ ตามบ้าน
เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้อาจจะเป็นปัยหาร้ายแรง สำหรับคริสเตียนที่
อยากถวายเกียรติพระเจ้า บาปืที่เราคิดว่า “เล็กน้อย” หรือ “ไม่อันตราย”
และเราปล่อยให้เป็นความเคยชิน เช่นโกหกเล็กน้อย นินทา เป็นต้น
*** หากเราปล่อยให้สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้ เข้ามาในสวนหลังบ้านแห่งชีวิต
และจิตวัญญาณ มันถึงเวลาแล้วที่เราจะจัดการกับมันเสียที
ด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรายอมรับและสารภาพ
กำจัดมันเสียก่อนที่มันจะทำลายชีวิตทั้งหมดของเรา
1 ยอห์น 1:9
9ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น
ยากอบ 5:16
16เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเพื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะพ้นโรคภัย คำอธิษฐานของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังทำให้เกิดผล
มัทธิว 3:5
5ขณะนั้นชาวกรุงเยรูซาเล็ม และคนทั่วแคว้นยูเดีย และคนทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดนก็ออกไปหายอห์น สารภาพความผิดบาปของตน 6และได้รับบัพติศมา(พิธีที่ใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์ เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป) จากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน
มัทธิว 5:23-24
23เหตุฉะนั้นถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน
24จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
25จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล เกลือกว่าคู่ความนั้นจะอายัดท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในเรือนจำ
-ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์
สามารถขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่าง เรากับพระเจ้า
หากเรามีปัญหา หรือเรื่องบาดหมางกับเพื่อน
เราควรแก้ไขโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
หากเราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เกลียดผู้อื่น
เราก็เป็นคนหน้าซื่อใจคด
+ท่าทีของเราต่อผู้อื่น สะท้อนถึงความ
สัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า 20ถ้าผู้ใดว่า “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า” และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา..เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้
1 ยอห์น 4:20
ก่อนจะถึง วันลบบาป อีกไม่กี่วันนี้ (เออฟยมคิปปูร์ ก่อนวันลบบาป)ในเทศกาลยิวนั้น วันที่เขาถือว่าบริสุทธิ์ที่สุดในรอบปีก็คือ ยมคิปปูร์
หรือวันลบมลทินบาป (ที่ใกล้จะถึงในเดือนหน้านี้) เป็นวันซึ่งชาวยิวจะ
ขออภัยโทษบาปจากพระเจ้า ทั้งบาปส่วนตัวและบาปของประเทศ
แต่.....ก่อนจะถึงยมคิปปูร์ คือ เออฟยมคิปปูร์ เป็นวันที่เรียกว่าโอกาส
สุดท้ายที่เราจะได้ขอการอภัยโทษจากผู้อื่นก่อน ยมคิปปูร์จะมาถึง
นี่เป็นหมายสำคัญในความคิดของคนยิวเนื่องจากเราต้องขออภัยโทษ
จากผู้อื่นก่อน จึงจะขอการอภัยจากพระเจ้าได้
ในวันนี้พระเจ้าได้เรียกเราให้ทำเช่นเดียวกัน พระเยซูตรัสว่า
เราต้องจัดการกับเรื่องขัดเคืองของเรากับผู้อื่นก่อน จึงจะนมัสการพระองค์
อย่างสิ้นสุดใจได้
มันอาจจะขัดกับความรู้สึกและเหตุผลบางอย่างนะครับ แต่พระองค์ให้เรา
ทำทุกวิถีทางเพื่อคืนดีกับผู้อื่นเสียแต่วันนี้ เพื่อการนมัสการของเราจะเป็นที่พอ
พระทัยและโปรดปรานของพระเจ้า
*** ถ้าเราถ่อมใจลง กับพี่น้อง ไม่ว่าเราจะผิด หรือเราจะถูกต้องเพียงไร อย่าให้ความรู้สึกผิดถูกมาเป็นกำแพงขวางกั้น เมื่อเราทำไปแล้ว แม้เขาไม่คืนดี นั่นเป็นเรื่องของเขากับพระเจ้า เราวะวาบแล้ว
และใครจะพูดยังไงก็ตาม “เห็นไหม เขามาขอโทษฉัน แสดงว่าฉันไม่ผิด และเม้าต่อๆไป” ก็ช่างเขาเถอะ
อ่าน
4.แก้ไข
แก้ไข และก้าวต่อไปกับพระเจ้าลูกา 15:22-23,24
22แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า 'จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ กับเอารองเท้ามาสวมให้เขา
23จงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด
24เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก' เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี
เลวีนิติ 26:40-42
40“แต่ถ้าเขาทั้งหลายสารภาพกรรมบาปของเขา และกรรมบาปของบรรพบุรุษซึ่งเขาทั้งหลายกระทำ ผิดต่อเราด้วยความทรยศของเขานั้น และที่ได้ประพฤติขัดแย้งเรา
41เราจึงดำเนินการขัดแย้งเขาทั้งหลาย และได้นำเขาเข้าแผ่นดินแห่งศัตรูของเขา ถ้าเมื่อนั้นจิตใจอันนอกรีตของเขาถ่อมลง แล้วและเขาได้แก้ไขในเรื่องกรรมบาปของเขาแล้ว
42เราจึงจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ ยาโคบ และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อ อิสอัค และพันธสัญญาของเราต่อ อับราฮัม และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น
**พระองค์ทรงให้โอกาสพวกเขาอีกที่จะหันกลับมาหาพระองค์
พระเจ้าไม่ได้ต้องการทำลายพวกเขา แต่ต้องการให้พวกเขาเติบโตขึ้น
สุดท้ายเราต้องแก้ไขและปรับปรุงสิ่งเก่าๆที่ผ่านมา พระคัมภีร์บอกเราว่า
เมื่อเราได้แก้ไขในเรื่องบาปของเขาแล้ว พระองค์จะระลึกถึงพระสัญญา
ของพระองค์ที่มีต่อเรา
เยเรมีย์ 35:15
15เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของ เราคือผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า ส่งเขามาอย่างไม่หยุดยั้งกล่าวว่า 'บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตน และ แก้ไข การกระทำของเจ้าทั้งหลายเสีย อย่าไปติดสอยห้อยตามพระอื่นเพื่อปรนนิบัติพระเหล่านั้น แล้วเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งเราได้ประทานแก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า' แต่เจ้ามิได้เงี่ยหูหรือฟังเรา
*** พระคัมภีร์ได้บอกเราว่า พระองค์ได้ส่งผู้เผยพระวจนะของพระองค์มา
และมาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้เราแก้ไข การกระทำเสีย คำเผยในปัจจุบันนี้
เองมากมาย ที่เตือนเราให้แก้ไขด้วย
1 เปโตร 5:10
10และเมื่อท่านทั้งหลายได้ทนทุกข์อยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้ว พระเจ้าผู้ทรงพระคุณล้ำเลิศ ผู้ได้ทรงเรียกให้ท่านทั้งหลายเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ในพระคริสต์ พระองค์เองก็จะทรงโปรดปรับปรุงท่านให้มั่นคง และมีกำลังขึ้น
ฟีลิปปี 3:13-14 บากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย
13ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า
14ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบน ให้เราไปรับ
สรุปก่อนจบ เดือนแห่งการสำรวจตัวเอง ค้นพบ กำจัด และรบพระเมตตาจากพระเจ้า
มองที่ตัวเอง สำรวจที่ตัวเราเองก่อน ใคร่ครวญในชีวิตของตนเองก่อน
จดจ่อตรงนี้ก่อนที่จะไปจดจ่อที่สิ่งรอบตัว
นิทานที่ดัดแปลง
ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีคนหนึ่งเป็นคนเจ้าอารมณ์และมักจะปวดศีรษะอยู่เป็นประจำ
วันหนึ่งเขาได้ประกาศว่าจะให้รางวัลอย่างงามแก่คนที่สามารถรักษาอาการปวดศีรษะของเขาได้มีหลายๆ
คนรวมทั้งหมอที่เชี่ยวชาญต่างก็มาและเสนอแนะวิธีรักษาโรคปวดศีรษะของเศรษฐีผู้นี้
แต่ไม่มีใคร สามารถทำให้เขาดีขึ้นได้
อยู่มาวันหนึ่ง มีเพื่อนคนหนึ่งมาเยี่ยมท่านเศรษฐี
เศรษฐีได้บอกเกี่ยวกับโรคประจำตัวของเขาให้เพื่อนทราบ เพื่อนคนนี้ จึงบอกกับท่านเศรษฐีว่า
"โธ่เอ๊ย! วิธีรักษาอาการปวดหัวของเจ้ามันง่ายนิดเดียว
นั่นก็คือเจ้าจะต้องมองทุกอย่างให้เป็นสีเขียวตลอดเวลา
แล้วอาการโรคของเจ้าจะหายไป"
เศรษฐีดีใจมากและคิดว่าสิ่งที่เพื่อนคนนี้ แนะนำเขานั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายมาก
วันรุ่งขึ้น ท่านเศรษฐีจึงจ้างช่างทาสี หลายร้อยคนมาช่วยกันทาสีของหมู่บ้านให้เป็นสีเขียวทั้งหมด
นอกจากนี้ด้วยความที่รวยมาก ยังซื้อเสื้อผ้าสีเขียว ให้กับคนในหมู่บ้านทุกคนใส่
ในตอนนี้ไม่ว่าท่านเศรษฐีมองไปทางใด ก็จะเป็นสีเขียวตลอดเวลา ตามคำแนะนำของเพื่อนคนนั้น
สองสามเดือนถัดมา ท่านเพื่อนคนนี้ ได้กลับมาเยี่ยมเศรษฐีอีกครั้งหนึ่ง แต่เศรษฐี ร้องตะโกนว่า
"หยุด หยุด ท่านเข้ามาในหมู่บ้านนี้ในชุดนี้ไม่ได้
เดี๋ยวผมจะทาสีท่านให้เป็นสีเขียวก่อน"
เพื่อนคนนี้ จึงตะโกนตำหนิ เศรษฐีว่า............
"ทำไมเจ้าถึงเสียเงินทองและเวลามากมายเพื่อเปลี่ยนสิ่งต่างๆ รอบตัวเจ้าเล่า
เราไม่ได้บอกให้เจ้า ไป ทาสีทุกอย่างให้เป็นสีเขียวเลย
เจ้าเพียงแค่สวมแว่นตาสีเขียว เท่านั้น เจ้าก็จะมองเห็นทุกสิ่ง รอบตัวเป็นสีเขียวแล้ว"
จงกลับมาหาเรา พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
โฮเชยา 6:1
เอเสเคียล 14:6
เศคาริยาห์ 1:3-4
มัทธิว 3:2
1 ยอห์น 1:9
ขอบคุณพระเจ้า
KTM.WORSHIP
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น