บทความหนุนใจ 21 เมษายน 2011
คุณผู้อ่านว่าการตรงต่อเวลาจำเป็นไหมสำหรับคริสเตียน ?สำหรับคริสเตียนแล้ว การเคร่งครัดเรื่องเวลาเป็นเรื่องของเนื้อหนังหรือไม่ ?
เราเองเมื่อพระเจ้าเรียกเราให้เป็นผู้นำ (ทุกคนคือผู้นำ) จำเป็นไหมที่ต้องตรงต่อเวลาและให้ความสำคัญหับเรื่องของเวลา ?
เราเองมีเสรีภาพ พระเจ้าให้เรามีเสรีภาพแน่นอน แต่พระคัมภีร์บอกว่าเสรีภาพที่ดีและถูกต้องคือเสรีภาพในพระองค์
1 โครินธ์ 10:23 เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำได้นั้นเป็นประโยชน์ เราทำสิ่งสารพัดได้ไม่มีใครห้าม แต่ไม่ใช่ทุกสิ่งที่จะทำให้เจริญขึ้น
การใช้เสรีภาพตามใจตนเองโดยการละเลยเรื่องของเวลาไม่ใช่เสรีภาพแต่เป็นพันธนาการและบ่วงที่ดักคนคนนั้น
พระเจ้าพระองค์มีพระประสงค์ให้เราเป็นเหมือนดั่งพระองค์ เมื่อเราเป็นคริสเตียนชีวิตของเราจะค่อยๆเปลี่ยนแปลง พระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอนเรานำเรา เปลี่ยนเราจากคนใช้การไม่ได้ ให้เป็นคนใช้การได้ และค่อยๆเป็นเหมือนพระองค์ มีบุคลิกภาพที่สำแดงออกดั่งเช่นพระองค์
เราต้องไม่ใช้การตรงต่อเวลาเป็นเจ้านายและเราเป็นทาสกฎเกณฑ์ของการตรงต่อเวลา แต่เราต้องเห็นแก่พี่น้องเมื่อมีการรับใช้ร่มกัน คนที่มาตรงเวลาเขาเหล่านั้นคือผู้เสียสละ บางคนละทิ้งครอบครัวในการใช้เวลาร่วมกัน บางคนเลื่อนนัดหรือปฏิเสธนัดหมาย บางคนละงานบ้านงานเรือนมา บางคนลางานมาในเวลาที่จำกัด บางคนบากบั่นมุ่งหน้ามาจากที่ที่ไกลแสนไกลเพื่อมาให้ตรงเวลา
แต่หลายครั้งผู้นำที่เป็นคริสเตียนกลับละเลยในเรื่องของเวลาและมาไม่ตรงเวลา เลยเวลาไปหลายสิบนาที บ้างก็ครึ่งชั่วโมง แย่หน่อยก็เป็นชั่วโมงไปเลยก็มี และคนที่นั่งรอเขาสามารถทำอะไรได้อีกมากมายหลายอย่างแทนที่จะต้องมานั่งรอ บางคนอาจจะเบื่อหน่ายกับการผิดเวลาของผู้นำ จนไม่คิดอยากจะมาเร็วอีกต่อไป และกลับที่จะมาช้าเช่นเดียวกัน และผลเสียที่ตามมาคือ คริสตจักรจะเป็นคริสตจักรแห่งความเอื่อยเฉื่อย เมื่อผู้นำเป็นคนไม่รู้จักการบริการเรื่องของเวลา ไม่รู้จักที่จะปรับปรุงตัว ซ้ำร้ายิ่งไปกว่านั้น เขาเหล่านั้นบางคนรู้ตัวแต่ไม่สามารถจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นมาได้ หลายคนเริ่มที่จะบ่น หลายคนเริ่มที่จะนินทา หลายคนเริ่มตัดสิน และพูดถึงการไม่ตรงต่อเวลา และขาดสันติสุข แต่ก็ไม่กล้าพูดกันซึ่งๆหน้า นี่คือผลร้ายที่จะเกิดขึ้นในคริสตจักร อย่าคิดตื้นๆแค่ว่า ฉันมีเหตุผลของฉัน การมีเหตุผลสุดวิสัยเป็นเรื่องที่ให้อภัยได้ แต่การเป็นแบบนี้จนติดเป็นนิสัยและบุคลิกภาพ จนเป็นสัญลักษณ์ส่วนตัวนับว่าเป็นเรื่องที่อันตราย อย่าเป็นคนที่เห็นแก่ตัว แต่จงเห็นแก่พี่น้อง อย่าเป็นเหตุให้ตัวเองในฐานะผู้นำเป็นเหตุให้พี่น้องสะดุด
พระเจ้าพระองค์ไม่เคยล่าช้าพระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อและตรงต่อเวลาเสมอ คริสเตียนต้องเป็นคนที่มีวินัยด้วย
1 โครินธ์ 14:40
"แต่จงทำทุกสิ่งอย่างเหมาะสมและเป็นระเบียบ"
คริสเตียนต้องสะท้อนชีวิตที่เป้นพระเยซูน้อยๆ ที่อยู่ภายในเราออกมาเพื่อคนจะได้เห็นและสัมผัสและชื่นชม ไม่ใช่ชื่นชมเราแต่เขาจะชื่นชมพระเจ้าภายในเรา
จงเป็นคนที่คาดหวังได้ ดีกว่าที่จะเป็นคนที่ไม่มีใครคาดหวัง
คริสเตียนบางคนก็ไม่คิดว่าการตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายวิญญาณ การพัฒนาบุคลิกภาพไม่ใช่แค่เรื่องตรงต่อเวลานั้นเกี่ยวกับนิสัยและวินัยโดยตรง
คนที่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้เวลาล่วงเลยมานานนับสิบปีหรือหลายปี คือคนที่ไม่ยอมจำนนในเรื่องแบบนี้ และไม่ถ่อมใจที่จะยอมรับฟังและไม่เคยนำไปคิดและใคร่ครวญ หากเขากระทำดั่งที่กล่าวมา เขาจะเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่พยายามด้วยตัวเอง เมื่อใดที่ยอมจำนนและยอมรับในความสามารถอันน้อยนิดพระวิญญาณจะเปลี่ยนแปลงและช่วยเราไม่ว่าเรื่องอะไร
ผมเชื่อว่าการขาดวินัยในเรื่องนี้ เป็นวิญญาณตัวหนึ่งที่ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด วิญญาณตัวนี้จะไม่สนใจในเรื่องของเวลา ดูเหมือนเป็นคนใจเย็น ไม่ร้อนรนในเรื่องของเวลา ไม่สนใจใคร แม้ทุกคนจะมีความหวังกับเขา
นัด 9.00 ก็จะมา 9.30-10.00
นัด 10.00 ก็จะมา 10.10-10.30
นัด 19.00 ก็จะมา 20.00 แบบนี้เป็นต้น คือขอให้ได้ช้าไว้ก่อน นี่เป็นวิญญาณที่ผูกมัดจริงๆ หลายครั้งก็เป็นเหตุสุดวิสัย และมากกว่า 80% ก็เป็นเรื่องที่โดนผูกมัด
โทษของการไม่ตรงต่อเวลา
1.กลายเป็นคนเกียจคร้าน คอยหาสาเหตุหลีกเลี่ยงงาน
2.เป็นคนผลัดวันประกันพรุ่ง
3.กิจกรรมหรือการงาน และชีวิตยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบ
4.กลายเป็นคนไม่ซื่อตรงต่อตนเอง
5.ทำให้ผิดนัด กิจกรรมหรืองานเกิดความเสียหาย
6.ไม่เป็นที่เชื่อถือของคนอื่น
ผมเชื่อว่าหลายคนที่อ่านบทความนี้ เป็นคนที่รักษาเวลาขอบคุณพระเจ้า แต่หลายคนก็อาจจะบกพร่องในจุดเหล่านี้ แม้ไม่มากแบบที่กล่าวมา แต่ก็อาจจะมีอยู่บ้าง เราต้องพัฒนาบุคลิกภาพของเราเองให้เป็นที่ถวายเกียรติพระเจ้า ซาตานต้องการทำลายและตั้งป้อมในความคิด และคนที่โดนผู้มัดด้วยวิญญาณเหล่านี้ก็มักจะเป็นกุญแจของซาตานที่จะทำลายสันติสุขของพี่น้องในคริสตจักรให้ขาดสันติสุข ขาดการชื่นชมยินดี และ เข้าสู่การนินทา ผมไม่ได้หมายถึงว่าคนคนนั้นเป็นซาตาน แต่ซาตานมักใช้จุดอ่อนของเขาโจมตีคริสตจักรโดยไม่รู้ตัว คนที่เข้มแข็งก็อาจจะผ่านจุดนี้ไปได้โดยการใช้ความรัก ความอดทนและการให้อภัย
ปัญหามันไม่ได้จบลงแค่การมาผิดเวลา แต่ปัญหามันจบลงที่บรรยากาศฝ่ายวิญญาณในการรับใช้จะอึมครึมไม่โปร่งใส
ข้าแต่พระเจ้าขอพระองค์ทรงเมตตาผู้รับใช้ของพระองค์ที่จะเปิดตาและเปิดใจยอมรับความอ่อนแอที่มียอมให้พระองค์เข้ามามีส่วนและเปลี่ยนแปลงในจุดอ่อนนี้ ขอพระองค์ทำลายป้อมของซาตานที่ตั้งป้อมผูกมัดเราไม่ว่าจะเรื่องตรงต่อเวลา และเรื่องวินัยอื่นๆ เพื่อเราจะเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ไอ้ซาตานเราสั่งเอ็งในพระนามพระเยซูคริสต์ว่า เอ็งจงออกไปเดี๋ยวนี้ ในพระนามพระเยซู
อาเมน
และขอหนุนใจคนที่รักษาเวลาและตรงต่อเวลา เป็นสิ่งที่ดีแล้วแต่เราต้องไม่ให้สิ่งนี้เป็นรูปเคารพด้วยเช่นกัน จงสวมผลของพระวิญญาณ
กาลาเทีย [5:22] ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย
ไม่ว่าเรากำลังเผชิญสถานการณ์ใดก็ตาม จงมีความรักเพราะความรักเอาชนะได้ทุกสิ่ง
จงคงไว้ด้วยความปลาบปลื้มใจและสันติสุข เพราะเราไม่ได้รับใช้มนุษย์แต่เรารับใช้เพื่อถวายเกียรติพระเจ้า ใครหว่านสิ่งใดก็จะได้ในสิ่งนั้น
จงอดกลั้นใจ อดทนคือสิ่งที่เราต้องสวม ไม่บ่น ไม่ว่า ไม่นินทาและไม่ตัดสิน พระเจ้าเท่านั้นที่มีสิทธิ์
ความปราณีความดีเท่านั้น จงแสดงความเมตตาเห็นเห็นใจเขาเหล่านั้นเพราะเขาถูกพันธนาการและน่าสงสารมากกว่า
ความสัตย์ซื่อ เท่านั้นจงสัตย์ซื่อแบบนี้ต่อไป อย่าเปลี่ยนแปลงและประพฤติตามคนที่ขาดวินัยและไม่ตรงต่อเวลา ซาตานมักล่อลวงเราให้สงสารตัวเองและติดกับดักมัน
จงสวมความสุภาพอ่อนน้อม การแสดงท่าทีไม่พอใจ และกระฟัดกระเฟียด ย่อมส่งผลที่ร้ายหนักเข้าไปอีก ถ้าเป็นงานรับใช้คุณทำให้พระเจ้าไม่ใช่มนุษย์ จงทำโดยสุดกำลังของเราเองเท่านั้นพอ
และรู้จักบังคับตน บังคับตนเองในทุกอย่าง กดและทุบตีเนื้อหนังให้อยู่หมัด ซาตานต้องการให้เราแตกความสามัคคีและขาดความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำความดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บ เกี่ยวในเวลาอันสมควร” กาลาเทีย 6 : 9
เปาโลหนุนใจให้เราทำดีต่อไปและเชื่อในผลที่ได้หว่านลงไป ในเวลาอันเหมาะสมเราจะได้เก็บเกี่ยว
ถ้าคิดจะรับใช้ อย่าเป็นคนที่ขาดวินัยในการไม่ตรงต่อเวลา เมื่อคนที่มานั่งคอยคุณสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างได้มากมาย บางคนยอมสละสิ่งที่สำคัญยิ่งเพื่อพระเจ้า จงอย่าให้สิ่งนี้เป็นนิสัย คำว่าสันดานไม่ใช้คำหยาบ แต่ความหมายของมันคือสิ่งที่ติดตัวมาและเป็นมาตั้งแต่เริ่มจำความได้ก็ติดตัวเป็นนิสัย เมื่อมนุษย์ทุกคนเกิดมามีบาป และมีความบาป เมื่อเราตัดสินใจเชื่อในพระเจ้า สิ่งเหล่านี้เราต้องเชื่อว่ามันจะถูกกำจัดออกไป จงตัดสิ่งเหล่านี้ออกไป
ถ้าเราเป็นทหารของพระเจ้าในฝ่ายวิญญาณ เราก็ต้องเป็นทหารที่ดีในฝ่ายกายภาพด้วย คือมีนิสัยที่ตรงต่อเวลา ขอพระเจ้าอวยพระพร
ด้วยรักในพระคริสต์
ktm.worship
บทความที่เกี่ยวข้องhttp://missionkorat.blogspot.com/search?q=%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น