ของขวัญที่ดีกว่า
ครั้งหนึ่งที่ผมนั่งคุยกับแม่ ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กเล็กๆ ที่เราไปเที่ยวด้วยกัน
ครั้งหนึ่งที่ผมเป็นเด็กนั้นผมชอบของเล่นมากๆ ตามประสาเด็ก และก็มักร้องไห้งอแง
จะเอาให้ได้ทีเดียว ผมเดินไปเจอรถคันหนึ่งที่ผมชอบมาก และอยากได้มากๆ เลยร้อง
ขอให้แม่ซื้อรถคันนี้ให้ในวันใกล้กับวันเกิด แต่แม่กลับปฏิเสธที่จะซื้อให้ผม เมื่อกลับ
มาถึงบ้านวันนั้น ผมร้องจะเอาของเล่นให้ได้ ยังไงก็จะเอา
ในที่สุด แม่จึงต้องออกไปซื้อให้ ในคืนวันนั้น ผมดีใจมากกับของขวัญชิ้นนั้น
และเมื่อถึงวันที่กลับไปที่ห้างนั้นอีก แม่ชี้ไปที่ตัวต่อเลโก้ ราคาแพงที่ผมคิดว่าผมคง
ไม่มีโอกาสได้เล่นแน่ๆ เพราะราคมมันแพงมาก แต่แม่ชี้ไปที่มันแล้วบอกว่า แม่มาดู
ของชิ้นนี้ไว้ให้แล้ว แต่ผมร้องจะเอาสิ่งอื่นให้ได้ที่ราคาถูกกว่า ผมกลับมาบ้านและ
มองดูรถยนต์คันน้อยของผม แบบเสียดายจริงๆ
สิ่งนี้แวบเข้ามาเมื่อผมนึกย้อนกลับไป บทเรียนที่พระเจ้าให้กับผมในตอนนั้น
พระเจ้ากำลังสอนในตอนนี้ด้วยหรือไม่ บางครั้งเราอธิษฐานของจากพระเจ้าอย่าง
เจาะจงกับบางสิ่งบางอย่าง (ไม่ได้หมายความว่าขออย่างเจาะจงไม่ได้) แต่เราเร่งเร้า
พระเจ้าให้รีบประทานของสิ่งนั้นให้กับเรา ตามที่เราขอไว้โดยด่วน บางครั้งสิ่งมีค่าที่
ยิ่งใหญ่ต้องรอเวลาที่จะได้มา มันอาจจะนาน แต่ก็คุ้มค่า มันอาจจะเฉียดฉิว แต่ก็ทัน
เวลา อิสเราเอลก็เจอกับบทเรียนเช่นนี้ที่ต้องได้แบบทันทีทันใด เมื่อเจอบทเรียนที่เป็น
ด่านทดสอบ ว่าต้องผ่านถึงจะได้ของขวัญอันล้ำค่า เขากลับไม่ลงทุน และถอดใจไป
ง่ายๆ แต่เราไม่รู้เลยหรือว่า พระสัญญาของพระเจ้านั้น ได้เตรียมสิ่งที่ดีกว่าคือเป็นของ
ขวัญอันล้ำค่าที่ดีกว่าที่เราต้องการ
จงอธิษฐานขอในสิ่งที่ใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เพื่อตอบสนองความต้องการของเนื้อหนัง
เพียงอย่างเดียว จงรู้เถิดว่า ไม่มีสิ่งใด และคำอธิษฐาน ใดยากเกินกว่า ที่พระเจ้าจะทรง
ตอบตามที่เราขอ พระเจ้าจะให้มากกว่าที่เราขอเสียด้วยซ้ำไป
อย่าใจร้อนที่จะเรียกร้องเอาจนให้สิ่งนั้นเป็นรูปเคารพที่สำคัญกว่าพระเจ้า และจง
อดทนรอคอยด้วยความเชื่อ
ยอห์น 15:7
"ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิทอยู่ในเรา และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใด
ซึ่งท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น"
เคล็ดลับคือการเข้าสนิทอยู่ในพระองค์ มีความสัมพันธ์กันกับพระองค์ เรื่องเล่าเรื่องหนึ่งที่ผม
จำได้ว่า อาจารย์หลายท่านได้เทศนานั้น คือ เรื่องของลูกกับพ่อ ผมอาจจะจำตัวละครได้ไม่หมด
แต่เรื่องย่อๆมีดังนี้
เมื่อพ่อจะกลับมาจากต่างประเทศ พ่อได้ถามลูกๆว่าอยากได้อะไร พ่อจะซื้อไปฝาก
ลูกคนแรกบอกว่า "ผมอยากได้จักรยานครับ"
ลูกคนที่สองบอกว่า "หนูอยากได้ตุ๊กตาค่ะ"
ลูกคนที่สามคนสุดท้อง บอกว่า "หนูอยากได้คุณพ่อค่ะ อยากเจอหน้าคุณพ่อ"
เมื่อพ่อกลับมา ลูกทุกคนวิ่งเข้ามาหาพ่อด้วยความดีใจ
ลูกคนแรกทวงจักรยานจากพ่อ เมื่อได้จักรยานก็ปั่นออกไปนอกบ้าน เพื่อไปหาเพื่อนๆ
ลูกคนที่สอง เมื่อได้ตุ๊กตาก็เข้าห้องปิดประตู เล่นกับตุ๊กตาคนเดียวในห้อง
ลูกคนสุดท้อง ไม่มีของฝากอะไรเลย และได้เข้าไปหาคุณพ่อ อยากไปเที่ยวกับคุณพ่อ อยาก
ใกล้ชิดกับคุณพ่อ เมื่อพ่อได้ยินดังนั้น พ่อจึงพ่อลูกตัวน้อยไปเที่ยว เป็นของขวัญ
ได้ทานข้าวด้วยกัน ได้ไปเล่นเครื่องเนด้วยกัน ก่อนกลับ พ่อถามว่าลูกอยากได้อะไร สิ่งที่ลูก
บอกและอยากได้ พ่อซื้อเป็นของขวัญให้หมดจนต้องหอบกลับมาบ้าน
เพราะลูกคนนี้ทำให้พ่อชื่นใจ จริงๆ
ยอห์น 14:13 ,14
"สิ่งใดที่ท่านทั้งหลายจะขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น เพื่อว่าพระบิดาจะทรง
ได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ทางพระบุตร สิ่งใดที่ท่านขอในนามของเรา เราจะกระทำสิ่งนั้น"
ถ้าเรามีท่าทีในการขอที่ถูกต้อง คือขอในนามของเรา ( พระเยซู ) ไม่ใช่ในนามของเนื้อหนัง
ที่สนองความต้องการของเรา คำว่าในพระนามพระเยซูคือ
การอธิฐานขอด้วยสิทธิอำนาจของพระเยซู เพราะเรามาขอในพระนามของพระองค์ คือ
การอธิฐานตามน้ำพระทัยของพระองค์ ขอในสิ่งที่พระเจ้าเห็นด้วยและเป็นพระประสงค์
ของพระองค์ พระองค์ก็ฟังเรา
1 ยอห์น 5:14-15
"และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์
พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้ว่า พระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใดๆ เราก็
รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอนั้นจากพระองค์"
สิ่งที่เราขอก็ควรจะเป็นที่ถวายเกียรติ และยกย่องพระองค์ด้วย การที่พระองค์มาก็เพื่อ นำการคืนดี
มาสู่เราด้วย เราจึงควรขอในพระนามของพระองค์เสมอทุกครั้ง
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น