วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

รื้อฟื้นพลับพลาดาวิด

รื้อฟื้นพลับพลาดาวิด


คำเผยฯของชัคเพียส ปี08

คำเผยฯของชัคเพียส 2 สค. 2010 พระเจ้ากำลังรื้อฟื้นพลับพลาดาวิด
พระเจ้ากำลังบุกเข้ามาในอาณาจักรแห่งแผ่นดินโลกนี้ในชั่วอายุของพวกเรา
คุณจะเห็น... พวกเราจะเป็นส่วนแห่งกองทัพพระเจ้าบนแผ่นดินโลกนี้
พวกเราจะเป็นคนงานร่วมกับกองทัพทูตสวรรค์ทั้งหลายแห่งฟ้าสวรรค์
ประกาศการครอบครองและชัยชนะเหนือบรรดาประชาชาติทั้งโลก
ปลดปล่อยการเก็บเกี่ยวทุ่งนาของพระเจ้าออกไปทั่วโลก
จะมีการสรรเสริญแบบรุนแรง ยูดาห์จะส่งเสียงคำรามดั่งสิงห์
พระเจ้ากำลังรื้อฟื้น “พลับพลาของดาวิด”ขึ้นใหม่
เพื่อเตรียมยุ้งฉางแห่งการเก็บเกี่ยว สำหรับอาณาจักรของพระองค์

พระธรรมอาโมส9:11-12
11“ในวันนั้น  เราจะยกกระท่อมของดาวิด  ที่ล้มลงแล้วนั้นตั้งขึ้นใหม่
และซ่อมช่องชำรุดต่างๆเสีย และยกที่ปรักหักพังขึ้น และสร้างเสียใหม่
อย่างในสมัยโบราณกาล  
12 เพื่อเขาจะได้ยึดกรรมสิทธิ์คนที่เหลืออยู่ของเอโดม   และประชาชาติ
ทั้งสิ้นซึ่งเขาเรียกด้วยนามของเรา”    พระเจ้าผู้ทรงกระทำเช่นนี้ตรัสดังนี้แหละ  

พระธรรมกิจการ15:16-18
16 'ภายหลังเราจะกลับมา   และเราจะสร้างพลับพลาของดาวิดซึ่งพังลงแล้วขึ้นใหม่  
ที่ร้างหักพังนั้นเราจะก่อขึ้นอีกและจะตั้งขึ้นใหม่ 17 เพื่อคนอื่นๆจะได้แสวงหาองค์พระ
ผู้เป็นเจ้า คือบรรดาคนต่างชาติซึ่งเราจองไว้   18 องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงแจ้งเหตุการณ์
เหล่านี้ให้ทราบแต่โบราณกาลได้ตรัสไว้แล้ว'  

ก่อนจะเข้าใจเรื่อง
พลับพลา ของดาวิด
เราจะต้องไปทำความเข้าใจ
พื้นฐานสำคัญของเรื่อง
พลับพลาโมเสส



ห้องวิสุทธิสถาน
มีส่วนประกอบข้างในสำคัญ  3 ชิ้น
ชิ้นที่ 1 คันประทีป 7กิ่ง
ชิ้นที่ 2 โต๊ะขนมปัง มีขนมปัง12ก้อน
ชิ้นที่ 3 แท่นเผาเครื่องหอม
ทั้ง3ชิ้น มีความหมายสำคัญที่จะต้องเข้าใจ



คันประทีป
ประกอบด้วย ตะเกียง 7ดวงอยู่บนคันประทีปที่มีกิ่ง 7กิ่ง
ปุโรหิตจะดูแล โดยการ ตัดแต่งใส้-เติมน้ำมันใส่ตะเกียงบน
คันประทีป เพื่อความสว่างในวิสุทธิสถานจะมีอย่างต่อเนื่อง
คันประทีป สื่อถึง  ชีวิตคริสเตียนที่มีไฟแห่งพระวิญญาณ
บริสุทธิ์อยู่ในชีวิตตลอดเวลา

มธ25:1-13
กล่าวถึง ตะเกียง-น้ำมันต้องเตรียมพร้อม หมายถึง ชีวิตที่มีการชำระและ
สนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพื่อจะมีความสว่างในชีวิต ขณะที่อยู่ในโลก
แห่งความกันดารที่เต็มไปด้วยการทดลองมากมาย

1“เมื่อถึงวันนั้น   แผ่นดินสวรรค์จะเปรียบเหมือน   หญิงพรหมจารีสิบคนถือตะเกียง
ของตน   ออกไปรับเจ้าบ่าว 2เป็นคนโง่ห้าคน   เป็นหญิงมีปัญญาห้าคน 3ฝ่ายคนโง่
นั้นเอาตะเกียงของตนไป   แต่หาได้เอาน้ำมันไปด้วยไม่ 4คนที่มีปัญญานั้นได้เอาน้ำ
มันใส่กาไปกับตะเกียงของตนด้วย 5เมื่อเจ้าบ่าวยังช้าอยู่   ก็พากันง่วงเหงาและหลับไป
6ครั้นเวลาเที่ยงคืนก็มีเสียงร้องมาว่า   'เจ้าบ่าวมาแล้ว   จงออกมารับท่านเถิด'
7พวกหญิงพรหมจารีเหล่านั้นก็ลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน 8พวกที่โง่นั้นก็พูดกับพวก
ที่มีปัญญาว่า   'ขอแบ่งน้ำมันของท่านให้เราบ้าง   ตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว'
9พวกที่มีปัญญาจึงตอบว่า   'น่ากลัวน้ำมันจะไม่พอสำหรับเราและเจ้า   จงไปหาคนขาย  
ซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่า' 10เมื่อกำลังไปซื้อนั้นเจ้าบ่าวก็มาถึง   ผู้ที่พร้อมอยู่แล้ว  
ก็ได้ไปกับท่านในการเลี้ยงเนื่องในงานสมรสแล้วประตูก็ปิด 11ภายหลังหญิงพรหมจารี
อีกห้าคน   ก็มาร้องว่า   'ท่านเจ้าข้าๆ  ขอเปิดให้ข้าพเจ้าเข้าไปด้วย' 12ฝ่ายท่านตอบว่า  
'เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า   เราไม่รู้จักท่าน' 13เหตุฉะนั้น   จงเฝ้าระวังอยู่  
เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้กำหนดวันหรือโมงนั้น


โต๊ะขนมปัง
•ปุโรหิตจะต้องผลิตขนมปังไร้เชื้อมาเปลี่ยนใหม่ที่โต๊ะทุกวัน(เพราะถิ่นทุรกันดารอากาศร้อน ขนมปังจะหมดอายุเร็ว)
•พระเยซูตรัสว่า “เราเป็นอาหารแห่งชีวิต”(ยน6:35)
•คริสเตียนจึงจำเป็นต้องบริโภคเรื่องราวของพระเยซูทุกๆ วัน เพราะถ้าหากร่างกายต้องการอาหารทุกวัน จิตใจ-จิตวิญญาณก็ต้องอาหารฝ่ายวิญญาณด้วย
2ทธ3:16-17 กล่าวว่า
พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า
เป็นประโยชน์ในการสั่งสอน ตักเตือนว่ากล่าว ปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี
และอบรมในทางธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อม
ที่จะกระทำการดีทุกอย่าง



แท่นเผาเครื่องหอม
- ปุโรหิตที่เป็นเวรประจำจะต้องเข้าไปในวิสุทธิ์สถานถวายเครื่องหอม
- ปุโรหิตต้องมีตะเกียงจุดไฟเครื่องหอม หลังจากชำระกายสะอาดแล้วจะเข้าไปในห้องวิสุทธิ์สถานทำหน้าที่นี้ทุกวัน(อพย30:7-8)
จงให้อาโรนเผาเครื่องหอมบนแท่นนั้นทุกเวลาเช้า   เมื่อเขาแต่งประทีปก็จงเผาเครื่องหอมด้วย
8และในเวลาเย็นเมื่ออาโรนจุดประทีป   ให้เผาเครื่องหอมบนแท่นเป็นเครื่องหอม เนืองนิตย์ต่อ
พระพักตร์พระเจ้า   ตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า 9แต่เครื่องหอมอย่างที่ห้าม   อย่าได้เผาบนแท่น
นั้นเลย   หรือเผาเครื่องเผาบูชา   หรือเครื่องธัญญบูชา  หรือเทเครื่องดื่มบูชาบนนั้น

- เครื่องหอม ที่ใช้เผาให้เป็นกลิ่นหอมถวายพระเจ้านั้น จะต้องปรุงแต่งด้วยเครื่องเทศและใช้
เฉพาะในวิหารสำหรับพระเจ้าเท่านั้น(อพย30:35-38)
35จงผสมเครื่องหอมปรุงตามศิลปช่างปรุงเจือด้วยเกลือให้เป็นของบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์
36จงเอาส่วนหนึ่งมาตำให้ละเอียด   และวางอีกส่วนหนึ่งไว้หน้าหีบพระโอวาท ในเต็นท์นัดพบ
ที่เราจะพบกับเจ้า   เครื่องหอมนั้นเจ้าจงถือว่าบริสุทธิ์ที่สุด 37เครื่องหอมที่เจ้ากระทำตามส่วนที่
ผสมนั้นเจ้าอย่าทำใช้ เองให้ถือว่านี่เป็นเครื่องหอมศักดิ์สิทธิ์แด่พระเจ้า 38ผู้ใดทำเครื่องเช่นนี้ไว้
ใช้เป็นน้ำหอม   ผู้นั้นต้องถูกอเปหิจากพวกพ้องของตน”

เครื่องหอม เล็งถึง การยกย่องสรรเสริญ ที่ถวายแด่พระเจ้า
เรื่องนมัสการสรรเสริญ-ยกย่อง-เทิดทูลนี้ พระเจ้าไม่อนุญาตให้นำไปใช้กับมนุษย์คนใด 
พระองค์สงวน เรื่องนี้สำหรับพระองค์เท่านั้น
 

อภิสุทธิสถาน
ห้องนี้ บางทีถูกเรียกว่า ห้องบริสุทธิ์ที่สุด หรือ ห้องชั้นใน
ห้องนี้ ถูกสงวนไว้สำหรับมหาปุหิตประจำปีนั้นๆ เท่านั้นที่จะเข้าไปเฝ้าพระเจ้าได้ ส่วนคนอื่นหมดสิทธิ์
เพราะหากใครบังอาจเข้าไปโดยพละการ จะต้องตาย(กดว16:2)
ต่อมาพระเจ้าทรงฉีกม่านที่กั้นห้องนี้ออก
ในวันสิ้นพระชนม์ของพระเยซู เมื่อ2,000ปีที่ผ่านมา
หมายถึงห้องนี้ใครก็เข้าได้ หากเขานมัสการพระเจ้าแบบเดียวกับดาวิด
ผ่านกางเขน สามารถเข้าไปนั่งใกล้พระบาทพระเยซูได้เลยทุกเวลา



ณ พระที่นั่งกรุณา เป็นหัวใจสำคัญ
สัญลักษณ์ในหีบพันธสัญญานั้น สะท้อนถึงท่าทีของเราที่ยอมจำนนต่อพระพักตร์พระเจ้าเมื่อยามเข้าเฝ้าพระองค์
1.ไม้เท้าอาโรน สื่อถึง ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้า(แบบเดียวกับคำยอมรับของเปโตรใน มธ16:16)

2.ศิลา 2 แผ่น สื่อถึง ยอมอยู่ภายใต้บัญญัติ2ข้อใหญ่ คือ
a)รักพระเจ้าสุดจิต-สุดใจ-สุดความคิด-สุดกำลัง
b)รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง

3.โถใส่มานา สื่อถึง ยอมรับการเลี้ยงดูจากพระเจ้าในยามตกยากลำบาก เหมือนเดินในถิ่นทุรกันดาร



ความแตกต่างระหว่าง พลับพลา โมเสส กับ ดาวิด
โมเสส เน้นพิธีกรรม-การกระทำภายนอก
ดาวิด เน้นในเรื่องการใช้เพลง-คำสดุดี-ท่าทีในจิตใจ-จิตวิญญาณ  ท่านเน้นข้างใน
และพระเจ้าตรัสผ่าน พระธรรมอาโมส ว่า...
จะรื้อฟื้นการนมัสการส่วนนี้ของดาวิด

สำหรับดาวิด“การทรงสถิต”สำคัญสุด
ดาวิด บันทึกว่า“ข้าพเจ้าตั้งพระเจ้าไว้ตรงหน้าเสมอ”(สดด16:8)
“จิตวิญญาณของข้าฯกระหายหาพระเจ้า... ยิ่งกว่า...” (สดด42:2)
สดด127กล่าวว่า...
“ถ้าพระเจ้ามิได้เฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็ไม่มีประโยชน์”
1พศด13:5
ดาวิดปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเชิญ “หีบพันธสัญญา”
จากเมืองคีรียาทเยอาริม บ้านของอาบีนาดับ ให้ย้ายไปตั้งที่ เยรูซาเล็ม
เพื่อนำ“การทรงสถิต”ไปที่กรุงเยรูซาเล็ม

ใน 1พศด 23:2-5
ดาวิด ลงทุนสูงมากสำหรับการนมัสการ
ท่านใช้คน เลวี-ปุโรหิต ทั้งหมด 38,000คน
แบ่งออกเป็นแผนกๆ คือ
24,000คน ดูแลงานทั่วๆไปในพระวิหาร
6,000คน ดูแลงานด้าน บริหาร-จัดการ งานนมัสการ
4,000คน ดูแลงานด้าน เฝ้ายามประตู(การเข้า-ออก)
4,000คน ดูแลงาน ด้าน นักร้อง-นักดนตรี

เคลื่อนการทรงสถิตด้วยวิธีพระเจ้า
ดาวิด เชิญการทรงสถิต ด้วยโค-เกวียนชุดใหม่
ซึ่งไม่ใช่วิธีของพระเจ้า จึงไม่สำเร็จ
ท่านจึงทิ้ง หีบฯที่บ้านของโอเบดเอโดม 3เดือน
จากนั้น ท่านกลับไปเชิญใหม่อีกครั้ง
ด้วยวิธีของพระเจ้า คือ ใช้ปุโรหิต หามการทรงสถิตและดาวิดนมัสการด้วยตนเองแบบสุดชีวิต
พระเจ้าจึงทรงเคลื่อนไปประทับที่เยรูซาเล็ม

ดังนั้น
ให้เราอันเชิญการทรงสถิตของพระเจ้า
เข้ามาปกคลุมและสถาปนา ประเทศไทย
ด้วยการหามการทรงสถิต  โดยวิธีการของพระองค์
คือ  รื้อฟื้นการนมัสการแบบดาวิด
ให้นักร้องนักดนตรี ซึ่งเป็นเลวี-ปุโรหิต แห่งการสรรเสริญ
เปิดฟ้าสวรรค์ทั่วทุกภาคส่วนในแผ่นดินไทย



ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

1 ความคิดเห็น: