วันพฤหัสบดีที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2560

4 ขั้นตอนของการกลับใจ และบุตรน้อยที่หลงหาย

4 ขั้นตอนของการกลับใจ 
และบุตรน้อยที่หลงหาย
การกลับใจ เราได้ยินคำสอนในพระคัมภีร์ คำเทศนาว่าให้เรากลับใจ "กลับใจ" ตามพจนานุกรมในความหมายคือ กลับตัว,กลับเนื้อกลับตัว เลิกกระทำชั่วหันมากระทำความดี ในคำอธิบายในพระคัมภีร์อาจจะหมายถึง การที่ผู้เชื่อเปลี่ยนแปลงท่าทีในใจและความคิดให้ใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น รวมถึงการหันหลังให้กับความบาปและหันกลับมาหาพระผู้เป็นเจ้าเพื่อรับการให้อภัย การกลับใจ
แต่เราจะกลับใจได้อย่างไร แค่ความรู้สึกผิดนั้นกลับใจได้หรือไม่ ในภาษาฮีบรูคำว่า Teshuvah หมายถึง การหันกลับมาหาพระเจ้าหรือการกลับใจ ได้ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการกลับใจ ถึงขั้นตอนในการนำเราสู่การกลับใจ และยังแถมเรื่องอุปมาของบุตรน้อยที่หลงหายให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก

ในเดือนเอลลูนี้มีช่วงเวลาของเทศกาลลบมลทินบาป ซึ่งให้เราใคร่ครวญและกลับใจ คำกลับใจในภาษาฮีบรูคือคำว่า Teshuvah (Te-shu-vah) ซึ่งมีความหมายว่า เลี้ยวกลับ หรือกลับใจ และในกระบวนการกลับใจมีขั้นตอนซึ่งแบ่งและชี้ให้เราเห็นเพื่อง่ายต่อการสำรวจและใคร่ครวญอยู่ 4 ขั้นตอน ดังนี้

1. เสียใจ
เราต้องเสียใจ หรือรู้สึกผิดต่อความสัมพันธ์ที่เราได้ละเมิดและทำผิด ระหว่างเรากับพระเจ้า ความเสียใจในที่นี้คือการเสียใจต่อความผิดบาปหรือการกระทำที่ไม่สมควร ไม่ใช่ความเสียใจฟูมฟายจนจิตวิญญาณตกต่ำคิดฆ่าตัวตายฟ้องผิดกล่าวโทษตัวเองอะไรแบบนั้น

ลก. 15:17 เมื่อเขา (บุตรน้อย) สำนึกตัวได้ จึงพูดว่า ‘ลูกจ้างของพ่อไม่ว่าจะมีมากสักแค่ไหนก็ยังมีอาหารเหลือเฟือ แต่ข้ากลับต้องมาอดตายที่นี่
ลก. 15:18 ข้าน่าจะลุกขึ้นไปหาพ่อ และพูดกับท่านว่า “พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
ลก. 15:19 ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป ขอโปรดให้ลูกอยู่ในฐานะของลูกจ้างคนหนึ่งของท่านเถิด” ’

พระคัมภีร์ตอรนนี้เตือนเราว่า หยุด ! มองเสียก่อนที่คุณจะตกต่ำจนถึงที่สุด หรืออาจจะสายเกินไปและก่อนที่จะเลยเถิดไปไกลกว่านี้

สดุดี 51 ดาวิดเสียใจอย่างมากที่เขาได้ล่วงประเวณีกับบัทเชบา และฆ่าสามีของเธอเพื่อปกปิดเรื่องนี้ เมื่อดาวิดเสียใจและกลับใจพระเจ้าจึงทรงเมตตายกโทษให้เขา ไม่มีบาปใดใหญ่เกินกว่าที่พระเจ้าจะทรงอภัย มนุษย์เกิดมาในความบาปดังนั้นจึงชอบทำตามใจตัวเองมากกว่าที่จะให้พระเจ้าพอพระทัย พระเจ้าเองต้องการจิตใจที่ชอกช้ำและสำนึกผิด เราต้องสำรวจตัวเองว่า

-เราเสียใจหรือไม่ที่เราทำผิดบาป
-เราตั้งใจจริงหรือไม่ที่จะหยุดทำบาป นี่คือความเสียใจ สำนึกผิดที่พระเจ้าทรงพอพระทัย

เสียใจแบบที่ชอบพระทัยเป็นอย่างไร เรามาดูกัน

2คร. 7:9 แต่บัดนี้ข้าพเจ้ามีความยินดี ไม่ใช่เพราะพวกท่านเสียใจ แต่เพราะความเสียใจนั้นทำให้ท่านกลับใจ เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ท่านจึงไม่ได้รับผลร้ายจากเราเลย
2คร. 7:10 เพราะว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้า ทำให้เกิดการกลับใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความรอดและจะไม่ทำให้เสียใจ แต่ความเสียใจอย่างโลกนั้นย่อมนำสู่ความตาย
2คร. 7:11 จงดูสิว่าความเสียใจตามพระประสงค์ของพระเจ้าเช่นนี้ นำไปสู่การเอาจริงเอาจังเพียงไร และยังทำให้เกิดการขวนขวายที่จะพิสูจน์ตัวเอง เกิดความขุ่นเคือง ความตื่นตัว ความอาลัย ความกระตือรือร้น และเกิดการลงโทษ พวกท่านพิสูจน์ตัวเองในทุกด้านแล้วว่าเป็นผู้ปราศจากความผิดในเรื่องนี้

ความเสียใจที่อยู่ในทางของพระเจ้านี้ ส่งผลให้กลับใจใหม่ หมายถึงการเสียใจในบาป หลายคนเสียใจ เพราะว่าได้รับผลของบาป หรือถูกจับได้ เปโตรกับยูดาส ทั้ง 2 ปฏิเสธพระคริสต์เหมือนกัน แต่คนหนึ่งกลับใจกลับมาและได้กลับคืนสู่ความเชื่อและเส้นทางเดิมอีกคนเสียใจ รู้สึกผิด และฆ่าตัวตาย
สุภาษิต 28:13  ผู้ที่ปกปิดบาปของตนจะไม่เจริญ แต่ผู้ที่สารภาพผิดและละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา

2. ละทิ้ง
คือการละทิ้งความบาป กลับใจด้วยความจริงใจ "ทิ้ง" ตามพจนานุกรมหมายถึง ทําให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ถืออยู่หลุดจากมือด้วยอาการต่าง ๆ ถ้าด้วยอาการขว้าง เรียกว่า ขว้างทิ้ง ถ้าด้วยอาการโยน เรียกว่า โยนทิ้ง ถ้าด้วยอาการเท เรียกว่า เททิ้ง เป็นต้น

ลก. 15:20 แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดา แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาก็เห็นเขาและมีใจสงสาร จึงวิ่งออกไปกอดคอและจูบแก้มของเขา

นี่เป็นภาพให้เราเห็นว่า ไม่ต้องมีการลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น บุตรน้อยคนนี้รีบลุกและกลับไปหาบิดาของเขา การละทิ้ง คือการกลับใจใหม่ ในภาษากรีกนั้นคือคำว่า metanoeo = เปลี่ยนใจ การเลือกละทิ้งหรือกลับใจ ไม่ใช่แค่การพยักหน้า หรือเห็นด้วย และยังดำเนินชีวิตแบบเดิม ๆ เหมือนเราเอาถุงขยะไปทิ้งที่ถังขยะเมื่อทิ้งแล้วไม่กลับไปคุ้ยเขี่ย หรือเสียดายอีก ทิ้งคือทิ้ง !!

กจ. 26:20 แต่ข้าพระบาทประกาศให้เขาทั้งหลายทราบ โดยเริ่มต้นในเมืองดามัสกัส ในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแว่นแคว้นยูเดีย รวมทั้งพวกต่างชาติด้วย เพื่อให้เขาทั้งหลายกลับใจใหม่และหันมาหาพระเจ้า และทำสิ่งที่แสดงถึงการกลับใจใหม่

พระวจนะบอกว่าให้เราหันกลับใจใหม่คือการละทิ้งแล้วมาหาพระเจ้า และดำเนินชีวิตให้สมกับที่กลับใจใหม่

กจ. 3:19 เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง (ดูเพิ่มเติมใน กิจการ 8:22)

เมื่อเราหันกลับ พระเจ้าไม่ได้ทรงสัญญาแค่ จะลบบาปเท่านั้น แต่จะทรงประทานความชุ่มชื่นแก่วิญญาณแก่เรา อย่าให้เราเพียงแค่เสียใจหันกลับมา แต่ไม่ยอมละทิ้งความบาป

เอเสเคียล 33:11-12 (11-20)
อสค. 33:11 จงกล่าวต่อพวกเขาว่า พระยาห์เวห์องค์เจ้านายตรัสว่า เรามีชีวิตอยู่แน่นอนอย่างไร เราไม่พอใจในความตายของคนอธรรม แต่พอใจในการที่คนอธรรมหันจากทางของเขาและมีชีวิตอยู่ไม่ใช่หรือ? จงหันกลับ จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า โอ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย ทำไมจึงยอมตาย?
อสค. 33:12 เจ้า บุตรมนุษย์เอ๋ย เจ้าจงกล่าวกับชนชาติของเจ้าว่า ความชอบธรรมของผู้ชอบธรรม จะไม่ช่วยเขาให้รอดเมื่อเขาทำการละเมิด ส่วนความอธรรมของคนอธรรมนั้นจะไม่ทำให้เขาล้มลงเมื่อเขาหันกลับจากความอธรรมของเขา และคนชอบธรรมจะไม่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยความชอบธรรมเมื่อเขาทำบาป

สภษ. 28:13 ผู้ซ่อนการละเมิดของตนไว้จะไม่เจริญ แต่ผู้สารภาพและทิ้งมันจะได้ความกรุณา

ฉบับ NIV บันทึกว่าผู้ที่ปกปิดความบาปของตนจะไม่เจริญ แต่ผู้ที่สารภาพผิดและละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่มนุษย์จะซ่อน หรือมองข้ามความผิดของตนเอง
แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะเรียนรู้ และยอมรับความบาปหรือความผิด ที่กำลังทำอยู่ การจะเรียนรู้จากการผิดพลาดได้นั้นเราต้อง ยอมรับ สารภาพในความบาปนั้นและหันกลับมาปรับเปลี่ยนชีวิตเพื่อที่มันจะไม่เกิดขึ้นอีกอาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ต่อต้าน เพื่อไม่ให้เรายอมรับความผิดบาป
บางครั้งเราก็ชื่นชมในคนที่ทำผิดบาป และก็ยอมรับมัน เพราะบางครั้งเราก็เหมือนกับเขาและเราก็ไม่ยอมรับว่ามันผิด

จงหันกลับมาพิจารณาตัวเองอีกครั้ง นี่ไม่ใช่การมาจับผิดและมาประจานเมื่อเราเจอก็ทิ้งมันไป และไม่ต้องกลับไปมองมันอีก “ละ” คือทิ้งไป เมื่อเราทิ้งขยะ เราก็ไม่ไปดูมันอีกและไปคิดถึงหรือเสียดายมันอีกเหมือนดั่งที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

2คร. 4:2 เราได้ละทิ้งการกระทำต่างๆ ที่แอบแฝงและน่าอับอายไปแล้ว เราไม่ใช้อุบายและไม่ได้บิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า แต่โดยการเปิดเผยความจริง เราเสนอตัวเราต่อมโนธรรมของทุกคนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า

1ธส. 1:9 เพราะคนเหล่านั้นร่ำลือกันว่าพวกท่านให้การต้อนรับเราดีขนาดไหน และกล่าวถึงการที่ท่านได้ละทิ้งรูปเคารพและหันมาหาพระเจ้า เพื่อรับใช้พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่และเที่ยงแท้

2ทธ. 2:19 แต่ว่ารากฐานอันแข็งแกร่งของพระเจ้าตั้งมั่นอยู่และปรากฏคำจารึกดังนี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักบรรดาคนของพระองค์”  และ “ให้ทุกคนที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าละทิ้งความชั่ว”

ทต. 2:11 เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าปรากฏแล้ว เพื่อช่วยทุกคนให้รอด
ทต. 2:12 และเพื่อสอนเราให้ละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และให้ดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ อย่างชอบธรรมและให้ดำเนินตามทางพระเจ้า

ฮบ. 12:1 เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา

3. สารภาพ
คือสารภาพความผิดบาป หมายถึง รับสารภาพ,ยอมรับ,รับ การพูดตรงกัน การเห็นพ้อง และการยอมรับ ความจริง คือการเปลี่ยนแปลงจิตใจ การปฏิเสธในการสารภาพ ยิ่งทำให้บาปหยั่งลึกลงในชีวิต กันดารวิถี 5:6-7

1ยน. 1:9 ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น

ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์จะยกโทษบาปนั้นให้กับเราไม่ว่าบาปนั้นจะใหญ่แค่ไหน

ลก. 15:21 บุตรคนนั้นจึงกล่าวกับบิดาว่า ‘พ่อ ลูกผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย ไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของพ่ออีกต่อไป’

มีเรื่องเล่าของสุนัขจิ้งจอก สุนัขจิ้งจอก เป็นสัญลักษณ์ของความเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งในเมืองหนึ่งที่สุนัขจิ้งจอกได้บุกเข้ามาในเมืองเพราะการแผ่ขยายความเจริญเข้าไป เขาคิดว่าสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไม่น่าจะมีพิษมีภัยอะไรมากมายนัก แต่แทนที่มันจะหนีไปมันกลับปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและชินกับมัน มันได้ขุดคุ้ยขยะใบ เล็ก ๆ ตามบ้าน ทำลายสวนที่สวยงาม รื้อข้าวของต่าง ๆ ตามบ้าน เจ้าสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้อาจจะเป็นปัญหาร้ายแรง สำหรับคริสเตียนที่อยากถวายเกียรติพระเจ้า บาปที่เราคิดว่า “เล็กน้อย” หรือ “ไม่อันตราย” และเราปล่อยให้เป็นความเคยชิน เช่นโกหกเล็กน้อย นินทา เป็นต้น

หากเราปล่อยให้สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กนี้ เข้ามาในสวนหลังบ้านแห่งชีวิตและจิตวิญญาณ  มันถึงเวลาแล้วที่เราจะจัดการกับมันเสียทีด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ให้เรายอมรับและสารภาพกำจัดมันเสียก่อนที่มันจะทำลายชีวิตทั้งหมดของเรา

ยก. 5:16 เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล

มธ. 5:23 เพราะฉะนั้น ถ้าท่านนำเครื่องบูชามาถึงแท่นบูชาแล้ว และระลึกขึ้นได้ว่า พี่น้องมีเหตุขัดเคืองข้อหนึ่งข้อใดกับท่าน
มธ. 5:24 จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา และกลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน
มธ. 5:25 จงปรองดองกับคู่ความโดยเร็วในขณะที่พากันไปศาล มิฉะนั้นคู่ความนั้นจะมอบตัวท่านไว้กับผู้พิพากษา แล้วผู้พิพากษาจะมอบตัวท่านไว้กับผู้คุม และท่านจะต้องถูกขังไว้ในคุก

ความสัมพันธ์ที่แตกร้าวระหว่างเรากับเพื่อนมนุษย์สามารถขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่าง  เรากับพระเจ้าหากเรามีปัญหา หรือเรื่องบาดหมางกับเพื่อนเราควรแก้ไขโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้หากเราบอกว่าเรารักพระเจ้า แต่เกลียดผู้อื่นเราก็เป็นคนหน้าซื่อใจคด

ท่าทีของเราต่อผู้อื่น สะท้อนถึงความ สัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า “ถ้าผู้ใดว่า   “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า”   และใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน   ผู้นั้นก็เป็นคนพูดมุสา..เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่แลเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่ไม่เคยเห็นไม่ได้”

1ยน. 4:20 ถ้าใครกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารักพระเจ้า” แต่ใจยังเกลียดชังพี่น้องของตน เขาเป็นคนพูดมุสา เพราะว่าผู้ที่ไม่รักพี่น้องของตนที่มองเห็นแล้ว จะรักพระเจ้าที่มองไม่เห็นไม่ได้

ก่อนจะถึง วันลบบาป อีกไม่กี่วันนี้ (ก่อนวัน ยมคิปปูร์ ก่อนวันลบบาป) ในเทศกาลยิวนั้น วันที่เขาถือว่าบริสุทธิ์ที่สุดในรอบปีก็คือ ยมคิปปูร์ หรือวันลบมลทินบาป (ที่ใกล้จะถึงในเดือนหน้านี้) เป็นวันซึ่งชาวยิวจะ ขออภัยโทษบาปจากพระเจ้า ทั้งบาปส่วนตัวและบาปของประเทศ แต่ก่อนจะถึงยมคิปปูร์ คือ เออฟยมคิปปูร์ เป็นวันที่เรียกว่าโอกาสสุดท้ายที่เราจะได้ขอการอภัยโทษจากผู้อื่นก่อน ยมคิปปูร์จะมาถึงนี่เป็นหมายสำคัญในความคิดของคนยิวเนื่องจากเราต้องขอการให้อภัยโทษจากผู้อื่นก่อน จึงจะขอการอภัยจากพระเจ้าได้

4. แก้ไข
แก้ไข และก้าวต่อไปกับพระเจ้า แก้ไขหมายถึง ทําส่วนที่เสียให้คืนดีอย่างเดิม ดัดแปลงให้ดีขึ้นดังเดิม บางครั้งหมายถึงการรับการเยียวยา

ลก. 15:22 แต่บิดาสั่งพวกบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้อที่ดีที่สุดออกมาสวมให้เขา เอาแหวนมาสวมที่นิ้วมือ และเอารองเท้ามาสวมให้ด้วย
ลก. 15:23 และจงไปเอาลูกวัวตัวที่อ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกันเพื่อความรื่นเริง
ลก. 15:24 เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้วแต่กลับเป็นขึ้นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ พวกเขาต่างก็มีความรื่นเริง

ลนต. 26:40 “แต่ถ้าเขาทั้งหลายสารภาพความชั่วของเขา และความชั่วของบรรพบุรุษ ซึ่งทำผิดต่อเราด้วยการทรยศของเขาทั้งหลายนั้น และที่ได้ประพฤติขัดแย้งเรา
ลนต. 26:41 เราจึงดำเนินการขัดแย้งเขา และได้นำพวกเขาเข้าสู่แผ่นดินศัตรู ถ้าเมื่อนั้นจิตใจที่ดื้อรั้นของพวกเขาถ่อมลงและยอมรับเรื่องความชั่วของพวกเขาแล้ว
ลนต. 26:42 เราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่อยาโคบ และเราจะระลึกถึงพันธสัญญาของเราซึ่งมีต่ออิสอัค และพันธสัญญาของเราต่ออับราฮัม และเราจะระลึกถึงแผ่นดินนั้น

พระองค์ทรงให้โอกาสพวกเขาอีกที่จะหันกลับมาหาพระองค์พระเจ้าไม่ได้ต้องการทำลายพวกเขา แต่ต้องการให้พวกเขาเติบโตขึ้น สุดท้ายเราต้องแก้ไขและปรับปรุงสิ่งเก่า ๆ ที่ผ่านมา พระคัมภีร์บอกเราว่าเมื่อเราได้แก้ไขในเรื่องบาปของเขาแล้ว พระองค์จะระลึกถึงพระสัญญา
ของพระองค์ที่มีต่อเรา

ยรม. 35:15 เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของเราคือผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า ส่งพวกเขามาครั้งแล้วครั้งเล่า กล่าวว่า ‘บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตน และแก้ไขการกระทำของพวกเจ้าเสีย อย่าไปติดตามพระอื่นและปรนนิบัติพระเหล่านั้น แล้วเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินซึ่งเราได้ให้แก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า’ แต่เจ้าไม่ได้เงี่ยหูหรือฟังเรา

1ปต. 5:10 และหลังจากพวกท่านทนทุกข์ชั่วเวลาหนึ่งแล้ว พระเจ้าแห่งพระคุณทั้งสิ้น ผู้ได้ทรงเรียกให้พวกท่านเข้าในศักดิ์ศรีนิรันดร์ของพระองค์ในพระเยซู คริสต์ พระองค์เองก็จะทรงฟื้นฟู จะทรงค้ำจุนให้มั่นคง จะทรงเสริมเรี่ยวแรง และจะทรงให้พวกท่านตั้งมั่นอยู่

ฟป. 3:13 พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า
ฟป. 3:14 และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์

ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น