ขอบเขตของเสรีภาพ
บทความหนุนใจ 15 เมษายน 11
สวัสดีครับ ขอบคุณพระเจ้าวันนี้ได้หยุดพักผ่อนจากงานรับใช้ แต่จะไม่หยุดที่จะอธิษฐานและ ก็มีเวลาได้เขียนบันทึกถ้อยคำที่พระเจ้าให้อีกครั้งหนึ่ง
ถ้าเราพูดถึงเสรีภาพ มันก็ทำให้เราคิดได้ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ถ้าพูดถึงการขาดเสรีภาพล่ะ ก็คือเราไม่มีอิสระไม่จะทำอะไรก้ไม่ได้เพราะเหมือนถูกจำจองพันธนาการ
ผู้ต้องขังในเรือนจำก็เช่นเดียวกัน เขาต้องอยู่ในรั่วที่มีกำแพงสูงใหญ่และหนา มีลวดหนามคอยกันไม่ให้ปีนหนี มีโซ่และกุญแจมือ พันธนาการไว้ เพราะก่อนที่เขาจะถุกคุมขังเขาได้ใช้เสรีภาพในการออกทำความผิดและนำสู่การถูกจับกุม
แต่เราเองเราเป็นคริสเตียนเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงไถ่ออกมาจากความมืด จากดินแดนของซาตานจากโลกที่มืดมิดมาสู่ความสว่าง จากการถูกพันธนาการต่างๆด้วยอำนาจมืด และบัดนี้เราเป็นไทแล้ว เรามีอิสระ และเสรีภาพแล้ว อาเมน
แต่หลายครั้งเราใช้เสรีภาพด้วยเหตุผลการวิเคราะห์ด้วยตัวของเราเองหรือไม่?
เราต้องไม่ใช้เสรีภาพนี้จนเกินขอบเขตและใช้อย่างผิดพลาดหลายคนใช้เสรีภาพเพื่อสนองความต้องการตัณหาและโลกียวิสัยของตัวเอง และเอาตัวเข้าไปสู่วิถีชีวิตเนื้อหนังของโลกนี้
ซาตานมักมีวิธีการและกลยุทธ์ที่นิ่มนวลเพื่อดึงดูดเราให้กลับไปหาสิ่งเดิมๆ วิถีของโลกนี้ และเมื่อนั้นเราก็จะกลับไปติดคุกที่ถูกพันธนาการเช่นเดิม
อาดัมเอวาเองก็มีเสรีภาพทุกอย่างในสวนเป็นผู้ครอบครองสวนเอเดนอันอุดมสมบูรณ์ เพียงแต่พระเจ้าสั่งห้ามอย่าแตะต้องผลไม้ต้องห้ามต้นหนึ่ง เมื่อเขาถูกล่อลวงโดยงูที่ใช้การหว่านล้อมต่างๆ เขาก็กินผลไม้นั้นเสีย ถ้าเราติดสนิทกับพระเจ้าเข้าสู่ความสัมพันธ์สนิทกับพระองค์เราจะรู้ได้ว่า สิ่งใดเป็นที่ชอบพระทัย และสิ่งใดไม่เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า
เสรีภาพของคริสเตียนไม่ได้หมายความจะทำอะไรก็ได้ เรารอดได้ไม่ใช่เพราะการทำดี แต่เป็นสิ่งที่พระเยซูคริสต์พระบุตรองค์เดียวของพระเจ้าเข้ามาและเอาชีวิตของพระองค์แลกมาด้วยเลือดด้วยเนื้อด้วยชีวิตและด้วยความเจ็บปวด
เสรีภาพของคริสเตียนจึงต้องติดอยู่กับความสำนึกและความรับผิดชอบ
2 โครินธ์ [3:17] องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น
เสรีภาพที่เรามีจึงเป็นเสรีภาพที่จะมีชีวิตเพื่อพระองค์ เสรีภาพจากตัณหาเนื้อหนังของโลกนี้ ความสนุกส่วนตัวทั้งหลาย เราต้องมีเสรีภาพต่อสิ่งนี้ คือไม่ให้สิ่งเหล่านี้มามีอิทธิพลต่อชีวิตของเราและมาพันธนาการชีวิตของเราอีกต่อไป เมื่อพระวิญญาณของพระเจ้าทรงอยู่ในเรา เป็นผู้ช่วยของเราเราจะรู้ว่าสิ่งใดควรและไม่ควร ควรเข้าไปยุ่งหรือไม่ควรเข้าไปยุ่งและเมื่อนั้นเราเองจะมีเสรีภาพ
กาลาเทีย [5:1] เพื่อเสรีภาพนั้นเอง พระคริสต์จึงได้ทรงโปรดให้เราเป็นไท เหตุฉะนั้นจงตั้งมั่น และอย่าเข้าเทียมแอกเป็นทาสอีกเลย
อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น ทุกคนรู้ดีว่าพระคริสต์เข้ามาในโลกเพื่ออะไร พระคริสต์พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อให้เรามีเสรีภาพ จากบัญญัติจากกฎเกณฑ์ต่างๆ และรวมถึงประเพณีต่างๆของโลกนี้ เราจึงมีเสรีภาพ แต่ไม่ใช่เสรีภาพที่เราจะทำอะไรก็ได้ตามที่เราต้องการ เพราะนั่นเป็นการนำตัวเองหวนกลับไปสู่การเป็นทาสของพันธนาการของความเห็นแก่ตัวของเรา
เรามีเสรีภาพแล้ว คือเสรีภาพที่เมื่อก่อนเราหลุดไม่ได้ หลุดจากความเห็นแก่ตัว คนที่อ้างเสรีภาพในการทำตามใจของตนเองก็จะหวนกลับไปสู่มันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่พระเยซูที่อ้าแขนรับเรา ซาตานเองก็อ้าแขนรับเราอยู่อีกฝั่งด้วยเช่นกัน เสรีภาพของเราคือเราต้องเลือกข้าง ว่าจะอยู่ข้างพระเจ้าผู้ได้รับชัยชนะ หรือจะอยู่ข้างซาตานผู้พ่ายแพ้ เพราะเห็นแก่ความสนุกสนานในโลกใบนี้เท่านั้น
กาลาเทีย [5:13] ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ที่ทรงเรียกท่านก็เพื่อให้มีเสรีภาพ อย่าเอาเสรีภาพของท่านเป็นช่องทางที่จะปล่อยตัวไปตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด
เปาโลกำลังทำให้เราเห็นว่า เสรีภาพในความบาป และเสรีภาพในพระเจ้า เสรีภาพในการทำตามใจปรารถนา หาเหตุผล วิเคราะห์ เพื่อจะเอาตัวเองเข้าไปในดงของซาตานนั้น จริงๆแล้วไม่ใช่เสรีภาพ ความหมายของเสรีภาพไม่ใช่ความหมายนี้แน่นอน เมื่อเราอ้างเสรีภาพเพื่อการนี้มันจะเป็นตัวผูกมัดให้เป็นทาสของซาตาน วิสัยบาป การทำตามใจปรารถนา ตามตัณหาของเนื้อหนัง เห็นแก่ความสนุกเพียงไม่กี่นาที ไม่นาน สันติสุขแท้ที่เราจะพบได้ ไม่ใช่การดำเนินตามใจปรารถนา หรือเดินตามโลกนี้ที่ถูกจัดงานสังสรรค์ขึ้นและสุดท้ายเป็นกับดัก แต่ความสุข สันติสุขที่แท้จริงอยู่ในพระเจ้า แต่เรามักโดนหลอกว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายในการแสวงหาพระเจ้า ถ้าแบบนั้นลองสำรวจตัวเองดูว่า เพราะอะไรถึงไม่พบสันติสุขแท้ เราอ่านพระวจนะของพระเจ้าเพราะอะไร โดนบังคับหรือเป็นกฎเกณฑ์ เราอธิษฐานวันล่ะกี่นาที ดูหนังกี่ชั่วโมง คอมพิวเตอร์กี่ชั่วโมง ในแต่ละวันเคยนั่งลงนมัสการพระเจ้าไหม แบบด้วยจิตวิญญาณและความจริงนะ ไม่ใช่เพราะว่าเพลงเพราะ แบบนี้ล่ะแผนการของซาตานจึงทำให้เราได้หาความสุขโดยการใช้เสรีภาพแบบได้มาง่ายๆ แต่ใครจะรู้ว่าความสุขนั้นเมื่อเราเดินเข้าไปเต็มตัวเมื่อไร ก็หมายถึงความตายเท่านั้น เพราะแบบนี้ ค่าจ้างของความบาปก็คือความตาย (ตายในฝ่ายวิญญาณ)
การมีชีวิตคริสเตียนจึงไม่ใช่พรมแดงที่ปู และเมื่อพระเยซูไถ่เรามาด้วยพระโลหิต และพระวิญญาณพระองค์ทรงอยู่ในเราประทานเสรีภาพให้กับเรา ใช่ว่าเราจะลากพระองค์ไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ที่ขัดกับพระทัยของพระองค์ รางวัลแห่งชัยชะ เปาโลถึงบอกเราว่า จงบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย และเมื่อนั้นเราจึงจะมีชัยชนะ
1 เปโตร [2:16] จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้น เป็นข้ออ้างเพื่อจะทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ขอบคุณพระเจ้า
ktm.worship
ขอบคุณพระเจ้าทุกครั้งที่อ่านบทความไม่เคยผิดหวังเลย ขอบคุณสำหรับคนเขียนบทความดีๆต่อจิตวิญญาณ ขอบคุณมากๆอีกครั้งคะ
ตอบลบด้วยความสามารถเพียงเล็กน้อย คงทำให้ผมหนุนใจใครไม่ได้ ขอบคุณพระเจ้าที่ประทานถ้อยคำแม้เป้นคนเล็กน้อยพระเจ้าก็ใช้ได้ครับ และขอบคุณคุณมากที่หนุนใจผมที่จะทำต่อไปด้วยเช่นกันครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ
ตอบลบ