โยนความรับผิดชอบ
ครั้งหนึ่งที่ผมได้นั่งฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในรัฐบาลปัจจุบัน
ได้เป็นการเริ่มต้นของละคร และปลุกระดม ให้คนทั้งประเทศให้ร่วมเล่น
เกมส์ที่โยนความรับผิดชอบ ด้วยกันกับเขา
ผมไม่ได้มีเจตนาจะโยงเรื่องการเมือง แต่นี่เป็นภาพที่เห็นได้ชัด
ความเสียหายของประเทศไทยที่เกิดขึ้น ก็มีการโยนความผิดกันเองของ
ผู้นำทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ที่ขุดเอาสิ่งต่างๆ เหตุผลต่างๆมาโยนความ
ผิดใส่กันว่า "คุณนั่นแหละที่ทำร้ายประเทศนี้" เพื่อตัวเองจะได้ไม่มีความ
ผิด เรามักมีการโยนความผิดให้แก่กันและกัน เพราะเราเองก็ไม่อยากจะ
แบกรับเอาความผิด และความรับผิดชอบไว้กับตัวเอง
ในความเป็นจริงความผิดของเราที่ต้องแบกรับรับนั้น พระเจ้าเอง
ก็เอือมระอา พระองค์เองไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบกับความผิดที่เราได้
ทำด้วยซ้ำ พระองค์อาจจะพูดว่า "ทำเองก็รับผิดชอบเองสิ" มันคงแย่น่าดู
แต่พระเจ้าเองไม่ได้คิดแบบนั้น พระเจ้าร่วมรับความบาปผิดนั้นกับเราทั้ง
หลาย ทั้งที่พระองค์ไม่ได้ร่วมก่อขึ้นมา พระองค์ร่วมรับผิดชอบต่อความบาป
ของมนุษย์ทั้งโลก โดยไม่เกี่ยงแม้ชีวิตของพระองค์ พระเจ้ารับไปแบบเต็มๆ
จุดประสงค์ของซาตานเองต้องการให้เราโยนความผิดซึ่งกันและกัน
อยู่แล้ว ซาตานต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับ
พระเจ้าและสิ่งนั้นคือคำหลอกลวง มันคือพ่อของการมุสาคือ "การโกหก"
เมื่ออาดัมรับประทานผลไม้นั้นเข้าไป เขาก็ตาส่วางขึ้นว่าได้เปลือยกาย
พระเจ้าได้ตรัสถามว่า "เจ้าอยู่ที่ไหน" ก่อนนี้อาดัม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระ
เจ้ามาก คำถามต่อมาของพระเจ้าคือ "เจ้ากินผลไม้ที่เราห้ามมิให้กินแล้วหรือ" นี่
ล่ะครับ ละครน้ำเน่าแห่งการโยนความผิดเริ่มขึ้นครั้งแรกตอนนี้
"หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้นั้นให้ข้าพระองค์
ข้าพระองค์จึงรับประทาน"
อาดัมโยนความรับผิดชอบให้เอวา และเอวาก็โยนความรับผิดชอบให้กับงู ทั้งที่
เป็นความผิดของเขาเองที่เชื่องู และมีท่าทีในการตอบสนองที่ผิด เมื่อใดก็ตามที่
เราหลงเข้าไปสู่ความบาป เราก็มักจะมีแนวโน้มที่จะโยนความรับผิดชอบให้คนอื่น
ในการรับใช้ด้วย เพื่อทำลายพระกายของพระเยซูคริสต์
การตอบสนองที่ถูกต้องคือ เราควรจะแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการอธิษ
ฐานและสารภาพบาปต่อพระองค์
1 ยอห์น 1:9
"ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยก
บาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น"
ในสดุดี 32:5
ดาวิดอธิษฐานว่า
"ข้าพระองค์สารภาพบาปของข้าพระองค์ต่อพระองค์
และข้าพระองค์มิได้ซ่อนบาปผิดของข้าพระองค์ไว้
ข้าพระองค์ทูลว่า “ข้าพระองค์จะสารภาพการละเมิดของ ข้าพระองค์ต่อพระเจ้า”
แล้วพระองค์ทรงยกโทษบาปของข้าพระองค์"
การสารภาพคือการ เห็นด้วยกับพระเจ้า และยอมรับในความบาปที่เราทำ
หรือแม้กระทั่ง ยอมรับในความผิดพลาดที่เราได้ทำ เราต้องยืนยันและตั้งใจที่จะละ
ทิ้งนิสัยโยนความรับผิดชอบ เพื่อติดตามพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์
ปฐมกาล 3:12 ,13
"ชายนั้นทูลว่า “หญิงที่พระองค์ประทานให้อยู่กินกับข้าพระองค์นั้น ส่งผลไม้
นั้นให้ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงรับประทาน” พระเจ้าตรัสถามหญิงว่า “เจ้าทำ
อะไรไป” หญิงนั้นทูลว่า “งูล่อลวงข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงได้รับประทาน”
เมื่อพระเจ้าถามอาดัม ถึงความผิด อาดัมก็โทษ เอวา และเอวาก็ไปโทษงูที่ล่อลวง
การโทษคนอื่น หรือรีบโยนความผิดให้คนอื่น แม้กระทั่งโทษวิ่งรอบข้าง โทษดินฟ้า
อากาศ โทษสถานการณ์ เป็นการแก้ตัวที่ง่ายมากๆ พระเจ้ารู้ความจริง แม้เราจะ
สามารถรอดตัวจากการใช้เหตุผลของโลกนี้ไปได้ เราต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เราทำ
จงสารภาพ ขอการยกโทษในพระนามพระเยซู
จงยอมรับและขอการอภัยจากพระเจ้า
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น