ทุกวันนี้เราแบกอะไร
ทุกวันนี้เราแบกอะไร เป็นคำถามที่สำหรับผมน่าคิดและใคร่ครวญมาก ๆ หากเราบอกว่าเราคือ "คริสเตียน" หรือผู้เชื่อในพระเยซูแล้ว เรากำลังแบกอะไรอยู่บนบ่าของเราลก. 14:27 และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้
แบกกางเขน ถ้าถามว่าเรายินดีที่จะแบกกางเขนตามพระเยซูไปไหม ทุกคนจะตอบพร้อมกันว่า 'อาเมน' นับเป็นคำตอบที่น่ายินดียิ่งนัก แต่ในสภาพชีวิตความเป็นจริงแล้วล่ะ
การมาเชื่อพระเจ้าพระเจ้าไม่ได้สัญญาหรือซื้อเสียงด้วยเงินทอง ชีวิตที่สุขสบาย โรยด้วยกลีบกุหลาบ เดินบนพรมสีแดง ชีวิตไร้ที่ติ ร่ำรวย
แต่พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะอยู่ด้วย สถิตอยู่กับเรา เตือนเรา ช่วยเรา หนุนใจเรา ยืนเคียงข้างเรา และเป็นแสงสว่าง เป็นคำตอบให้กับเรา ฯลฯ
ชีวิตบนโลกนี้มันต้องบากบั้น เราต้องเจอการทดลองมากมาย การล่อลวงต่าง ๆ ที่ซาตานพยายามอย่างเต็มที่ พระวจนะจึงเตือนว่า
รม. 12:2 อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม
หากเราหลงไปกับโลกนี้สิ่งที่เราแบกนั้น อาจไม่ใช่กางเขนแต่เป็นแอกที่เป็นภาระ และบางคนอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังแบกแอกเหล่านั้นอยู่
คิดแค่ในแต่ละวันเราแบกอะไรบ้าง เราบอกเรารักพระเจ้า หลายคนเคยเข้าค่ายอบรม สัมนา ถวายตัวจนน้ำตาไหลพราก ยกมือทำพันธสัญญาว่าชีวิตนี้มอบให้พระองค์ผู้เดียวและสุดใจ แต่ในความเป็นจริงเราเป็นแบบนั้นไหม
ในแต่ละวันเราให้คุณค่ากับพระเจ้ามากแค่ไหน เราคุยเราให้เวลากับพระองค์มากเพียงไร หลายคนอาจจะมีภาระมากมาย งาน กิจการ การเรียน การสอบ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ข้ออ้างที่เราจะบอกว่าเราไม่มีเวลาให้กับพระเจ้า
- เรารู้จักดาราแทบทุกคน
- เรารู้จักตัวละคร ตัวการ์ตูน หรือประวัติของตัวละคร ประวัติของนักแสดงแทบเป็นแฟนพันธุ์แท้
- เราดูหนังทุกเรื่องที่เข้า ทนยอมเก็บออมเงิน
- บางคนอยากผม ก็ออกกำลังกายทุกวันวันล่ะเป็นชั่วโมง ๆ
- บางคนอยากขาว อยากสวยทางลัดก็ซื้อยาที่ทานแล้วขาวมาใช้ แล้วบอกว่า ผิดตรงไหนที่คนเราอยากดูดี
- เราล้วนทำสิ่งที่ชอบ ทำสิ่งที่รัก บางคนทำให้ได้ดีเพื่อจะบอกว่าเป็นที่ถวายเกียรติพระเจ้า เช่น บางคนทุ่มเทให้กับการเรียน ได้เกรด 4 ทุกวิชา ได้คะแนนสอบเต็มร้อยทุกวิชา จบมาได้งานทำดี ๆ เป็นหน้าเป็นตา พระเจ้าได้รับเกียรติ
- แต่บางคนแทบจะไม่รู้จักพระเจ้าเลย ไม่รู้จักพระเยซูเลย การรู้จักใครสักคนไม่ใช่รู้จักแค่ชื่อของเขาเท่านั้น แต่เป็นการรู้จักแบบสัมพันธ์ลึกซึ้งมากกว่าผิวเผิน
ลก. 9:23 พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา
การที่เราจะรับกางเขนแล้วแบกตามพระองค์ได้นั้น คือการเรียกร้องให้ปฏิเสธตัวเอง ไม่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง เป็นการอุทิศชีวิตอย่างสมบูรณ์ และตั้งใจเชื่อฟัง
"และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้" เราจะแบกกางเขนและเป็นสาวกของพระเยซูได้อย่างไร ?
คำว่า สาวก ในภาษาฮีบรูนั้น ใช้คำว่า “talmid” แปลว่า นักศึกษา , หรือศิษย์ (สาวก) มีความหมายว่า ผู้ที่ติดตามและ ผู้ที่มีชีวิตร่วมดำเนินไปกับพระอาจารย์ รวมทั้งร่วมเป็นและตายกับอาจารย์ สาวกในภาษาฮีบรู talmidim תלמידם (talmid) เป็นสาวกอย่างแท้จริงตามแบบของพระเยซู
คือการใช้ชีวิตร่วมกับอาจารย์ บางครั้งใช้คำว่า “ผู้เรียนรู้” คือ เรียนรู้ทุกอย่างจากอาจารย์ ปฏิบัติตามอาจารย์ ทั้งชีวิตและคำแนะนำ เป็นภาพของ การเดินตามรอยเท้าของพระเยซู รอยเท้าที่พระองค์เดินนำหน้าเรา
ดังนั้นการที่เราจะแบก “กางเขน” ตามพระองค์เพื่อจะเป็นสาวกนั้น เราต้องเข้าใจถึง กางเขนของพระองค์ในบริบทนี้ที่พระองค์ตรัส
หมายถึง เราต้องยอมแบกและพร้อมที่จะดำเนินตามพระองค์ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เดินตามรอยเท้าพระองค์ ประพฤติในสิ่งที่พระองค์สอนและสั่งไว้
ฉบับรากของภาษาฮีบรูใช้คำว่า “ใครก็ตามที่ไม่แบกกางเขน ของตนตามพระองค์ไป และประพฤติตามพระองค์ จะเป็นสาวกของพระองค์ไม่ได้”
พระเยซูทรงแบกกางเขน และพระองค์ตรัสคำว่าสำเร็จแล้วที่กางเขนนั้น ในเส้นทางที่ทุลักทุเล แสนสาหัส แทบจะไปไม่ไหว และไปไม่ถึง แต่พระองค์ไปจนถึงและสำเร็จ
มธ. 10:38 และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา
เราจึงแบกกางเขนที่มีจุดมุ่งหมาย กางเขนแห่งความสำเร็จ และเดินตามพระองค์ไป พระองค์ตรัสว่า คนนั้นก็จะมีค่าควรกับพระองค์
มธ. 16:24 พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา
บางฉบับบอกว่า ให้พวกเขาเอาชนะตัวเอง แบกกางเขน และตามพระองค์
พระเยซูตรัสเรียกเรา ให้ติดตามพระองค์เป็นสาวกของพระองค์ เมื่อเราจะติดตามพระองค์เดินในทางของพระองค์นั้นจำเป็นที่เราทั้งหลายจะต้องละทิ้งทุกสิ่งที่ถ่วงเราอยู่ และตามพระองค์ไป ทิ้งเนื้อหนังและของรักในโลกไม่ไม่จีรังยั่งยืนให้หมดสิ้นเพื่อเราจะตามพระองค์ไป เดินกับพระองค์ และรู้จักพระองค์
วันนี้เราจดจ่อหรือกลุ้มกับเรื่องอะไรเราก็แบกสิ่งนั้นที่เป็นแอกที่ถ่วงเราอยู่ แต่ไม่ใช่กางเขนหรือแอกของของพระเยซู
หากเรากังวลกับการหาเงินจนไม่เป้นอันทำอะไร
หากเราจดจ่อแต่ความสวยความงาม วัน ๆ หนึ่งน้ำหนักลดไปกี่กิโล
หากเราจะจ่อที่ความสวยงาม ดั้งโด่งพอไหม ผิวขาวพอหรือยัง
หากเราสนใจสิ่งสารพัด ผมย้ำว่าจนเกินไป วันนี้เราต้องพิจารณาดูว่า เราเป็นคริสต์แค่ในบัตรประชาชน หรือเราเป็นสาวกของพระองค์
มธ. 11:29 จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก
มธ. 11:30 ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น