วันนี้วันที่ 1 เมษายน April Fool's Day หรือ วันโกหก
วันแห่งการโกหก หรือวันเมษาหน้าโง่ เป็นวันที่ทุก ๆ คนสามารถโกหกหรือแกล้งกันได้ด้วยการโกหก โดยที่จะไม่ถือโทษโกรธกัน
ดังนั้นเราอาจจะเห็นการปล่อยข่าว ยิ่งในยุคที่ social เป็นที่นิยมและกระจายข่าวได้รวดเร็ว จะมีข่าวลือต่าง ๆ นานา สุดท้ายแล้วจึงจะมีการเฉลยว่า "นี่คือการโกหก"
ประวัติความเป็นมา วันโกหก April Fool's Day
มีตำนานเล่ากันมาว่า เมื่อสมัยก่อน พวกฝรั่งเขาก็มีวันขึ้นปีใหม่ใกล้ ๆ บ้านเรานี่แหละ คือเดือนเมษายน แต่แล้วทางการมีการเปลี่ยนวันปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม บังเอิญยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ ก็ยังคงส่ง ส.ค.ส. ให้กันในวันที่ 1 เมษายน พวกเขาก็เลยเรียกพวกนี้ว่าพวก "เมษาหน้าโง่" แล้วก็มีการแกล้งกันโดยไม่บอกความจริงเพื่อความสนุกสนาน จนกลายเป็นเทศกาลที่รู้จักและเล่นกันในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สกอตแลนด์ อิตาลี สเปน โปรตุเกส สวีเดน เยอรมนี นอร์เวย์ ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยแต่ละประเทศอาจมีวันโกหกไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายนเสมอไป
อย่างไรก็ตาม มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของวันโกหก April Fool's Day บ้างก็ระบุว่า เริ่มจากพวกโรมันโบราณ มีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่า วันโกหก April Fool's Day เกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรัก และเป็นช่วงที่พืชเจริญเติบโต ในขณะที่สัตว์ต่าง ๆ ก็หาคู่ด้วย กลุ่มนักบวชจึงพยายามหลอกล่อวิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้น จึงเป็นเดือนที่นักบวชจะต้องสวดเพื่อหลอกเหล่าวิญญาณร้ายนั่นเอง
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/22356
วันนี้เป็นเรื่องไม่บังเอิญบทเฝ้าเดี่ยวของวันนี้คือ สดุดี 12
สดด. 12:2 พวกเขากล่าวคำมุสาแก่กันและกัน เขากล่าวด้วยริมฝีปากที่ป้อยอและด้วยใจที่หลอกลวง
การโกหกคือความเท็จในบัญญัติสิบประการข้อหนึ่งก็บันทึกชัดเจนว่า ฉธบ. 5:20 อย่าเป็นพยานเท็จใส่ร้ายเพื่อนบ้าน คำว่าพยานเท็จคือพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ความจริง
แต่พระเจ้าเป็นความจริง ยน. 14:6 พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา
ดังนั้นโลกนี้กำลังถูกหลอกและล่อลวงว่า การโกหกนั้นเป็นที่สนุกสนานและไม่เป็นพิษภัยอะไร เป็นเหมือนเทศกาลที่เล่นกันในวันเดียวจะซีเรียสไปทำไม บางครั้งก้อาจจะดีเสียด้วยซ้ำ
แต่! พระเจ้าไม่ทรงเอาด้วยกับการ โกหก พระคัมภีร์ให้ความสำคัญกับลิ้นเป็นอย่างมาก แม้จะมีขนาดเล็กแต่มันก็อาจสร้างความเสียหายได้
ยก. 3:5 เช่นนั้นแหละลิ้นก็เป็นอวัยวะเล็กๆด้วย และพูดโอ้อวดอ้างการใหญ่ จงดูเถิด ไฟนิดเดียวอาจเผาไหม้มากเท่าใด
คำโกหกและคำมุสามาจากมาร
ยน. 8:44 ท่านทั้งหลายมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านใคร่จะทำตามความปรารถนาของพ่อท่าน มันเป็นผู้ฆ่าคนตั้งแต่ปฐมกาล และมิได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสาและเป็นพ่อของการมุสา
พระเจ้าไม่โกหก พระองค์เป็นพระเจ้าที่เป็นความจริงและไม่โกหก พระสัญญาที่พระองค์ได้ลั่นวาจานั้น จะสำเร็จทุกอย่าง
กดว. 23:19 พระเจ้ามิใช่มนุษย์จึงมิได้มุสา และมิได้เป็นบุตรของมนุษย์จึงไม่ต้องกลับใจ ที่พระองค์ตรัสไปแล้ว พระองค์ก็จะมิทรงกระทำตามหรือ ที่พระองค์ทรงลั่นวาจาแล้ว จะไม่ทรงกระทำให้สำเร็จหรือ
ฮบ. 6:18 เพื่อว่าโดยสองประการที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (พระเจ้าจะไม่ตรัสมุสา) เราผู้ที่ได้หนีไปยึดความหวังซึ่งมีอยู่ตรงหน้า เราจึงจะได้รับการชูใจอย่างมากมาย
พระเจ้าเกลียดการโกหก
สภษ. 6:16 มีหกสิ่งซึ่งพระเจ้าทรงเกลียด มีเจ็ดซึ่งเป็นที่น่าเกลียดน่าชังสำหรับพระองค์
สภษ. 6:17 ตา ยโส ลิ้นมุสา และมือที่ทำโลหิตไร้ผิดให้ตก
สภษ. 6:18 จิตใจที่คิดแผนงานโหดร้าย เท้าซึ่งรีบวิ่งไปสู่ความชั่ว
สภษ. 6:19 พยานเท็จซึ่งหายใจออกเป็นคำมุสา และคนผู้หว่านความแตกร้าวท่ามกลางพวกพี่น้อง
เราต้องตระหนักว่าเมื่อซาตานไม่ซื่อสัตย์กับพระเจ้ามันจึงลงมาเพื่อล่อลวงมนุษย์ด้วยคำโกหกต่างๆนานานั่นคือต้นเหตุและจุดเริ่มต้นของการโกหกเพื่อนำไปถึง การที่มนุษย์กบฏต่อพระเจ้า และไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์พระเยซูเรียกมันว่า พ่อของคำโกหก
ขอบคุณพระเจ้าที่ตอนนี้เรายังมีพระองค์ ขอบคุณที่พระเจ้า
ประทานหนทางและแนวทางให้กับเราในการดำเนินชีวิต ถ้าเราจะเป็นคนชอบธรรมที่สมบูรณ์เราต้องเกลียดความเท็จ
สภษ. 13:5 คนชอบธรรมเกลียดความเท็จ แต่คนชั่วร้ายประพฤติน่าอับอายและน่าอดสู
เราเลือกที่จะเป็นคนชอบธรรม หรือเลือกที่จะเป็นคนที่ประพฤติในทางตรงกันข้าม การตัดสินใจที่ถูกต้องจะนำเราไปสู่หนทางที่ดีๆหนทางดีๆ แต่ถ้าเลือกในสิ่งตรงข้ามก็จะนำไปสู่หนทางที่ตรงข้าม การตัดสินใจที่ถูกต้องสะท้อนความซื่อสัตย์ ของเราเอง การซื่อสัตย์จะนำเราไปสู่ความปลอดภัย ความไว้ใจ ความมั่นคงในหนทางที่ปลอดภัยอย่าพูดมุสาต่อกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้ว
คส. 3:9 อย่าพูดมุสาต่อกัน เพราะว่าท่านได้ปลดวิสัยมนุษย์เก่า กับการปฏิบัติของมนุษย์นั้นเสียแล้ว
สดด. 5:6 พระองค์ทรงทำลายผู้ที่มุสา พระเจ้าทรงสะอิดสะเอียนต่อผู้กระหายเลือดและคนหลอกลวง
สดด. 5:9 เพราะในปากของพวกเขาไม่มีความจริง จิตใจของพวกเขาคือการทำลาย ลำคอของพวกเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ พวกเขาประจบสอพลอด้วยลิ้น
พระวจนะตอนนี้แบ่งออกเป็น
- ปากของเขาไม่พูดจริง คือไม่พูดความจริง
ทุกคำพูดล้วนออกมาจากใจ การพูดความเท็จ มุมหนึ่งอาจจะไม่ตั้งใจ และอีกมุมหนึ่งก็คือการพูดเพื่อทำลายอีกฝ่าย
- ลำคอของเขาเหมือนหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
- และพวกเขาประจบสอพลอด้วยลิ้น
ลำคอของพวกเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ พวกเขาประจบสอพลอด้วยลิ้น หมายถึงอะไร ?
หลุมฝังศพที่เปิดอยู่ เป็นอุปมาของการเขียนพระคัมภีร์ ในบริบทนี้หมายถึง “พวกเขาพูดตลบตะแลง”
แน่นอน คำพูดที่ ตลบตะแลง ย่อมไม่มีความจริง และตรงข้ามกับชีวิต คือ ตายพระคัมภีร์จึงเปรียบว่าการพูด ตลบตะแลง คือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่ และตรงกับ ความชั่วร้าย ที่มีบริบทเกี่ยวข้องกับ มารซาตาน เมื่อซาตานคือ พ่อของการมุสา หรือโกหก ในพระวจนะบันทึกชัดเจนว่า
สภษ. 18:21 ความตายและชีวิตอยู่ในอำนาจของลิ้น และผู้ที่รักมันก็จะกินผลของมัน
คำพูดที่ตรงข้ามกับความจริงคือความชั่วร้ายที่นำไปสู่ความตาย เราจึงเลือกจะพุดความจริงหรือจะพูดความเท็จ เราเองเป็นคนตัดสินใจในการพูด
ตลบตะแลง จึงตรงข้ามกับความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะมีความหมายในภาษาไทยว่า
อย่างพลิกแพลงด้วยเล่ห์เหลี่ยมให้หลงเชื่อ,ปลิ้นปล้อน, กลับกลอก, สับปลับ
ในภาษาอังกฤษ ใช้คำว่า deceitfully หมายถึง
ด้วยเจตนาจะหลอกลวง, ลวงตา, อย่างหลอกลวง อย่างไม่ซื่อ, อย่างไม่จริงใจ
ตลบตะแลง [ADV] deceitfully
Syn ปลิ้นปล้อน, กลับกลอก, สับปลับ
Def. อย่างพลิกแพลงด้วยเล่ห์เหลี่ยมให้หลงเชื่อ
Sample หล่อนเป็นคนพูดจาตลบตะแลงเชื่อถือไม่ได้
จงตามความจริงในพระคัมภีร์ อาจจะมีคำพูดที่กล่าวว่า โกหกสีขาว (white lie) โกหกเพื่อเจตนาดี ถนอมน้ำใจ หรือปกปิดบางสิ่งที่อาจจะสร้างความเสียหายที่จะตามมา หรือเพื่อคุณประโยชน์ แต่สุดท้ายแล้วโกหกก็คือการโกหกซึ่งขัดแย้งและตรงข้ามกับพระลักษณะของพระเจ้า เราต้องระมัดระวังที่เราจะไม่โกหก และไม่หลงอุบายในการโกหก พระเจ้าปกป้องเราเสมอ พึ่งในพระเจ้าเพราะพระองค์เท่านั้นที่ทรงเป็นความจริง
ชาโลม
ktm.Emunah
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น