วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

การหนุนใจที่มากกว่าคำพูด

ผมเชื่อว่าไม่ใช่แค่คริสเตียนเท่านั้น แต่ไม่ว่าคุณจะนับถือศาสนาอะไร สิ่งที่มนุษย์มักทำเสมอก็คือการหนุนใจ คริสเตียนเองก็มักหนุนใจ พระคัมภีร์สอนเราให้หนุนใจซึ่งกันและกัน
1 เธสะโลนิกา [5:11] เหตุฉะนั้นจงหนุนใจกันและต่างคนต่างจงก่อกันขึ้น ตามอย่างที่ท่านกำลังทำอยู่นั้น
2 โครินธ์ [1:3] สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาแห่งพระเยซูคริสตเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงความเมตตา พระเจ้าแห่งความชูใจทุกอย่าง
2 โครินธ์ [1:4] พระองค์ผู้ทรงชูใจเราในการทุกข์ยากทั้งสิ้นของเรา เพื่อเราจะสามารถชูใจคนเหล่านั้น ที่มีความทุกข์ยากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยความชูใจ ซึ่งตัวเราเองได้รับจากพระเจ้า
2 โครินธ์ [1:5] เพราะว่าเรามีส่วนทนทุกข์กับพระคริสต์มากฉันใด ความชูใจของเราเนื่องจากพระคริสต์ก็มากฉันนั้น

การหนุนใจ ชูใจ หรือปลอบประโลมใจ หมายถึงการที่เราได้ยืนอยู่ข้างๆคนคนนั้น เพื่อคอยพยุงให้คนคนนั้นมีกำลังยืนอยู่ได้ต่อไป หรือหมายถึงการทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้น คุณเองเมื่ออ่านบทความนี้หลายคนคงเคยได้รับคำหนุนใจ เมื่อยามยากลำบากต่างๆ เรามักได้ยินคำหนุนใจมากมาย มากจนเยอะหรือเมื่อเราเองกำลังอยู่กับคนที่โศกเศร้า เราเองก็อาจจะอยากปลอบใจ อยากหนุนใจ เพื่อให้คนคนนั้นรู้สึกดีขึ้น เรามักมีความคิดว่าเราต้องพูดต้องหนุนใจ บางครั้งเคยมีคนต่อว่าผมว่า ทำไมไม่หนุนใจเพื่อนบ้างในยามที่เขาทุกข์ยาก ทำไมไม่มีคำพูดหนุนใจเลย

หลายคนมีความคิดว่า การหนุนใจต้องเดินเข้าไปและหาคำพูดที่จะพูด พยายาม หาถ้อยคำที่กินใจ และแตะใจ จนบางคนกลัวที่จะหนุนใจ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี
ผมเคยรู้สึกผิดหวังอะไรบางอย่างจนถึงกับไม่สบาย มีเพื่อนๆมาหนุนใจผม พยายามหาเหตุผล วิเคราะห์ต่างๆ วิจารณ์ เพื่อให้ผมรู้สึกดีขึ้น แน่นอนเมื่อมองที่ความพยายามแล้วเขามีความตั้งใจที่ดี เขาพยายามหาสาเหตุ ว่าทำไมจึงเกิด ย้อนไปถึงอดีตความดีที่เราเคยทำ อีกหลายคนต่อมาก็พูดในทำนองเดียวกันเรื่องคล้ายๆกัน จนผมรู้สึกอยากอยู่คนเดียวเสียมากกว่าที่จะมานั่งฟังคำหนุนใจที่บางครั้งอาจจะทำให้รู้สึก
แย่ลงมากกว่าที่จะดีขึ้น

ผมไม่ได้หมายถึงการพูดไม่ใช่สิ่งที่ดี แต่เมื่อเราต้องการจะหนุนใจใครสักคนพระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานถ้อยคำให้กับเราที่จะมีวิธีการ ซึ่งไม่ได้หมายถึงการที่เราต้องพูดเยอะๆ มากๆเสมอไป ผมเคยได้ยินคำหนุนใจคนป่วยคนหนึ่ง และเมื่อมีพี่น้องมาหนุนใจ กลับกลายเป็นทำให้เขารู้สึกแย่ลง เมื่อมีการพูดว่า นี่ถ้าไม่ไปทำแบบนั้น แบบนี้ก็คงไม่ป่วย ถ้าเชื่อฉันเธอคงไม่เป็นแบบนี้

ผมเองเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบที่จะพุดมาก แต่ชอบฟังเขาพูดมากกว่า เขาอาจจะพูดอะไรที่น้อยเนื้อต่ำใจ พูดในแง่ลบมุมลบ หมดอาลัยตายอยาก แต่นั่นเป็นช่องทางที่เราจะอธิษฐานสั้นๆและสวนกระแสถ้อยคำแห่งคำแช่งสาบเหล่านั้น หรือตอบคำถามสั้นๆ บางครั้งการนั่งเฉยๆในความเงียบไม่ต้องพยายามหาเหตุผลและถ้อยคำต่างๆอะไรมากมายก็อาจดีกว่าก้ได้

ไม่มีสูตรตายตัวในการหนุนใจว่าเราต้องทำวิธีไหน การหนุนใจชูใจไม่ใช่มาม่าเทน้ำร้อนและสำเร็จรูป แต่พระวิญญาณจะประทานวิธีการให้แก่เรา
โยบเองได้เบื่อกับถ้อยคำหนุนใจมากมาย โยบต้องการความเงียบมากกว่าที่จะมีคนพุดมากมายสวนกันไป
สวนกันมา จนทำให้รู้สึกแย่ลง
 
โยบ [13:5] โอ ท่านน่าจะนิ่งเสีย และความนิ่งนั้นจะเป็นสติปัญญาของท่าน
เพื่อนๆของโยบนั้นพูดถูกว่าพระเจ้านั้นเป็นพระเจ้าผู้ทรงยุติธรรมและพระองค์เกลียดความบาปและทรงลงโทษความบาป แต่เพื่อทั้งสามของโยบเหมาเอาเองว่าสิ่งที่โยบกำลังเจออยู่นั้นเป็นสิ่งที่โยบสมควรจะได้รับและสมกับความผิดบาปของโยบ เขาพยายามพูดๆถึงสาเหตุและความทุกข์ยากลำบากของโยบ
เพื่อนของโยบใช้ความถูกต้องมาตีความใช้อย่างผิดๆ การหนุนใจคือการยืนอยู่เคียงข้างเพื่อไม่ให้เขาล้มลง คอยพยุงให้เขามีกำลังขึ้น ไม่ใช่การตัดสินโทษ
บางครั้งคนที่ต้องการคำหนุนใจมากที่สุดคือ เพื่อนที่อยู่เคียงข้างเขามากกว่าผู้บรรยายและผู้ตัดสินและผู้ต่อว่า
เหนือสิ่งอื่นใดจงวางใจในพระเจ้า

ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship

1 ความคิดเห็น: