การกลับใจและการเชื่อฟัง
ฉธบ. 27:10 เพราะฉะนั้นท่านจงเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และรักษาพระบัญญัติและกฎเกณฑ์ของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านไว้ในวันนี้”
การเชื่อฟังเป็นการแสดงความรักของเราที่มีต่อพระเจ้า และผลของการเชื่อฟังและประพฤษติตามก็คือ เราได้รับความรักของพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตต่อเราด้วย
พระเจ้าให้เสรีภาพกับเรา อยู่ที่เราจะ "เชื่อฟัง" หรือไม่ผู้เชื่อบางคนอาจจะดื้อใช้ชีวิตตามใจชอบ ตามตัณหาเนื้อหนัง พระคัมภีร์สอนอย่างไรก็ประพฤติค้านตรงกันข้ามด้วยความดื้อดึง สุดท้ายก็ต้องรับผลในความดื้อดึงนั้น
บุตรน้อยหลงหาย เขาไม่เชื่อฟังบิดาและดื้อที่จะทำตามเนื้อหนัง สุดท้ายเขาก็ต้องรับผลในการไม่เชื่อฟังบิดานั้นด้วยการทุกข์ยากลำบากและต้องไปเลี้ยงหมู
ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกันในความดื้อดึงผลของการไม่เชื่อฟังอาจจะทำให้เราได้รับความอับอาย เสียใจ ผิดหวัง และคิดว่าไม่น่าทำอย่างนั้นเลยถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผลของการไม่เชื่อฟังในทางโลก เด็ก ๆ อาจจะถูกทำโทษ แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่อาจจะต้องติดคุก ในคริสตจักรเขาอาจจะได้รับความอับอาย
สุดท้ายบุตรน้อยคนนี้ กลับใจใหม่ และเริ่มคิดได้ว่าการที่ไม่เชื่อฟัง ต้องทำให้เขาเองต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ เขาจึงกลับไปหาบิดาของเขา
หากเรามองในมุมกลับกันหากบุตรน้อยคนเดียวกันนี้เชื่อฟังบิดาของเขาตั้งแต่แรก เขาก็ไม่ต้องไปเจอกับความทุกข์ยากลำบาก ไม่ต้องอาย ไม่ต้องสูญเสียเงินทั้งหมด ไม่ต้องไปเลี้ยงหมู
ทั้งสองกรณีต้องผ่านบทเรียนเดียวกันคือเรื่องของ "การเชื่อฟัง" แต่ผลหรือประสบการณ์ที่เผชิญนั้นแตกต่างกัน บทเรียนที่เราสอนกันทุกวันนี้คนที่ผ่านประสบการณ์กจะมีคำพยานที่เป็นหนังชีวิต ดราม่า อาจจะสนุก เคล้าน้ำตา กว่าจะผ่านอุปสรรคมาได้ กว่าจะกลับใจและหลังจากกลับใจชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน ต้องผ่านการเรียนรู้ กลับใจและนำสู่การเชื่อฟัง เจอกับมรสุมอะไรมาบ้าง ล้มลุกคลุกคลานเพียงใด
จึงกลายเป็นว่า กว่าจะมีวันที่ดีได้ ชีวิตคนเราต้องผ่านอุปสรรคมากมายเสียก่อน ต้องล้มลุกคลุกคลานเสียก่อนจึงจะเติบใหญ่และเข้มแข็งได้ จริงอยู่อุปสรรคทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ทั้งชีวิตมันก็ต้องเจอทุกคน ใช่ แต่เราเลือกได้ หากเราเชื่อฟังพระเจ้า ชีวิตเราจะดีกว่าการไม่เชื่อฟังหรือไม่ ? ทำไมเราจะผ่านบทเรียนการเชื่อฟังด้วยการต้องไปผ่านอุปสรรคมากมาย แต่เราเลือกได้ที่จะเชื่อฟังอย่างสุดใจเสียแต่วันนี้
ปัญหาและอุปสรรคในชีวิต ไม่ได้มาจากการไม่เชื่อฟัง ทั้งหมดแต่การเลือกที่จะเชื่อฟังอย่างสุดใจ นี่เป็นภาพของบุตรน้อยหลงหายที่ได้กลับใจ และหันกลับสู่การเชื่อฟัง เต็มใจที่จะกลับไปหาบิดาของเขา วันนี้มีเรื่องไหนบ้างที่เรายังไม่เชื่อฟัง พระเจ้าพระบิดาทรงรอเราอยู่ที่เราจะกลับใจและหันกลับมาหาพระองค์
ยน. 14:23 พระเยซูตรัสตอบเขาว่า "ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะรักษาคำของเรา และพระบิดาของเราจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขาและจะอยู่กับเขา
ดังนั้น การเชื่อฟังไม่ใช่แค่การพยักหน้า
obey เชื่อฟัง ทำตามคำสั่ง หรือตอบสนอง
มธ. 13:7 บ้างก็ตกกลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นปกคลุมเสีย
1 เชื่อฟังและ ตอบสนอง นำสู่การเกิดผล
มธ. 13:22 และเมล็ดซึ่งหว่านกลางหนามนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ฟังพระวจนะ แต่ความกังวลของโลก และการล่อลวงของทรัพย์สมบัติรัดพระวจนะนั้นเสีย จึงไม่เกิดผล
ไม่เกิดผล คือไม่สามารถเชื่อฟังได้ มันคือ อาการที่ ได้ยินถ้อยคำของพระเจ้า แต่การล่อลวงของโลกนี้ สกัดหรือยับยั้งเขาไว้ บีบจนกลายเป็นหมัน
ลก. 8:14 ที่ตกกลางหนามหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว และขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่ ความกังวล ทรัพย์สมบัติ และความสนุกสนานของชีวิตนี้ ก็รัดพวกเขาจนทำให้ผลไม่เติบโต
แต่ถ้าสิ่งที่หว่านลงไปนั้น ตกในดินที่ดี และเหมาะสม ก็จะเกิดผล
มธ. 13:8 บ้างก็ตกที่ดินดี แล้วเกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง
เพราะว่าการเชื่อฟังนำสู่การเกิดผล
มธ. 7:16 พวกท่านจะรู้จักพวกเขาได้ด้วยผลของพวกเขา ผลองุ่นนั้นเก็บได้จากต้นไม้มีหนามหรือ? และผลมะเดื่อนั้นเก็บได้จากพืชหนามหรือ?
อสย. 1:19 ถ้าพวกเจ้าเต็มใจและเชื่อฟัง เจ้าจะได้กินผลดีแห่งแผ่นดิน
การเชื่อฟังคำสั่ง หรือถ้อยคำของพระยาห์เวห์
ช่วยให้ อิสราเอลได้กินผลไม้จากแผ่นดินรัฐอิสราเอล
ลก. 8:15 ที่ตกในดินดีหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินพระวจนะแล้วจดจำไว้ด้วยใจที่ซื่อสัตย์ดีงาม จึงเกิดผลโดยความทรหดอดทน
4 ขั้นตอนของการเลี้ยวกลับ (กลับใจ Teshuvah)
1.เสียใจ
เสียใจ ต่อความสัมพันธ์ในการละเมิด ระหว่างเรากับพระยาห์เวห์
ลูกา 15:17-19
เมื่อเขารู้สำนึกตัวแล้ว จึงพูดว่า 'ลูกจ้างของบิดาเรามีมาก ยังมีอาหารกินอิ่มและเหลืออีก ส่วนเราจะมาตายเสียที่นี่เพราะอดอาหาร
18จำเราจะลุกขึ้นไปหาบิดาเรา และพูดกับท่านว่า “บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และผิดต่อท่านด้วย
19ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป ขอท่านให้ข้าพเจ้าเป็นเหมือนลูกจ้างของท่านคนหนึ่งเถิด”
-พระคัมภีร์ตอรนนี้เตือนเราว่า หยุด ! มองเสียก่อนที่คุณจะตกต่ำจนถึงที่สุด
และก่อนที่จะเลยไปไกลกว่านี้
-เราเสียใจหรือไม่ที่เราทำผิดบาป
-เราตั้งใจจริงหรือไม่ที่จะหยุดทำบาป นี่คือความถ่อมใจที่พระเจ้าทรงพอพระทัย
2.ละทิ้ง
คือการละทิ้งความบาป กลับใจด้วยความจริงใจ
ลูกา 15:20
20แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขา
นี่เป็นภาพให้เราเห็นว่า ไม่ต้องมีการลังเลใดๆทั้งสิ้น เขารีบลุกและกลับไปหาบิดาของเขา
การละทิ้ง คือการกลับใจใหม่ ในภาษากรีกนั้นคือคำว่า metanoeo = เปลี่ยนใจ การเลือกละทิ้งหรือกลับใจ ไม่ใช่แค่การพยักหน้า หรือเห็นด้วย และยังดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ
3.สารภาพ
คือสารภาพความผิดบาป
ลูกา 15:21
21ฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า 'บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป
4.แก้ไข
แก้ไข และก้าวต่อไปกับพระเจ้า
ลูกา 15:22-23,24
22แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า 'จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ กับเอารองเท้ามาสวมให้เขา
23จงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด
24เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก' เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น