วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2554

เหมือนดั่งสิ่งที่อยู่ใกล้


เคยได้ยินไหมครับว่าเมื่อเราอยู่ใกล้กับสิ่งไหน หรือคนคนไหน เราก็อาจจะมีบุคลิก ลักษณะนิสัยที่เหมือนกับคนคนนั้น และคนคนนั้นก็อาจจะมีบางอย่างที่เหมือนกับเรา ไม่ว่าจะเป็นท่าทาง หรือคำพูดที่ออกมา
ในอดีตสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเคยถูกห้ามจากพี่เลี้ยงในคริสตจักรว่า ไม่ควรไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆที่กินเหล้าเมายา และเสพติดบุหรี่ ในสมัยนั้นไม่มีเกม ไม่มีคอมพิวเตอร์เหมือนสมัยนี้ (บ่งบอกอายุผู้เขียนนิดหน่อย) ผมมีเหตุผลที่แย้งมากมายว่า ทำไม เราจะคบเพื่อนไม่ได้ ไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆไม่ได้ เรากลัวที่จะถูกล้อเลียนว่า ลูกแหง่ กลัวว่าไม่เจ๋งจริง ผมมีเหตุผลต่างๆว่าเราไปแต่เราไม่ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ หรือสูบบุหรี่ก็ได้นี่ เรามีจุดยืน และผมเองก็ไม่เชื่อฟังพี่เลี้ยงในตอนนั้น

เมื่อผมไปกับเพื่อนๆผมสั่งน้ำส้มมาดื่ม และนั่งดูเขาดื่มเขากินกันอย่างเมามัน เมื่อเราเข้าสู่อาณาจักรของความมืด พระวิญญาณที่อยู่ในเราเสียพระทัยและเตือนผมหลายครั้งแต่ผมเองไม่เชื่อ ผมเริ่มที่จะกินและดื่มเหล้าและเบียร์ เริ่มที่จะลองบุหรี่ สุดท้ายผมไม่ต่างจากคนเหล่านั้นเลย ผมเริ่มที่จะพูดจาหยาบคายแบบพวกเขา ผมเริ่มที่จะดูหนังมากแทนที่จะอ่านพระวจนะ ผมเริ่มที่จะหนีเรียนทั้งที่ไม่เคย ทั้งที่ผมเองได้เคยถูกเรียกว่าเรียบร้อย และน่ารักในคริสตจักร ความรู้สึกและสิ่งดีๆของผมถูกทำลายลงในตอนนั้นและผมเปลี่ยนไป แต่ในทางที่แย่ลง

แม้ผมจะเข้าสู่วงจรความมืดโดยที่ไม่เต็มใจหรือไม่อยากนัก แต่ความรู้สึกกลัวการไม่ยอมรับทำให้ผมเองได้เปิดช่องทางให้ความชั่วเหล่านั้น แม้คนที่ดีที่สุดเมื่อได้ลิ้มลองความชั่วร้าย และกว่าจะรู้ตัวก็เป็นทาสของมันไปแล้ว โยเซฟเองไม่ยอมเปิดช่องว่างให้ความชั่วนั้นและยอมโดนจองจำดีกว่าจะเปิดช่องให้กับความชั่วและความบาป

เปาโลเองก็ได้บอกทิโมธีให้ลบเลี่ยงและหนีความชั่วร้าย 2 ทิโมธี [2:22] ดังนั้นท่านจงหลีกหนีเสียจากราคะตัณหาของคนหนุ่ม และจงใฝ่ในทางธรรม ในความเชื่อ ความรัก และสันติสุขร่วมกับผู้ที่ออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจบริสุทธิ์

บางครั้งการที่เราจะวิ่งหนีก็เป็นเหมือนคนที่ขี้แพ้ ขี้ขลาดเราอาจจะโดนล้อเลียนว่าตาขาว แต่คนที่มีสติปัญญาจากพระเจ้าย่อมต้องเข้าใจว่ากรหนีและหลบจากการทดลอง (การทดลองมาจากซาตาน) คือการกระทำที่กล้าหาญ ไม่ใช่ขี้ขลาด เราอาจจะประสบการทดลองที่ยากและเย้ายวนล่อลวงเรา จงหลีกหนีจากสถานการณ์นั้นที่จะกระตุ้นเราให้เกิดความปรารถนาที่จะกระทำบาปนั้น อย่าให้ภาพของการวิ่งหนีและยอมแพ้เป็นภาพของคนขี้ขลาดและทำให้เราก้าวเท้าเข้าไปเผชิญหน้ากับความบาป แต่การวิ่งหนีต่างหาก
คือชัยชนะที่แท้จริง

ในโรม 8:5-8 เราต้องเลือกว่าจะเป็นคนที่ยอมให้วิสัยบาปครอบงำหรือเป็นคนที่ดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ หลายครั้งเราหลงอยู่ในประเภทแรก เมื่อเราเลือกใช้ชีวิตจดจ่อที่พระเจ้า เราต้องรู้ว่าอะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรที่ดียอดเยี่ยม ต้องรู้ว่าพระเยซูประสงค์ให้เราทำอะไร เมื่อพระวิญญาณเตือนเราจากภายในจงเชื่อฟังและทำตาม

กาลาเทีย [5:16] แต่ข้าพเจ้าขอบอกว่า จงดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณ อย่าสนองความต้องการของเนื้อหนัง
กาลาเทีย [5:17] เพราะว่าความต้องการของเนื้อหนังต่อสู้พระวิญญาณ และพระวิญญาณก็ต่อสู้เนื้อหนัง เพราะทั้งสองฝ่ายเป็นศัตรูกัน ดังนั้นสิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนาทำจึงกระทำไม่ได้

เมื่อเราดำเนินชีวิตตามพระวิญญาณพระเจ้าองค์บริสุทธิ์จะชี้ทางถูกต้องให้เรา เราเองมีเสรีภาพที่จะเลือก แต่พระวจนะบอกว่า อย่าใช้เสรีภาพในการปล่อยตัวตามวิสัยบาป การทำบาปความจริงไม่ใช่เสรีภาพ แต่เป็นการถูกพันธนาการต่างหาก

จงใช้ชีวิตใช้ชีวิตทุกวันโดยให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำเรา เมื่อเรายอมจำนน ฤทธิ์เดชของพระเจ้าจะควบคุมตัณหาของเรา เราต้องเข้าใจว่า ร่างกายของเราเป็นพระวิหารของพระเจ้า และพระวิหารย่อมไม่รับและต่อสู้กับความบาป

กฎของการหว่านเมื่อเราหว่านอะไรเราก็ได้สิ่งนั้น ถ้าเราหว่านความบาปเราเองก็จะเก็บเกี่ยวเอาความบาป
เราควรอยู่ใกล้สิ่งไหนมากกว่ากัน ดาวิดเองปรารถนาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้าตลอดวันคืน เพื่อติดสนิทกับพระเจ้า พระเจ้าต้องการความสัมพันธ์สนิทกับเราไม่ใช่เพราะพระองค์ขี้เหงาหรือไม่มีเพื่อน หรือต้องการการยอมรับแต่พระองค์เองต้องการความสัมพันธ์ที่สนิทของเรา ต้องการหัวใจของเรา เพื่อที่เราเองจะไม่ต้องอยู่ใกล้กับโลกและซึมซับเอาความบาปความเสื่อมโทรมที่ตกต่ำลงไปทุกๆวัน พระองค์ต้องการให้เราเป็นดั่งพระองค์ เป็นเหมือนพระองค์เมื่ออยู่ใกล้กับพระองค์

เอเฟซัส [5:1] เหตุฉะนั้นท่านจงเลียนแบบของพระเจ้า ให้สมกับเป็นบุตรที่รัก
ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีเพื่อนหรือคบใครไม่ได้เลย แต่การปฏิเสธต่อความบาป และสิ่งที่ไม่สมควรคือสิ่งที่เราต้องกล้ายืนหยัด ถ้าเขานำเราเพื่อจะให้เข้าสู่ความบาป ไม่ว่าจะเป็นการนินทา พูดจาตัดสิน กินเหล้าเมายา เสพยา ล่วงประเวณี คำหยาบคายต่างๆที่หลุดออกมา คริสเตียนหลายคนพูดคำหยาบคาย คำพูดที่ไม่สมควร ทำสิ่งที่ไม่สมควรต่างๆ พระคัมภีร์บันทึกชัดเจนว่า เอเฟซัส [5:7] เหตุฉะนั้นท่านอย่าคบหาสมาคมกับคนเหล่านั้นเลย เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้รู้จักกันได้ แต่ต้องไม่ให้เขามามีอิทธิพลเหนือเรา

ตอนนี้ผ่านมาเป็นสิบปี คนเหล่านั้นไม่ได้มีอิทธิพลต่อผมแล้ว เพราะผมมีพ่อกับแม่ที่รักพระเจ้าอย่างสุดใจ ทุ่มเทสุดๆ และอยู่ในทางของพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่ผมมีแบบอย่างที่ดีและผมได้ซึมซับจนเหมือนท่านทั้งสอง เมื่อเราใช้เวลากับพระเจ้า อ่านพระวจนะ อธิษฐานและนมัสการ นี่เป็นอาวุธที่จะใช้ต่อสู้กับเนื้อหนังความบาป พระเยซูเป็นแบบอย่างที่ดี พระองค์ไม่มีบาป พระองค์บริสุทธิ์ ความบาปและซาตานพ่ายแพ้พระองค์อย่างหมดรูป เมื่อเราใกล้ชิดและสนิทกับพระองค์ เป้าหมายสูงสุดของพระเจ้าในชีวิตของเราคือการทำให้เราเป็นเหมือนพระคริสต์ ชีวิตคริสเตียนเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระ
คริสต์มากขึ้นเรื่อยๆ 1 ยอห์น 3:2

ขอบคุณพระเจ้า
Ktm.worship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น