งานเลี้ยงความทุกข์
ผมเคยไปร่วมงานไว้ทุกข์ให้แบคนที่เสียชีวิต ของชาวพุทธ เนื่องจากเราเอง
รู้จักพระเจ้ามานานและไม่เคยข้องแวะไปเกี่ยวข้องกับงานแบบนี้สักเท่าใด
เมื่อถึงคราวที่จำเป็นต้องไป บรรยากาศในงาน มันช่างเศร้าโศกนัก มันอึด
อัดจนบอกไม่ถูก ทั้งกลิ่นธูป ทั้งเสียงสวดที่ฟังแล้วโศกเศร้ายิ่งนักมีเพลง
ธรรณีกรรแสงที่แสนจะลากเอาความเศร้าออกมาให้มากขึ้นกว่าเดิมอีก
จริงอยู่มันคือการสูญเสียบุคลที่เรารักไปแบบไม่มีวันที่เราจะได้พบกันอีก
แล้วในโลกใบนี้และในสภาพของเนื้อหนังมังสา และมันคือการสูญเสีย
ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต
แต่เราเองที่เชื่อในพระเจ้า นั่นคือการที่เราได้พบและอยู่เคียงข้างกับพระองค์
ในสวรรค์จะจัดงานฉลองอันยิ่งใหญ่ที่จะรอต้อนรับเรา
รุ่นพี่คริสเตียนของผมเคยพูดว่า ถ้าเค้าต้องเสียบุคลอันเป็นที่รักในครอบครัวไป
ในงานไว้ทุกข์เราจะจัดงานเฉลิมฉลอง และประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า
ผมฟังครั้งแรกนานมาแล้ว ผมคิดในใจว่า "นี่มันคงบ้าไปแล้ว"
แต่นั่นเป็นความคิดที่ผมต้องกลับใจ ของตัวเองในเวลาต่อมา เรามักจะเฉลิมฉลอง
เมื่อถึงเวลาของความสุข การเฉลิมฉลองสำหรับเราคือการที่เราได้นมัสการและยก
ย่องพระเจ้า เกียรติ พระสิริ คำสดุดี ปัญญา ฤทธาและกำลัง เป็นของพระองค์
แต่เมื่อใดที่เรามีความทุกล่ะ เราจะยังเฉลิมฉลองร่อมกันกับพระองค์ได้หรือไม่
ครั้งหนึ่งเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาที่ผมจีบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ติด เธอปฏิเสธในการคบหา
เป็นแฟนกันกับผม ในคืนนั้นเอง เมื่อมีงานเฉลิมฉลองนมัสการที่คริสตจักร ผมไม่สามารถ
จะนมัสการพระองค์ได้เลยเพราะผมคิดว่า เมื่อพระเจ้าไม่ให้ผมสมหวัง ทำไมผมต้องนมัส
การพระองค์
ในภาพยนต์เรื่อง "Facing the Giant" ประโยคสนทนาตอนหนึ่งที่โค้ช อเมริกันฟุตบอล
และลูกทีมอธิฐานก่อนออกจากห้องพักนักีฬาว่า "ลูกชนะลูกก็ขอบพระคุณพระองค์ ลูกแพ้
ลูกก็จะขอบพระคุณพระองค์"
ใน 1 เธสะโลนิกา 5:18
"จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระ
เยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย"
โลกนี้สอนให้เรา ขอบคุณเฉพาะคนที่ดีกับเรา พระเจ้าให้เรารักศัตรูได้เช่นกัน แม้คนนั้นจะ
ไม่น่ารัก
ตอนเป็นเด็กแม้ผมจะไม่ได้ของขวัญจากแม่ในปีเดียว ผมอาจจะโกรธแม่และไม่พูดกับแม่
อีกเลยหลายวัน แต่เมื่อผมลองนั่งนับ ของขวัญที่แม่ซื้อให้รอบตัวในห้อง ผมร้องไห้ด้วยความ
เสียใจ เพราะมันมากเหลือเกินที่แม่ให้เรามา
เราเคยนับพระพรที่พระเจ้าให้กับเรามา หรือยัง เราเคยรื้อฟื้นความเชื่อในพระเจ้าผู้จัดเตรียม
อนาคตของเราโดยพระหัตถ์ของพระองค์หรือไม่
ในสดุดี ดาวิดได้นับพระพรของเขา เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่ลำบาก และเขาก็ได้หลุดพ้นจากความ
สิ้นหวัง และเปลี่ยนเป็นสรรเสริญพระเจ้าว่า "พระองค์ได้เปลี่ยนการไว้ทุกข์เป็นการเต้นรำ"
สดุดี 30:11
"สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ เป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก
และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี"
ในเวลาที่เราสิ้นหวังสุดๆ ไม่มีที่พึ่งพิงจากที่ไหน เราจะยอมรับได้ง่ายขึ้นถ้าเรามีความสัมพันธ์
ที่ดีกับพระเจ้า มารซาตานที่กำลังดื่มด่ำความทุกข์ยากของเราอย่างเมามัน อาจดูเหมือนถือไพ่
เหนือเรา แต่สุดท้ายความรักและการปลอบประโลมของพระองค์จะมีชัยชนะ เราจะลุกขึ้นใหม่
ได้เพราะพระเจ้ารักษาชีวิตเราไว้
คุณอาจกำลังเจอเหตุการณ์นี้อยู่ ลองเฉลิมฉลองเพื่อนับพระพรของพระเจ้าที่ผ่านมาที่เราได้รับ
ลองมองย้อนกลับไปยังมีพระสัญญาแห่งความชื่นชมยินดี รอเราอยู่ในอนาคต จงวางใจในพระเจ้า
แม้ในเหตุการณ์ที่เราสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เราหวังใจในพระเจ้าองค์นี้ได้เสมอว่าจะประทาน
ความชื่นชมยินดี ลงมาท่ามกลางความโศกเศร้า
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
บทความเชื่มโยง และเกี่ยวข้อง
http://missionkorat.blogspot.com/2010/07/blog-post_16.html
พระคัมภีร์ใคร่ครวญ
สดุดี 30
1ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์จะยอ พระเกียรติพระองค์
เพราะพระองค์ทรงดึงข้าพระองค์ขึ้นมา
และมิได้ทรงให้คู่อริของข้าพระองค์ เปรมปรีดิ์เพราะข้าพระองค์
2ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์
และพระองค์ได้ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย
3ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงนำจิตวิญญาณของข้าพระองค์ขึ้นมาจากแดนผู้ตาย
ทรงให้ข้าพระองค์มีชีวิต จึงไม่ต้องลงไปสู่ปากแดน
4ท่านธรรมิกชนของพระองค์เอ๋ย จงร้องสรรเสริญพระเจ้า
และถวายโมทนาแก่พระนามบริสุทธิ์ของพระองค์
5เพราะพระพิโรธของพระองค์นั้นเป็นแต่ชั่วขณะหนึ่ง
และความโปรดปรานของพระองค์นั้นตลอดชีวิต
การร้องไห้อาจจะอ้อยอิ่งอยู่สักคืนหนึ่ง
แต่ความชื่นบานจะมาเวลาเช้า
6ส่วนข้าพระองค์ ข้าพระองค์พูด ในความเจริญรุ่งเรืองของข้าพระองค์ว่า
“ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นไหวเลย”
7ข้าแต่พระเจ้า โดยความโปรดปรานของพระองค์
พระองค์ทรงสถาปนาข้าพระองค์ไว้อย่างภูเขาเข้มแข็ง
พอพระองค์ทรงซ่อนพระพักตร์ของพระองค์
ข้าพระองค์ก็ลำบากใจ
8ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์
และข้าพระองค์ได้วิงวอนพระเจ้าว่า
9“ถ้าข้าพระองค์ตาย พระองค์จะได้กำไรอะไร
คือเมื่อข้าพระองค์ลงไปยังปากแดนผู้ตาย
ผงคลีจะสรรเสริญพระองค์หรือ
มันจะบอกเล่าเรื่องความสัตย์จริงของพระองค์หรือ
10ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับและทรง พระกรุณาต่อข้าพระองค์
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ของข้าพระองค์”
11สำหรับข้าพระองค์ พระองค์ทรงเปลี่ยนการไว้ทุกข์ เป็นการเต้นรำ
พระองค์ทรงแก้เสื้อผ้ากระสอบของข้าพระองค์ออก
และทรงคาดเอวข้าพระองค์ด้วยความยินดี
12เพื่อจิตวิญญาณของข้าพระองค์จะสรรเสริญ พระองค์และไม่นิ่งเงียบ
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์
ข้าพระองค์จะถวายโมทนา แด่พระองค์เป็นนิตย์
พระองค์เปลี่ยนความโศก กลับเป็นเต้นโลดยินดี ทรงยกความเศร้าทิ้งไป
ข้าไม่อาจนิ่งอยู่ จึงต้องร้องเพลงด้วยความยินดี
ความเจ็บช้ำ ที่เราเคยมี พระองค์ทรง เป็นเพื่อนปลอบโยน
ความปวดร้าว ที่เราเคยมี ทรงรักษา ด้วยหัตถ์พระองค์
ความรักพระองค์ช่างแสนงดงาม ดังแสงทองในยามเช้า
ความมืดได้หาย ไปจากใจเรา
เปลี่ยนเป็นความ ชื่นชม และยินดีภายในใจ
ทรงเปลี่ยนความเศร้าโศกและการคร่ำครวญ
เป็นความชื่นชมยินดีและเริงรื่น
แทนความท้อใจเป็นบทเพลงสรรเสริญ
เต็มด้วยน้ำมันแห่งความเปรมปรีดิ์
เพื่อคนทั้งหลายจะเรียกเราว่าเป็น
ต้นไม้แห่งความชอบธรรม
เพื่อพระเกียรติเป็น ของพระองค์
เพื่อคนทั้งหลายจะเรียกเราว่าเป็น
ต้นไม้แห่งความชอบธรรม
เพื่อพระเกียรติเป็น ของพระองค์
เมื่อความสุขสำราญผ่านมาทางใจของข้า
เมื่อทุกข์ทรมานพัดผ่านมา
ไม่ว่าเกิดเหตุใดพระองค์สอนให้พูดว่า
วิญญาณข้า สุขสบาย สุขหรรษา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น