ปิศาจตาเดียว
บทความหนุนใจ 16 เมษายน 11
วันนี้บทความนี้ไม่รู้จะยังมีคนอ่านอยู่อีกไหม หลังจากที่ผมเขียนเรื่องสงกรานต์ไปซะแรง ซึ่งอาจจะไม่โดนใจวัยรุ่นหลายๆคนครั้งหนึ่งผมเคยฟังคำเทศนาของนักเทศท่านหนึ่งซึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว และจำรายละเอียดไม่ได้ด้วย จำได้แต่จุดประสงค์ที่พระเจ้าให้ท่านหนุนใจพวกเราว่าเราควรทำเช่นไร แต่ผมอยากจะนำเสนอแบ่งปันตามสิ่งที่พระเจ้าประทานถ้อยคำให้เขียนออกมาทีละบรรทัดซึ่งบรรทัดต่อไปจะเขียนอะไรผมเองก็ยังไม่ทราบเลยด้วยซ้ำ
คุณเชื่อไหมว่าบางครั้งในบ้านของคุณบางครั้งมีการข่มขืน มีการฆาตกรรรม มีซากศพที่ตายแล้วลุกขึ้นมาเดินป้วนเปี้ยน หรือที่เรียกว่าผีนั่นแหละ มีการใช้เวทมนต์ มีการกระทำลามกอนาจารในบ้าน มีคนมาตะโกนคำหยาบคาย และด่าทอกันในบ้านของคุณ มีการค้าขายยาเสพติดต่างๆ
หลายคนคงปฏิเสธแน่ๆ ว่าบ้านของคริสเตียน หรือแม้ไม่ใช่คริสเตียนจะมีเรื่องแบบที่กล่าวมาได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่ผมอยากจะเพิ่มเติมด้วยว่า คุณเองที่เป็นเจ้าของบ้านก็เป็นคนหนึ่งที่เฝ้าดูและส่งเสริม ในเรื่องของการข่มขืน การฆาตกรรรม รวมถึงซากศพที่ตายแล้วลุกขึ้นมาเดินป้วนเปี้ยน การใช้เวทมนต์ ไสยศาสตร์ การกระทำลามกอนาจาร มีคนมาตะโกนคำหยาบคาย และด่าทอกันในบ้านของคุณ มีการส่งเสริมเรื่องยาเสพติดต่างๆ นั้นอยู่ด้วยซ้ำ คำตอบของทุกคนก็ยังคงยืนยันว่าไม่จริงอย่างแน่นอน
แต่ถ้าสิ่งเหล่านั้นอยู่ในบ้านคุณจริงๆล่ะถ้ามีสิ่งเหล่านั้นอยู่ในบ้านเราจริงๆเราจะทำยังไง สิ่งที่ผมกำลังกล่าวถึงนี้คือปิศาจตาเดียว ปิศาจตาเดียวที่ผมกล่าวถึงนี้ คือทีวีหรือโทรทัศน์ที่เรามีในบ้านนั่นแหละครับที่เป็นปิศาจในบ้านเรา มันโผล่มาและกลายร่างเมื่อผู้ติดตามมีความต้องการมันก็จะกลายร่างเป็นปิศาจตาเดียวและเอาสิ่งดังที่กล่าวมา เข้ามาในบ้านของคุณ
ละครต่างๆที่ส่งเสริมการนินทา อิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีกันแม้ต้องฆ่ากันเพื่อจะได้สิ่งที่ต้องการ การมีสัมพันธ์ทางเพศกันแบบไม่เลือกหน้า การข่มขืน การใช้ถ้อยคำหยาบโลนและหยาบคาย เมื่อใดที่นางร้ายหรือตัวโกงโดนฆ่าหรือโดนข่มขืนกลับคืนบ้าง เราก็นั่งดูด้วยใจสมน้ำหน้า และสะใจ เห็นด้วยกับสิ่งที่ตัวละครโดน แม้กระทั้งเดี่ยวไมโครโฟน ขอยกตัวอย่าง อุดม หรือน้าเน็กโดยเฉพาะคนหลัง แน่นอนมันเคยผ่านตาผมผมถึงเอามาแบ่งปันได้ ขอโทษนะครับขอยกตัวอย่างเต็มๆ ทั้งคำว่า ไอ้เฮี้ย ไอ้สัตว์ กูมึง แม่ง สารพัด คำพูดสองแง่สองง่าม นั่นคือพูดให้จินตนาการเอาเองในเรื่องสัปดนและทะลึ่ง ตลกหยาบโลนหยาบคาย ตลกบางคณะที่ถ้าไม่พูดหยาบคายเล่นอะไรกันแบบสกปรกก็ทำให้คนขำไม่ได้ รายการบางรายการที่ผู้หญิงออกมาแต่งตัวยั่วยวนและแฝงตามละครต่างๆ ที่นางเอกได้ขึ้นชื่อในด้านความเซ็กซี่ หนังไทยสมัยนี้เมื่อตลกมากำกับหรือแสดงก็มีแต่คำหยาบคาย คำหยาบโลน และไม่ก็มีแต่หนังผี และจากที่เคยสังเกตคริสเตียนหลายคนก็ชอบในเรื่องเหล่านี้ด้วย
ผมคงพูดไม่ได้ว่าให้เราทำตัวเป็นคนบริสุทธ์แต่ภายนอก ทำตัวโฮลี่ แต่เราต้องพิจารณาว่าเมื่อทำไปแล้ว พระเจ้าได้รับเกียรติไหม เป็นประโยชน์ต่อจิตวิญญาณไหม เราไม่ได้พูดในแง่มุมของคนเคร่งศาสนานะครับ
เนื้อหาต่างๆในรายการโทรทัศน์ทำให้ศีลธรรมเสื่อถอยลงไปทุกวัน มีแต่แย่ลง คำถามคือทำไมเราเองต้องเป็นตามกระแสของโลกนี้ด้วย
สดุดี 119:37 (NIV)
ขอทรงหันสายตาของข้าพระองค์จากสิ่งที่ไร้ค่า ขอทรงสงวนชีวิตของข้าพระองค์ตามพระวจนะของพระองค์ หรือในทางของพระองค์
ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า ขอทรงหันสายของข้าพระองค์ออกจากสิ่งที่ไร้ค่า แน่นอนว่าสิ่งไร้ค่านั้นย่อมเป็นสิ่งที่ล่อลวง น่าติดตามน่าดึงดูดเพราะนี่เป็นจุดเด่นของซาตาน เราไม่สามารถจะหันออกด้วยตัวของเราเอง เราต้องพึ่งพระเจ้าที่จะจับหน้าเราให้หันออกจากสิ่งไร้ค่าเหล่านั้น
ความบันเทิงของโลกนี้หลอกเราว่าความสุขวันพักผ่อน หรือการผ่อนคลายจากความเหนื่อยคือการที่ได้ดูละคร หนัง และอื่นๆ เพราะเหตุนี้แหละในช่วงที่เราอ่อนแอที่สุด เหน็ดเหนื่อย จิตวิญญาณเราก็อ่อนกำลังลงด้วย แทนที่เราจะเติมสิ่งไร้สาระลงไปเพื่อให้ซาตานทำลายเราได้ง่ายขึ้นในช่วงเวลาที่อ่อนแอ เรากลับต้องฟื้นฟูจิตวิญญาณเราด้วยการอธิษฐาน อ่านพระวจนะ และนมัสการพระเจ้า มากกว่าจะฟังเพลงทางโลกที่มีแต่คำแช่งสาบ บางเพลงกล่าวว่าฉันสมควรตาย เอสมควรตาย เธอมันเลวเธอมันแย่ และอีกมากมาย
ความคิดที่ว่าเมื่อเป็นแค่การแสดง เป็นแค่หนังแค่ละครจะไปซีเรียสทำไม ใช่นั่นเป็นแค่การแสดง แต่เวลาเราคิดเราคิดจริงๆไม่ใช่เหรอครับ เมื่อซาตานตั้งป้อมในความคิดของเราได้เมื่อไร เราก็เป็นทาสสิ่งเหล่านั้น ละครไทยหลายเรื่องเลย จะว่าทุกเรื่องก็ได้ ต้องมีการบวงสรวงก่อนการถ่ายทำ และดาราทุกคนต้องเข้าพิธีนี้ นั่นหมายถึงว่า เราได้ดูการแสดงอันมีซาตานเป็นผู้กำกับการแสดง เพราะพิธีบวงสรวงและการครอบครูไหว้ครูนั้น เท่ากับเป็นการเชิญวิญญาณชั่วให้เข้ามามีอิทธิพลและควบคุมการแสดงนั้น หลายคนอาจจะบอกว่ายังงั้นก็ดูหนังฝรั่งก็ได้ แต่ในความเป็นจริงวิญญาณชั่วมันเข้ามาตั้งแต่เนื้อหาของหนังที่ขัดแย้งกับพระวจนะและพระคำของพระเจ้าแล้ว เมื่อเราดูก็เท่ากับเราเห็นด้วยกับความบาปในทางความคิด ข่าวการฆ่าตัวตาย การเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ โดยที่ยังไม่ได้สอนเด็กเลย ก็มาจากพฤติกรรมในละครด้วย
เราต้องปกป้องความคิดอย่าให้สิ่งใดมาตั้งป้อมอยู่ในความคิดของเรา อย่าได้อะลุ่มอะหล่วยกับความบาปและปิศาจตาเดียว อาวุธที่เราจะจัดการมันได้คือ พระวจนะ การนมัสการ และคำอธิษฐาน เมื่อเรามีอาวุธ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเตือนเรา แต่การเลือกเป็นของเราเองว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร สิ่งใดเป็นที่ชอบพระทัย สิ่งใดไม่ชอบพระทัย เมื่อนั้นจงลุกขึ้นและเดินหนีไปเนื้อหนังเราไม่เข้มแข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับมันโดยไม่คิดอะไร เป็นเหมือนโยเซฟที่วิ่งหนีนายหญิง ภรรยาของเจ้านายที่ยั่วยวนโยเซฟ
ปฐมกาล 39:12 นางก็คว้าเสื้อผ้าโยเซฟเหนี่ยวรั้งไว้ แล้วพูดว่า "มานอนอยู่กับฉันเถิด" แต่โยเซฟทิ้งเสื้อผ้าไว้ในมือนางหนีไปข้างนอก
1 โครินธ์ 6:18NIV
บอกว่า จงหลีกหนีจากการผิดศีลธรรมทางเพศ
ไม่ใช่แค่เรื่องเพศเท่านั้นการเห็นด้วยกับปิศาจตาเดียวคือการที่เรานั่งดูมันและสนุกกับมันเพลิดเพลินไปกับพวกมัน
เอเฟซัส 5:4 บอกว่า อย่าพูดหยาบโลน ลามก เฮฮาไร้สาระหรือตลกหยาบช้า ซึ่งไม่สมควร แต่ให้ขอบพระคุณพระเจ้าดีกว่า
ไม่ใช่แค่คำพุดที่เราต้องสงวนไว้ แต่หมายถึงการรับฟังด้วย เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย เมื่อพระคัมภีร์เน้นในเรื่องของลิ้นมากมาย เราเองต้องสนับสนุนถ้อยคำของพระเจ้าโดยการไม่สนับสนุนกิจการเหล่านนั้น
ปิศาจตาเดียวมีอันตรายหลายอย่างแม้กระทั่งความโลภที่ล่อลวงมนุษย์ให้เกิดความโลภ
อพยพ 20:17
อย่าโลภอยากได้บ้านเรือนของเพื่อนบ้าน อย่าโลภอยากได้ภรรยาของเพื่อนบ้านหรือคนรับใช้ชายหญิงขจองเขา วัวหรือลาของเขา หรือสิ่งใดๆที่เป็นของเพื่อบ้านของเจ้า
ถ้าเราสังเกตละครและสิ่งที่สื่ออกมาในทีวี มักจะขัดแย้งกับพระวจนะทั้งสิ้น ทั้งการแก่งแย่งชิงดี แย่งทรัพย์สมบัติกัน แย่งผัวแย่งเมียกัน เอาคนรับใช้มาเป็นเมียน้อย แน่นอนเราอาจจะไม่ได้ทำสิ่งเหล่านั้น แต่การที่เราเสพเรื่องแบบนี้ก็เท่ากับเราเห็นด้วย เพราะว่าเพียงแค่ความคิดของเราก็มีผลและเราก็ต้องรับผลนั้นแล้ว ในละครในโฆษณามักสอดแทรกสิ่งเหล่านี้เข้ามาด้วย โฆษณาบัตรเครดิตต่างๆ หรือรถแลกเงิน เงินด่วนทันใจ มีบ้านมีรถลอยมา ทำให้คนไทยเป็นหนี้กันบานเบอะจนท่วมหัวไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นเราจะทำบัตรไม่ได้ แต่หมายถึงการสื่อสารที่ออกมามันบ่งบอกถึงความต้องการที่จะล่อลวงคนให้มีความโลภและมีในสิ่งที่คนอื่นมีด้วย
ในบทเฝ้าเดี่ยวของเช้าวันหนึ่งใน มานา ได้กล่าวว่า ใน โคโลสี 3:5
เหตุฉะนั้นจงประหารโลกียวิสัยในตัวท่านเสีย มีการล่วงประเวณี การโสโครก ราคะตัณหา ความปรารถนาชั่ว และความโลภ ซึ่งเป็นการนับถือรูปเคารพ
ข้อ6 กล่าวต่อไปว่า เพราะสิ่งเหล่านี้ พระอาชญาของพระเจ้าก็จะลงมา
ใช่แล้วการพิพากษาของพระเจ้าจะลงมา และมาถึงอย่างแน่นอน เมื่อซาตานยึดป้อมความคิดเราได้เมื่อใดและตั้งป้อมความคิดได้เมื่อใด มนุษย์ก็จะตกเป็นทาสของมัน หลายคนติดละคร ติดหนัง เพราะนี่คือวิญญาณที่เสพติด เมื่อดูแล้วก็ติด และตกในกับดักของซาตาน มันเองไม่ต้องการลงไปในบึงไฟนรกคนเดียวหรอก
ฉะนั้นเมื่อสิ่งที่เห็นด้วยตาจะถูกนำไปประมวลเป็นความคิด และเมื่อคิด ซาตานก็ต้องป้อมในความคิดได้ เท่ากับเป็นการเปิดประตูให้ซาตาน อย่าให้ตาของคุณนำไปสู่ความตายเลย
มัทธิว 18:9
และถ้าตาของท่านเป็นเหตุให้ทำบาป จงควักทิ้งเสีย ซึ่งจะเข้าสู่ชีวิตโดยมีตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีสองตาแต่ต้องถูกทั้งลงในบึงไฟนรก
เมื่อคุณเลือกที่จะเป็นคริสเตียน คือการที่เราเลือกที่จะเดินตามทางของพระเจ้า อะไรที่เป็นหินให้คุณสะดุดเราต้องจัดการ จงหยุดที่จะเป็นทาสการสะกดจิตของปิศาจตาเดียวที่จะทำให้คุณหยุดการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ ซะตอนนี้
ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่จะสอนเรา คงเป็นไม่ได้ที่เราจะไม่ดูโทรทัศน์หรือไม่ดูอะไรเลย ยังมีรายการที่ดี ส่งเสริม และมีสาระ ข่าวสารต่างๆ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เราจะมีความไว มีตาฝ่ายวิญญาณที่ดี มีหูฝ่ายวิญญาณที่ไว เหมือนแอนตี้ไวรัสที่สแกนความสกปรกที่เข้ามา ขอพระเจ้าอัปเดทโปรแกรมของเราที่เราจะตรวจจับความบาปเหล่านี้ได้
ไม่เคยมีใครเสียชีวิตเพราะเลิกดูละครไม่เคยมีใครเจ็บป่วยเพราะเลิกดูหนังหรือตลกหยาบโลน ความสุขแท้อยู่ในพระเจ้าไม่ใช่สิ่งเหล่านี้
จงถวายเกียรติพระเจ้าที่อยู่ในเรา เมื่อใดที่เราเสพติดสิ่งเหล่านี้พระองค์ผู้ทรงขาวบริสุทธ์ ขาวคือไม่มีจุดดำไม่มีสีอื่นปน ไม่ใช่สีเทา เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาพระวิญญาณผู้บริสุทธิ์จะพรากจากเราไปด้วยความเสียพระทัย จงเฝ้าระวังให้ดีเราเองจะมีชัยชนะและมีอำนาจเหนือมัน เราจะควบคุมมันไม่ใช่มันกลายร่างเป็นปิศาจตาเดียวแล้วมาควบคุมเรา ทุกสิ่งอยู่ที่เรา เมื่อเราทุบตีเนื้อหนังได้อยู่มือคำหลอกลวงของมันก็ไม่มีอิทธิพลและไม่สามารถฝังเชื้อใดในชีวิตและความคิดของเราได้
ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ข้าพเจ้าทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ข้าพเจ้าไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของสิ่งใดเลย
1 โคริน 6:12
เราทำสิ่งสารพัดได้ ไม่มีใครห้าม..แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ ..เราทำสิ่งสารพัดได้ ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น 1 โครินธ์ 10:23
เราจะทำสิ่งสารพัดเพื่อความสนุกแค่นั้นแล้วไม่ได้มีประโยชน์มีสาระ หรือจะทำสิ่งที่ทำให้จิตวิญญาณโตขึ้น เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจเอง ว่าก่อนที่เราจะหาความบันเทิงของโลกนี้ เล่นคอมวันล่ะหลายชั่วโมง เสพเกมส์ในคอมพิวเตอร์ มุ่งมั่นหาโหลดหนังจนเต็มเครื่อง และดูแต่หนังอย่างที่บอกไป หรือดูละครยอดฮิตที่มีแต่อิจฉาริษยา และถูกกำกับโดยวิญญาณชั่ว จงชั่งน้ำหนักว่าเราให้อาหารฝ่ายจิตวิญญาณมากพอหรือยัง ถ้ายังอ่านพระวจนะวันล่ะ 20 นาทีหรือไม่อ่านเลย ไม่เคยนั่งลงอธิษฐานเลย ไม่เคยนมัสการเฝ้าเดี่ยวเป็นส่วนตัวเลย เมื่อนั้นประเด็นไม่ได้อยู่ที่ผมมาพูดแบบเคร่งศาสนาหรือเป็นลัทธิ หรือมานั่งถกเถียงกันแต่มันอยู่ที่ชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของท่านเอง
จงกล้าหาญและตัดสินใจแบบโยเซฟ และคุณจะคือผู้ชนะ
แถมอีกสักนิด
อยากหนุนใจท่านจากประสบการณ์เรื่องหนึ่ง เมื่อเราเองอยู่ในทีมนมัสการ หรือแม้แต่เป็นผู้นมัสการก็ดี และถ้าคืนก่อนจะถึงวันอาทิตย์ ถ้าเราเองยังดูละคร ไม่ว่าจะละครอะไร จะอิจฉาจะฆ่าล้างตระกูล หรือหนังผีสยดสยองก่อนจะนอน และตื่นเช้ามาวันอาทิตย์ซึ่งต้องนำนมัสการพระเจ้า สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบคือเราได้ปลดปล่อยสิ่งใดออกมาสู่บรรยากาศของการนมัสการ เมื่อเราต้องทำการเปิดฟ้าสวรรค์เพื่อนำการทรงสถิตของพระเจ้ามาถึงพี่น้องในคริสตจักร สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลอย่างมากมาย เมื่อทหารจะออกรบคงไม่มีกองทัพไหนดื่มเหล้าเมายาคืนก่อนรบในตอนเช้า เราเองซึ่งเป็นผู้นมัสการ ก็ไม่ควรรับสิ่งใดๆที่ซาตานพยายามตั้งป้อมความคิดของเรา มอมเมาเราเพื่อไม่ให้ไปถึงพระนเวศของพระเจ้าแบบหน้าต่อหน้า ลองดูสิครับและคุณจะสังเกตบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน เมื่อเราเฝ้าระวังนมัสการและอธิฐาน เพื่อยิงขีปนาวุธออกไปเคลียร์พื้นที่เพื่อบรรยากาศที่สดใสในการนมัสการ
ขอพระเจ้าอวยพระพร
ด้วยรักในพระคริสต์
Ktm.worship
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น