วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

คำว่า "อาจารย์"

คำว่า "อาจารย์"


สมัยที่ผมเรียนนั้น คำว่า "อาจารย์" นั้นเป็นคำที่ถูกปลูกฝังว่าจะเหมาะกับคนที่เหมาะสม
ความประพฤติดี และเป็นแม่แบบแก่ลูกศิษย์ แต่อาจารย์บางคนที่ ผมเห็นนั้น ไม่ได้เป็น
แม่แบบที่ดีให้แก่พวกเราเลย ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ วาจาหยาบคาย นินทา และอีกหลาย
อย่าง แต่เมื่อเขาสอนเขาสอนให้ดีได้ แต่ตัวเองกลับประพฤติแบบนั้นไม่ได้

อาจารย์เหล่านั้น หลงในตำแหน่งที่ตัวเองมี เขามีอำนาจในโรงเรียน และบางครั้งเขาก็ใช้
อำนาจนั้นในทางที่ผิด และไม่ถูกไม่ควร (ผมหมายถึงอาจารย์บางคนเท่านั้น)

อาจารย์ที่ดีมีเยอะแยะมากมายแต่นี่เป็นส่วนหนึ่งของอาจารย์ที่ไม่ดี เขาขาดความรับผิดชอบ
ต่อหน้าที่ที่เขาได้รับ

ผมพึ่งเริ่มรับใช้ เริ่มรับใช้ในทีมนมัสการ เริ่มสอนเด็กรวีในชั้นเด็กเล็ก เริ่มเทศนาในคริสตจักร
และสอนผู้เชื่อใหม่ในชั้นเรียนตอนบ่าย หลายคนเรียกผมว่าอาจารย์ และคำนี้ทำให้ผมคิด
ทบทวนบางสิ่งบางอย่าง เพื่อไม่ให้ตัวเองหลงและอวดในตัวเอง ในอนาคต

คำๆนี้หลายคนอาจคิดว่า เรียกก็เรียกไปไม่สำคัญ หลายคนชอบที่จะถูกเรียกว่าอาจารย์ และ
หลายคนก็กลัวที่จะถูกเรียกว่าอาจารย์ ในความเป็นจริงแล้ว จะถูกเรียกว่า อาจารย์ หรือไม่นั้น
ไม่สำคัญเท่ากับท่าทีภายในของเราเอง

ยากอบ 3:1
"ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า   อย่าให้เป็นอาจารย์กันมากหลายคนเลย   เพราะท่านก็รู้ว่า  
เราทั้งหลายที่เป็นผู้สอนนั้น   จะได้รับการทรงพิพากษาที่เข้มงวดกว่าผู้อื่น"

พระคัมภีร์ตอนนี้กำลังเตือนเราว่า คำว่า อาจารย์ ที่เราแบกรับอยู่นั้น คือการเป็นผู้สอน
ต้องได้รับการพิพากษาจากพระเจ้าเข้มงวดกว่าคนอื่นๆ

พระคัมภีร์เปรียบเทียบว่า คำเสรรเสริญและคำแช่งด่าจะออกมาจากปากเดียวกันได้หรือ
เหมือนกับ บ่อน้ำพุเค็มก็ทำให้เกิดน้ำจืดอีกไม่ได้เลย มะเดื่อจะออกผลเป็นมะกอกเทศได้
หรือ   หรือเถาองุ่นจะออกผลเป็นมะเดื่อได้อย่างไร    เช่นเดียวกันกับ ลิ้นที่เราทั้งหลายสรรเสริญ
องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น   และด้วยลิ้นนั้นเราก็ใช้ในการแช่งด่ามนุษย์ด้วยกัน
เอง   ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างไว้ตามพระฉายาของพระองค์ ซึ่งพระองค์ไม่เคยที่จะใช้ลิ้นในทางชั่ว
ตอนต่อมาในพระคัมภีร์พูดว่า ในพวกท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดและมีปัญญา   ก็ให้ผู้นั้นแสดงการ
ประพฤติของตนด้วยพฤติกรรมอันดี   มีใจอ่อนสุภาพประกอบด้วยปัญญา แต่ถ้าท่านรู้สึกขมขื่น
เพราะมีใจริษยาและมักใหญ่ใฝ่สูง   ก็อย่าโอ้อวดและอย่าทรยศต่อความจริง

นี่คือบุคลิกภาพที่ครูหรืออาจารย์ควรจะมี เราต้องมีบุคลิกภาพอย่างพระเจ้า ตามพระฉายาของ
พระองค์ พระเจ้าเป็นครูที่ยอดเยี่ยม การที่เราเป็นอาจารย์ เราต้องสอนด้วยสติปัญญา ไม่ใช่ปัญญา
ของมนุษย์ แต่เป็นปัญญาจากเบื้องบน เพราะปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก   แล้ว
จึงเป็นความสงบสุข   สุภาพและว่าง่าย   เปี่ยมด้วยความเมตตาและผลที่ดี ไม่ลำเอียง ไม่หน้าซื่อใจ
คด ฟาริสีถูกเรียกว่าหน้าซื่อใจคดเพราะเขาเป็นผู้สอนแต่ปากเท่านั้น แต่ไม่ได้ประพฤติตามพระวจนะ
หรือคำสอนที่ตัวเองได้พูดออกไปจากปาก เขาเหล่านั้น พอใจหรือภูมิใจดื่มด่ำกับคำว่าอาจารย์ เขารู้สึก
ดีเมื่อมีคนเรียกเขาว่าอาจารย์ๆ เขาได้ตั้งตัวเองเป็นอาจารย์ด้วยตัวเอง และพยามไปให้ถึงตำแหน่งด้วย
ตัวเอง แต่คุณสมบัติของเขาเหล่านั้น กลับไปไม่ถึง เขายังนินทาคนอื่น ขาดใจที่อ่อนสุภาพ มีความโลภ
อิจฉา และริษยา ไม่มีใจที่อ่อนสุภาพ พูดง่ายๆเลย เขาสอนคนให้มีผลของพระวิญญาณ แต่เขาเองขาด
ผลของพระวิญญาณ คำว่าอาจารย์ปรากฎใน พันธกรทั้ง 5

เอเฟวัส 4:11
"ของประทานของพระองค์   ก็คือให้บางคนเป็นอัครทูต   บางคนเป็นผู้เผยพระวจนะ   บางคนเป็นผู้เผย
แพร่ข่าวประเสริฐ   บางคนเป็นศิษยาภิบาลและอาจารย์ เพื่อเตรียมธรรมิกชนให้เป็นคนที่จะรับใช้  
เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น"

คริสตจักร พันธกรทั้ง 5 นั้น ไม่ใช่เพียงศิษยาภิบาบ หรืออาจารย์เท่านั้นที่ ทำทุกอย่างในคริสตจักรและ
สำคัญที่สุด แต่ทุกของประทานล้วนมีความสำคัญทั้งหมด เพื่อนำเราสู่พระกายที่จะจำเริญขึ้นในพระ
คริสต์

พี่น้องครับ ผมไม่ได้หมายความถึงท่านใดที่เป็นอาจารย์และเข้ามาอ่านนะครับ ถ้าท่านใดรู้สึกไม่ดีกับ
บทความนี้ผมอยากขอโทษและขออภัยด้วยใจจริง แต่ผมกำลังหมายถึงผู้ที่ ให้คำว่าอาจารย์เป็นรูป
เคารพ ของชีวิต
ในมัทธิว 23 กล่าวว่า
พวกธรรมาจารย์กับพวกฟาริสีนั่งบนที่นั่งของโมเสส เหตุฉะนั้น   ทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน  
จงถือประพฤติตาม   เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย   เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน  
แต่เขาเองหาทำตามไม่

เราจะไม่ต่อต้านพระวจนะ แต่เราต่อต้านความไม่ถูกต้อง สิ่งที่สอนมาจากพระวจนะของพระเจ้า
นั่นไม่ผิด แต่การประพฤติที่เขาประพฤติ นั้นเป็นอีกเรื่องที่เราต้องแยกแยะให้ออก อย่าเหมารวม
พระวจนะที่ถูกต้องกับความประพฤติไม่ถูกต้องที่เขาทำ

ข้อ 6, 7
เขาชอบที่อันมีเกียรติในการเลี้ยงและในธรรมศาลา กับชอบรับการคำนับที่กลางตลาด  
และชอบให้เขาเรียกว่า   'ท่านอาจารย์' ท่านทั้งหลายอย่าให้ใครเรียกท่านว่า   'ท่านอาจารย์'  
ด้วยท่านมีพระอาจารย์แต่ผู้เดียว   และท่านทั้งหลายเป็นพี่น้องกันทั้งหมด

อยากย้ำนะครับว่า พระคัมภีร์ไม่ได้ หมายถึง ว่าคนที่ถูกเรียกว่า อาจารย์ จะเป็นคนแบบฟาริสี
แต่พระคัมภีร์กำลังเตือนเราให้ ตั้งมั่นตลอดในการไม่อวดตัว และหยิ่งทรนงในตัวเองจนเกินไป
จนคิดว่าตัวเองมีอำนาจมากกว่าพี่น้องคนอื่นๆ ผู้เดียวที่มีอำนาจเหนือสุดคือ พระเจ้าเท่านั้น

พระคัมภีร์ไม่ได้หมายถึงผู้ถ่อมใจ และได้บเกียรติว่าอาจารย์ แต่หมายถึงผู้ที่กำลังยกตัวเองขึ้น
และให้ตำแหน่งแก่ตัวเอง และบันทึกไว้ว่าผู้ใดจะยกตัวขึ้น   ผู้นั้นจะต้องถูกเหยียดลง  
ผู้ใดถ่อมตัวลง   ผู้นั้นจะได้รับการยกขึ้น

สำหรับเราแล้วเราไม่แสวงหาจะได้รับคำว่า ครู หรืออาจารย์ และเราก็ไม่ต้องรู้สึกผิดถ้าจะมีคนเรียก
เราว่า อาจารย์ แต่ถ้าเรามีของประทานของอาจารย์ หรือได้รับการยอมรับจากทุกคนหลายคนที่จะ
เรียกเราว่าอาจารย์ ท่าทีภายในของเราที่สะท้อน บุคลิกลักษณะของพระเยซูคริสต์ พระฉายของพระ
องค์ผู้ทรงสร้างเรามา   ต่างหากที่สำคัญ เพื่อเราจะเป็นตัวแทนที่จะ สะท้อนอาจารย์เยซู ให้ทุกคน
รอบข้างได้เห็นและสัมผัสถึงพระองค์ได้

ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

พระคัมภีร์ เพิ่มเติม

2 ทิโทธี 2:24-26
ฝ่ายผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องไม่เป็นคนที่ชอบการทะเลาะวิวาท   แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน   เป็นครูที่เหมาะสมและมีความอดทน 25ชี้แจงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเข้าใจด้วยความสุภาพ   ว่าพระเจ้าอาจจะทรงโปรดให้เขา

กลับใจ   และมาถึงซึ่งความจริง 26และหลุดพ้นบ่วงของมารผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน(   หรือ   โดยผู้รับใช้ของพระองค์ได้จับเขามาให้เป็นเชลยแห่งน้ำพระทัยของพระเจ้า) 

1 ทิโมธี 3:1-7

1คำนี้เป็นคำจริง   คือว่าถ้าผู้ใดปรารถนาหน้าที่ผู้ปกครองดูแลคริสตจักร   ผู้นั้นก็ปรารถนากิจการงานที่ประเสริฐ 2ผู้ปกครองดูแลนั้นต้องเป็นคนที่ไม่มีใครติได้   เป็นสามีของหญิงคนเดียว   เป็นคนรู้จักประมาณตน   มีสติ

สัมปชัญญะ   เป็นคนสง่าเรียบร้อย   มีอัชฌาสัยรับแขกดี   เหมาะที่จะเป็นครู 3ไม่ดื่มสุรามึนเมา   ไม่เป็นนักเลงหัวไม้   แต่เป็นคนสุภาพ   ไม่เป็นคนชอบวิวาท   ไม่เป็นคนเห็นแก่เงิน 4ต้องเป็นคนครอบครองบ้านเรือนของตนได้ดี 

 อบรมบุตรธิดาของตนให้อยู่ในโอวาทและมีใจนอบน้อม 5เพราะว่าถ้าชายคนใดไม่รู้จักครอบครองบ้านเรือนของตน   คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าอย่างไรได้ 6อย่าให้ผู้ที่กลับใจใหม่ๆเป็นผู้ปกครองดูแล   เกรงว่าเขาอาจ

จะยโส   แล้วก็จะถูกปรับโทษเหมือนอย่างมารนั้น 7นอกนั้นเขาจะต้องเป็นที่นับถือของคนภายนอก   มิฉะนั้นจะเป็นที่ติเตียนและจะติดบ่วงแร้วของมาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น