วันอังคารที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2559

จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี

จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี
สภษ. 3:4 ดังนั้น จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์

จากพระวจนะตอนนี้ “จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี” หมายถึงอะไร เราต้องหาความโปรดปราน และชื่อเสียงดี ในสายตาของมนุษย์ด้วยหรือ คำว่า “จงหา” คือการ เสาะหา ค้นคว้าหา แสวงหาหรือ

ถ้าเราย้อนกลับไปดูพระวจนะในตอนต้น หัวข้อคือ “จึงถวายเกียรติแด่พระยาห์เวห์จึงจะได้สติปัญญา”
สภษ. 3:1 บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าลืมกฎเกณฑ์ของเรา แต่ให้ใจของเจ้ารักษาบัญญัติของเรา
สภษ. 3:2 เพราะสิ่งเหล่านี้จะเพิ่มวันเดือนปี ชีวิตยืนยาว และความสุขสมบูรณ์แก่เจ้า
สภษ. 3:3 อย่าให้ความเมตตาและความจริงทอดทิ้งเจ้า จงผูกมันไว้ที่คอของเจ้า จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเจ้า

พระเจ้าพระองค์ทรงพระประสงค์ให้เราเชื่อฟัง การเชื่อฟังเป็นการถวายเกียรติและเป็นบ่อเกิดของสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า พระคัมภีร์เตือนเราไม่ให้ลืมคำสอนและบัญญัติของพระองค์ เมื่อเราเชื่อฟังพระวจนะสัญญาว่าเราจะมีชีวิตยืนยาว และมีความสุข เจริญรุ่งเรือง ตามหลักการแพทย์ก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ชีวิตที่มีความสุขก็ทำให้ยืนยาวกว่าการดำเนินชีวิตด้วยความเครียดที่อาจจะก่อให้เกิดโรคภัยต่าง ๆ

ดังนั้นในข้อที่ (3) อย่าให้ความเมตตาและความจริงทอดทิ้งเราไป ในภาษาฮีบรู ความเมตตาและความจริงคือ chesed and emet พระเจ้าพระองค์ทรงพระเมตตาและถ้อยคำของพระองค์เป็นความจริง พระวจนะที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ก็เป็นความจริง ดังนั้นจงยึดไว้นี่เป็นสำนวนที่หนุนใจเราว่า อย่าให้ ความจริงทอดทิ้งเราไปหรือห่างหายไปจากเรา แต่จงเขียนมันไว้ที่แผ่นจารึกแห่งหัวใจของเรา

ยรม. 31:33 “แต่นี่จะเป็นพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเชื้อสายของอิสราเอลภายหลังสมัยนั้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ “เราจะบรรจุธรรมบัญญัติไว้ในเขาทั้งหลาย และเราจะจารึกมันไว้บนดวงใจของเขา และเราจะเป็นพระเจ้าของเขา และเขาจะเป็นประชากรของเรา

ฮบ. 10:16 “องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า นี่คือพันธสัญญาซึ่งเราจะทำกับเขาทั้งหลาย หลังจากสมัยนั้น เราจะบรรจุธรรมบัญญัติของเราไว้ในใจของพวกเขา และเราจะจารึกมันไว้ในจิตใจของพวกเขา”

ดังนั้น “จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี” จึงไม่ได้หมายถึงการแสวงหาชื่อเสียง และหาความโปรดปราน
สภษ. 3:4 ดังนั้น จงหาความโปรดปรานและชื่อเสียงดี ในสายพระเนตรพระเจ้า และในสายตามนุษย์

แต่หมายความว่า เมื่อเราเลือกที่จะเชื่อฟังในบัญญัติของพระเจ้าเรา “จะพบ” ความโปรดปราน และความเข้าใจอันดี
ในฉบับ ThaiKJV สภษ. 3:4 ดังนั้น เจ้าจะพบความโปรดปรานและความเข้าใจอันดีในสายพระเนตรพระเจ้าและในสายตามนุษย์

“ความโปรดปราน, พระกรุณา, พระเมตตา” ในพันธสัญญาเดิมหรือทานัค ก็คือ “พระคุณ” ของพระบิดานั่นเอง

ในหลาย ๆ ฉบับที่ยึกการแปลจากภาษาเดิมที่เป็นฮีบรู ส่วนใหญ่ก็จะใช้คำว่า ความโปรดปราน และความเข้าใจอันดี

การเชื่อฟังและจึงรับความโปรดปรานหรือไม่ อาจจะมีคนเห็นต่างว่า แม้ไม่เชื่อฟังพระเจ้าก็ประทานพระคุณและความโปรดปราน แต่ที่แน่นอนคือ เมื่อเราเต็มใจที่จะเชื่อฟัง พระคัมภีร์สัญญาว่า เราจะพบกับความโปรดปรานและความเข้าใจอันดี คือสติปัญญาที่มาจากพระเจ้าแน่นอน

ขอบคุณพระเจ้าที่เราจะรักในคำสอนตลอดจนบัญญัติของพระองค์ เพื่อที่เราจะพบพระคุณคือความโปรดปรานของพระองค์ ตลอดจนสติปัญญาที่พระองค์ทรงประทานให้

บทความนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการขัดแย้งพระคัมภีร์ เพียงแต่นำเสนอการตีความและความเข้าใจในสำนวนของพระคัมภีร์ด้วยตัวของพระคัมภีร์เอง
ชาโลม
ktm.Emunah

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น