บุคลิกภาพนั้น เป็นความประพฤติที่แสดงออกมาด้วยความเคยชิน บางคนอาจจะมีนิสัยแตกต่างกันไป บางคนอาจจะมีบุคลิกภาพ พูดจาห้วนๆไม่สุภาพ โผงผาง กระโชกโฮกฮาก ไม่ฟังเหตุผล คำพูดสามารถทำให้วงแตกได้เลย ทั้งที่ลึกไปภายในนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นเลย บุคลิกภาพของบางคนเวลาพูดจาจะมีเสียงดัง แสดงท่าทางด้วยอารมณ์ และดูเหมือนอยู่ในความโกรธอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ความจริงก็ไม่ได้โกรธอีกนั้นแหละ
ผมเคยถามคนเหล่านี้ว่าทำไมไม่พูดจาดีๆก็ได้ ทำไมต้องโมโห แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาซึ่งไม่แน่ใจว่าอาจจะทั้งรู้ตัวแต่ไม่ยอมรับ และไม่รู้ตัวเพราะมันเป็นบุคลิกภาพ เขาตอบว่า “ฉันเป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนาน ไม่รู้จักกันเหรอ(ไงวะ)” หรือรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับฉันเป็นของฉันแบบนี้ ใครจะทำไม เมื่อเจอคำตอบแบบนี้หลายคนหลายท่านอาจจะหมดมุกหรือแป๊กที่จะสนทนาคุยต่อได้แต่ให้มันเลยๆไปเถิด กลัวจะทะเลาะกันจะยิ่งยุ่งไปใหญ่
คนประเภทนี้จะรับฟังแต่ไม่สนใจที่จะแก้ไข เพราะเขาคิดว่าชีวิตขอบงเขานั้นก็เดินในทางของพระเจ้า สัมพันธ์กับพระองค์ทุกๆวัน อ่านพระวจนะ อธิษฐาน นมัสการเป็นชีวิต ..แต่มันแปลกไหมล่ะที่ใกล้พระเจ้าขนาดนั้นแต่บุคลิกยังไม่เปลี่ยนแปลง
บางครั้งบุคลิกและคำพูดของคนเหล่านี้อาจจะยั่วโทสะเราดังที่พระคัมภีร์บอกไว้ว่า
สุภาษิต [15:1] คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
คำถามเพียงเล็กน้อยอาจจะได้รับคำตอบที่ไม่หวานหูและนุ่นนวลตอบกลับมา เหตุนี้เองแผนการของซาตานจึงยั่วให้เรา มีอารมณ์ที่จะตอบโต้ด้วยความเผ็ดร้อนเช่นเดียวกัน เห็นวัยรุ่นเขาพูดกันว่า โห พูดแบบนี้มัน ปี๊ดๆ เมื่อมีการโต้ตอบความไม่สงบสุขก็จะตามมา ทีนี้ล่ะผลของพระวิญญาณสันติสุขหดหายหมด และตามมาด้วยบาดแผลก็เป็นได้
หลายคนคิดว่า เรามีเสรีภาพในการคิด ทำไมคนอื่นไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น เราเป็นของเราแบบนี้ ทำไมต้องให้เปลี่ยนด้วย งานรับใช้เราก็ทำได้ดี ความรู้พระวจนะก็มีมาก อธิษฐานก็เก่งแล้วทำไมต้องมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวด้วย
เมื่อพระเจ้าลงมาบนโลกนี้ทำไมพระองค์ไม่อยู่แบบพระเจ้าล่ะ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีฤทธิ์ยิงแสงได้ ทำไมไม่เผาไอ้คนที่มันทำร้ายพระองค์ให้วอดวายไป โดยเฉพาะพวกฟาริสี ทำไมพระเจ้าผู้สร้างจักรวาลและโลกนี้เป็นเหมือนฝุ่นในจักรวาล ถึงยอมถูกโบยตี ยอมถ่มน้ำลายลด ยอมถูกตรึงที่ไม้กางเขน ทำไมพระเจ้าที่มีความรู้มามายกว่ามนุษย์มากกว่าหนึ่งล้านเท่า ถึงสนทนากับความโง่เขลาและตอบปัญหาของเหล่าสาวกที่บางครั้งไร้สาระด้วยความสุภาพเล่า
เหตุนี้เองพระองค์ก็ยังบอกให้เราเลียนแบบพระองค์เพราะพระองค์มาเป็นแบบอย่างให้เรา
เอเฟซัส [5:1] เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
บางครั้งท่าทีและคำพุดน้ำเสียงที่แสดงออกก็มาจากความรู้สึกภายในและสะท้อนสิ่งนั้นออกมาด้วย เราจึงควรมีใจถ่อมและเสียสละเพื่อเห็นแก่คนอื่นๆด้วยความรัก ถ้อยคำที่ขาดความรักและความสุภาพอาจจะทำร้ายใครคนใดคนหนึ่งได้
โคโลสี [4:6] จงให้วาจาของท่านประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้จักตอบให้จุใจแก่ทุกคน
พระเจ้าให้เราสวมความสุภาพอ่อนน้อม ไม่เฉพาะแก่บางคนแต่กับทุกคน เราอยากให้คนอื่นเคารพเราอย่างไร เราก็ต้องเคารพคนอื่นด้วยอย่างนั้น
เราในฐานะคริสเตียนน้อยๆต้องมีความละเอียดอ่อนในคำพูดและบุคลิกภาพที่แสดงออกไป เราต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้อื่น เพราะอาจจะมีกับดักระเบิดในตัวของผู้อื่น คือความเปราะบาง ความบาดเจ็บ ความผิดหวัง ซ่อนอยู่ก็ได้ เราไม่อ่อนข้อต่อความบาปและเป็นศัตรูของมัน แต่พี่น้องของเราไม่ใช่ศัตรู เมื่อเรามีพระคริสต์อยู่ภายในและลงจากบัลลังก์ใจของตนเองและให้พระเยซูคริสต์นั่งบนบัลลังก์ใจของเราแทนที่เมื่อพระองค์เข้ามาครอบครองเราทั้งหมดแล้วเราเองก็เป็นพระเยซูน้อยๆที่จะสำแดงความรักของพะองค์ออกมา ทั้งคำพูดการกระทำ
โรม 12:2 "อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุค นี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจและอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม"
คงไม่ต้องอธิบายว่าคนยุคนี้ทำอะไรบ้าง พูดจาไม่เข้าหูอารมณ์หงุดหงิดง่าย การที่จะรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทำได้โดยการยอมให้พระเจ้าเปลี่ยนแปลง ยอมจำนนต่อพระองค์ ยอมรับในนิสัยและบุคลิกที่มันน่าเจ็บปวดที่จะยอมรับ อย่างที่บอกไปแล้ว นั่นคือให้พระองค์ครอบครองซะ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง
เขาจะไม่ได้เห็นและยอมรับในตัวตนของเราบุคลิกภาพของเราที่เป็นเสื้อที่สวมอยู่
โคโลสี [3:10] และได้สวมวิสัยมนุษย์ใหม่ ที่กำลังทรงสร้างขึ้นใหม่ตามพระฉายของพระองค์ผู้ทรงสร้าง ให้รู้จักพระเจ้า
2 โครินธ์ [5:17] เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
คุณเองจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปไม่ใช่แต่งกายใหม่ ปรับเปลี่ยนใหม่ แต่ได้ถุกสร้างขึ้นใหม่แล้วและดำรงชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์
คำพูดที่ดีจะเป็นการทำลาย หรือเป็นการเสริมสร้าง คำหนุนใจที่ดีจะเป็นการซ้ำเติมหรือพระพรที่หนุนใจ มันขึ้นอยู่กับท่าทีการพูดเท่านั้น
ผลของพระวิญญาณ จงสวมความสุภาพอ่อนโยน 1 เธสะโลนิกา 2:7
เปาโลบอกว่า เราอยู่ท่ามกลางพวกเจ้าด้วยความอ่อนโยน
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ด้วยรักในพระคริสต์
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น